ความคิดเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร
บาไฮมีความเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้ามีเพียงองค์เดียว แต่เป็นที่รู้จักกันตามชื่อเรียกต่างๆ นานา ตามภาษาที่แตกต่างกัน เช่น พระองค์ถูกเรียกว่า ?ก๊อด?ในภาษาอังกฤษ ?ยาวีห์? หรือ ?ยะโฮวา? ในภาษาฮีบรู ?อัลลาห์? ในภาษาอาหรับ ?ดีโอส? ในภาษาสเปน ?พระพรหม?ในศาสนาฮินดู กระนั้นก็ตามอำนาจสูงสุดมีเพียงหนึ่งเท่านั้น ซึ่งคัมภีร์บาไฮอธิบายไว้ว่าเป็น พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง พระผู้ดำรง ??????????อยู่นิรันดร์
ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระผู้เป็นเจ้า เราอาจนึกคิดเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าได้บ้างโดยการสังเกตความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่พระองค์สร้างขึ้นมา ดังเช่นเราสามารถนึกคิดเกี่ยวกับจิตรกรจากการดูภาพเขียนของเขา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเข้าใจถ่องแท้ว่าพระผู้เป็นเจ้าคืออะไร มนุษย์ไม่สามารถคิดไปไกลกว่าประสบการณ์ของมนุษย์เอง และพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือประสบการณ์ของมนุษย์ แม้แต่การอ้างถึงพระองค์ด้วยคำว่า ?พระองค์? หรือ ?พระผู้เป็นเจ้า? หรือ จะด้วยชื่อใดก็ตาม เป็นเพียงเพื่อความสะดวกที่จะช่วยให้เราทำความเข้าใจในสิ่งที่เราไม่สามารถ ??เข้าใจได้
พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือญาณทัสนะของมนุษย์ ธรรมนิพนธ์บาไฮบอกไว้ว่ามนุษย์ไม่สามารถหยั่งรู้สาระของพระผู้เป็นเจ้า
?พระองค์ทรงเร้นลับอยู่ในสาระอนันต์ของพระองค์ และสภาวะของพระองค์จะคงซ่อนเร้นจากสายตาของมนุษย์ชั่วนิรันดร์…?
พระบาฮาอุลลาห์
?ตั้งแต่อดีตกาลที่หาจุดเริ่มต้นมิได้ พระองค์ผู้ทรงเป็นอนันต์ทรงซ่อนเร้นอยู่ในความวิสุทธิ์อันประเสริฐเกินกว่าจะพรรณนาได้ และจะคงลึกลับอยู่ในสาระของพระองค์ซึ่งอยู่เหนือญาณทัสนะเกินกว่าปัญญาจะเข้าถึง?
พระบาฮาอุลลาห์
พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือญาณทัสนะ แต่ถึงกระนั้นในบทอธิษฐานบาไฮที่สำคัญที่สุดบทหนึ่ง พระบาฮาอุลลาห์ผู้ก่อตั้งศาสนาบาไฮ ทรงเปิดเผยไว้ว่า เจตนาของการสร้างเราขึ้นมานั้นคือ เพื่อให้เรารู้จักและรักพระผู้เป็นเจ้า ดังที่พระองค์รักเรา
?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอเป็นสักขีพยานว่า พระองค์ทรงสร้างข้าพเจ้าขึ้นมาเพื่อให้รู้จักและบูชาพระองค์ บัดนี้ข้าพเจ้าขอยืนยันความไร้อำนาจของข้าพเจ้าและเดชานุภาพของพระองค์ ความยากไร้ของข้าพเจ้าและความมั่นคั่งของพระองค์ ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง?
พระบาฮาอุลลาห์
หากพระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือญาณทัสนะ มนุษยชาติจะบรรลุจุดประสงค์ที่ตนถูกสร้างขึ้นมา และจะรู้จักพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร
พระศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนา
พระผู้เป็นเจ้ารักสิ่งสร้างสรรค์ของพระองค์ พระองค์ส่งครูมาบอกเราว่า พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร และนำทางมนุษยชาติตามแผนงานของพระองค์ เพื่อความก้าวหน้าของอารยธรรม บางครั้งครูเหล่านี้ถูกเรียกว่า พระอวตาร ศาสนทูต พระศาสดา หรือพระผู้แสดงธรรมของพระผู้เป็นเจ้า องค์ศาสดาเหล่านี้เป็นมนุษย์ที่พิเศษ ได้รับเลือกโดยพระผู้เป็นเจ้าให้มาแสดงธรรมในเวลาต่างกันในประวัติศาสตร์พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าตรัสต่อมนุษยชาติผ่านทางพระศาสดาเหล่านี้พระศาสดามีธรรมชาติสองลักษณะอยู่ในตัว นั่นคือพระองค์เป็นมนุษย์เหมือนคนอื่นที่ต้องกินต้องนอน แต่วิญญาณของพระองค์เป็นอิสระและอยู่เหนือขีดจำกัดของร่างกาย อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าปฏิบัติการผ่านทางพระศาสดา ดังนั้นพระศาสดาจึงมีชัยเหนือหัวใจของมนุษย์ในที่สุด และเมื่อประชาชนหันมารักพระองค์ ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไป ดังเช่นกระจกเงาสะท้อนแสงอาทิตย์ให้ผู้คนมองเห็นดวงอาทิตย์ได้โดยตาไม่เสีย พระผู้แสดงธรรมของพระผู้เป็นเจ้าคือ ?กระจกที่ใสสะอาด? แต่ละพระองค์สะท้อนคุณลักษณะและคุณสมบัติของพระผู้เป็นเจ้า เช่น ความปรานี ความรัก ความเมตตา ความเอื้อเฟื้อ ฯลฯ เรารู้จักพระผู้เป็นเจ้าด้วยคุณลักษณะเหล่านี้
ทางเดียวที่เราจะรู้จักพระผู้เป็นเจ้าได้คือการมองไปยัง ?กระจกที่ใสสะอาด? เหล่านี้ ผู้สะท้อนรัศมีของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้ามายังมนุษยชาติ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าหวนกลับมาในแต่ละสมัยเพื่อนำทางมนุษยชาติ โดยการปฏิบัติตามคำสอนและการนำทางของพระศาสดาที่บอกเราว่า พระผู้เป็นเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตและประพฤติตนอย่างไร มนุษยชาติจึงบูชาพระองค์ได้
เมื่อผู้ใดสวดอธิษฐาน ทำสมาธิ เพื่อจะบรรลุคุณธรรมและคุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้า กล่าวได้ว่า ผู้นั้นกำลังพัฒนาเพื่อที่จะเป็น ?รูปจำลองของพระผู้เป็นเจ้า?
ธรรมชาติและจุดประสงค์ของศาสนา
จุดประสงค์
พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ?สาระของศาสนาคือการเป็นพยานต่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดเผย และปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์บัญญัติไว้ในคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่? พระศาสดาทุกพระองค์ทรงเปิดเผยวจนะ ซึ่งบัดนี้บรรจุอยู่ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อการศึกษาด้านศีลธรรมและจริยธรรมสำหรับมนุษย์ เป็นหลักธรรมที่คงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงพระศาสดาทั้งหลายทรงเปิดเผยกฎทางสังคมด้วยซึ่งประยุกต์ใช้ได้กับความต้องการและความเปลี่ยนแปลงที่ต่างกันไปตามยุคตามสมัยในแต่ละสังคม ซึ่งขึ้นอยู่กับมนุษยชาติที่จะเรียนรู้พระประสงค์และคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติตาม
ธรรมชาติ
พระบาฮาอุลลาห์ทรงบอกเราว่า ?จุดประสงค์ของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าคือ เพื่ออบรมมนุษย์ เพื่อความสามัคคีและมิตรภาพในหมู่มนุษยชาติ? พระองค์ทรงกล่าวว่า: ?ดูกรอนุชนทั้งหลาย เจตนามูลฐานที่ขับเคลื่อนศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าคือ การปกป้องประโยชน์และส่งเสริมเอกภาพของมนุษยชาติ…?
พระผู้เป็นเจ้าต้องการให้มนุษย์ทุกคนอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติปรองดอง และจุดประสงค์ของศาสนาคือ การจัดหาวิธีต่างๆ ที่จะทำให้สิ่งนี้สัมฤทธิผล
ทรรศนะของบาไฮเกี่ยวกับศาสนาและความสัมพันธ์ของศาสนาบาไฮกับศาสนาอื่น
คุณเคยแปลกใจไหมว่าเหตุใดจึงมีศาสนามากมายในโลก
ทุกคนอ้างว่าพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงมีองค์เดียว และพระองค์เป็นแหล่งกำเนิดของแรงบันดาลใจ กระนั้นก็ตาม พวกเขามีข้อคิดเห็นขัดแย้งกัน และต่อสู้กันเพื่อให้ความเชื่อของตนเป็นที่ยอมรับ ต่อสู้กันระหว่างศาสนาและภายในศาสนาเดียวกัน เป็นไปได้หรือที่พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระบิดาที่เปี่ยมด้วยความรัก ผู้ทรงสร้างเราและรักเราทุกคนเสมือนลูกหลาน จะเป็นสาเหตุของความเจ็บปวดและความขัดแย้งเช่นนี้
ธรรมนิพนธ์บาไฮอธิบายปัญหาเหล่านี้ว่า พระผู้เป็นเจ้ามีแผนงานอันยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ คือการนำพาเราให้ใกล้กับพระองค์ยิ่งขึ้น หากพระองค์เปิดเผยแผนงานทั้งหมดให้แก่มนุษย์ในครั้งเดียวย่อมมากเกินกว่าที่เราจะรับไว้ได้ ดังนั้นพระองค์จึงเปิดเผยแผนงานนั้นแก่เราทีละน้อย
ประวัติศาสตร์บอกว่า มนุษยชาติมีวิวัฒนาการจากสังคมที่เป็นแบบง่ายๆ ในสมัยโบราณ ขึ้นมาเป็นยุคที่มีวิทยาการซับซ้อนในปัจจุบัน เป็นเสมือนการเจริญเติบโตของแต่ละคนจากวัยเด็กสู่วัยรุ่นแล้วเป็นผู้ใหญ่ พัฒนาการแต่ละระยะจำเป็นต้องมีครูคนใหม่จากพระผู้เป็นเจ้านำทางให้ประชาชนในสมัยนั้นเจริญก้าวหน้า ทุกครั้งที่ครูคนใหม่มาปรากฏ ท่านก่อตั้งศาสนาใหม่
ดังเช่นในโรงเรียน ครูสอนในชั้นเรียนตามอายุและความสามารถของเด็ก และสอนด้วยวิธีที่เด็กจะเข้าใจได้ เช่นกันมนุษยชาติต้องผ่าน ?โรงเรียนของพระผู้เป็นเจ้า? โดยมีครูคือพระศาสดามาสอนให้เหมาะกับความสามารถของประชาชนที่จะเข้าใจ ในโรงเรียน แต่ละชั้นเรียนสอนเพิ่มจากความรู้ที่เรียนมาในชั้นก่อน เช่นเดียวกับการศึกษาของพระผู้เป็นเจ้า พระศาสดาแต่ละพระองค์มิได้ปฏิเสธคำสอนของพระศาสดาที่เสด็จมาก่อน แต่มาสอนเพิ่ม
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ผู้เป็นเหลนของพระบาฮาอุลลาห์ อธิบายไว้ว่า บทบาทของพระบาฮาอุลลาห์สำหรับยุคนี้ ?คือการประกาศว่า วัยทารกและวัยเด็กของมนุษยชาติได้ผ่านไปแล้ว ความโกลาหลที่สัมพันธ์กับวัยรุ่นของมนุษยชาติในปัจจุบัน กำลังไปสู่วัยผู้ใหญ่อย่างช้าๆ และเจ็บปวด…ความสามัคคีของครอบครัว เผ่าพันธุ์ นครรัฐและชาติ ได้พยายามจนสำเร็จและสถาปนาโดยบริบูรณ์แล้ว ความสามัคคีของโลกคือเป้าหมายที่มนุษยชาติกำลังตรากตรำพยายามจะไปให้ถึง?
การศึกษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกศาสนา จะเห็นว่าพระศาสดาแต่ละพระองค์มีคำสอนด้านศีลธรรมเหมือนกันคือ คำสอนเกี่ยวกับความรัก ศีลธรรม จริยธรรม และพระศาสดาทรงเพิ่มเติมคำสอนมากขึ้นทุกครั้งที่พระองค์เสด็จมา
พระศาสดายังทรงเปลี่ยนกฎทางสังคมบางข้อ เพื่อทำให้กฎเหล่านั้นเหมาะสมกับยุคใหม่ที่พระศาสดามีชีวิตอยู่และเพื่อ ?สืบทอดอารยธรรมที่ก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุด?
ศาสนาต่างๆ ในโลกปัจจุบันดูเหมือนแตกต่างและแยกจากกันแต่ตามทรรศนะใหม่จากคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์จะเห็นได้ว่าทุกศาสนากำเนิดมาจากพระผู้เป็นเจ้าเดียวกัน เพราะฉะนั้นแต่ละศาสนาจึงเป็นองค์ประกอบของศาสนาเดียวกัน นั่นคือ เป็นพระประสงค์และการนำทางของพระผู้เป็นเจ้าที่เปิดเผยสืบเนื่องกันมาตลอดประวัติศาสตร์
เมื่อเวลาผ่านไป มนุษยชาติเข้าใจและตีความผิดเกี่ยวกับสิ่งที่พระศาสดาแต่ละพระองค์มาเปลี่ยนแปลง ถือว่าคำสอนใหม่นั้นขัดแย้งและไม่สัมพันธ์กับคำสอนเดิม แทนที่จะคิดว่าเป็นขั้นตอนใหม่ที่พระผู้เป็นเจ้ามาสอนมนุษยชาติ
แม้ว่าบาไฮจะปฏิบัติตามคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์ ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นพระศาสดาองค์ล่าสุดจากพระผู้เป็นเจ้าที่นำคำสอนต่างๆมาให้ ซึ่งเหมาะสมกับยุคที่เรามีชีวิตอยู่นี้ กระนั้นก็ตามบาไฮยอมรับและเคารพพระศาสดาทุกพระองค์ที่เสด็จมาก่อนหน้านี้
พระบาฮาลุลาห์ทรงกล่าวว่า ?หากเจ้าปฏิเสธพระศาสดาองค์หนึ่ง เท่ากับว่าเจ้าปฏิเสธทุกพระองค์?
สามพระองค์ผู้เป็นศูนย์กลางของศาสนาบาไฮ
พระบ๊อบ
ก่อนกำเนิดศาสนาบาไฮ มีศาสนาหนึ่งเริ่มต้นขึ้นในอิหร่านในปี 2387(1844) โดยชายหนุ่มชื่อ ซียิด อาลี โมฮัมหมัด ซึ่งมีพระนามว่าพระบ๊อบ พระองค์ประสูติที่เมืองชีราซ ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2362(1819) พระองค์สืบเชื้อสายมาจากพระศาสดาโมฮัมหมัด บิดาของพระองค์เสียชีวิตหลังจากพระองค์ประสูติได้ไม่นาน ดังนั้นพระองค์ได้รับการเลี้ยงดูโดยลุงฝ่ายมารดา และในที่สุดสละชีวิตเพื่อศาสนาของพระองค์
?บ๊อบ? ในภาษาอาหรับหมายความว่า ?ประตู? ภารกิจของพระบ๊อบคือการตระเตรียมประชาชนสำหรับการเสด็จมาของพระบาฮาอุลลาห์ ผู้ก่อตั้งศาสนาบาไฮ ซึ่งพระบ๊อบกล่าวถึงว่าเป็น ?บรมศาสดาที่พระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ? คล้ายกับที่จอห์นเดอะแบพติสท์ ได้ตระเตรียมประชาชนเพื่อการเสด็จมาของพระเยซู แต่ที่ไม่เหมือนคือ บาไฮเชื่อว่าพระบ๊อบเองก็เป็นพระศาสดาองค์หนึ่ง และคัมภีร์ของพระองค์มีชื่อว่า บายัน ซึ่งบรรจุกฎและคำสอนต่างๆ ไว้โดยการเปิดเผยศาสนาของพระบ๊อบ พระองค์จึงเป็นเหมือนประตูที่มนุษย์สามารถผ่านจากระบบโลกเก่าไปสู่ระบบโลกใหม่
พระบ๊อบเป็นพ่อค้า เป็นบุคคลที่สุภาพและเปี่ยมด้วยความรักมีความรอบรู้และปัญญาติดตัวมาแต่กำเนิด สาวกคนแรกของพระองค์คือ มุลลา ฮุสเซน ยอมรับพระบ๊อบเป็นพระศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้าเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2387(1844) ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นศักราชบาไฮ
ผู้คนมากมายยอมรับพระบ๊อบและปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์จนทำให้บรรดานักบวชและข้าราชการเกรงว่า พวกเขาจะสูญเสียอิทธิพลและความมั่งคั่ง พวกเขาจึงบอกรัฐบาลว่า จะเกิดความยุ่งยากในแผ่นดินหากไม่ประหารพระบ๊อบเสีย ดังนั้นพระบ๊อบจึงถูกจับกุมคุมขัง และถูกยิงเป้าโดยกองทหารในปี 2393(1850)
เหตุการณ์ที่สัมพันธ์กับการประหารพระบ๊อบนั้นน่าสังเกตยิ่งพระบ๊อบถูกนำตัวออกมาจากห้องขังในปราสาทบนภูเขาลูกหนึ่งที่ชีริค เพื่อไปยังค่ายทหารในเมืองทาบริซ ทางตอนเหนือของอิหร่านในตอนเช้าของวันประหาร ขณะที่พระองค์กำลังยุ่งอยู่กับการสั่งงานเลขานุการของพระองค์ในห้องขังในค่ายทหาร หัวหน้าผู้คุมเข้ามาเพื่อจะนำตัวพระองค์ไป พระบ๊อบตรัสต่อเขาว่า ?จนกว่าเราจะได้พูดทุกสิ่งที่เราต้องการกับเขา จะไม่มีอำนาจใดในโลกมาห้ามเราได้ แม้ว่าโลกทั้งหมดจะใช้อาวุธต่อต้านเรา พวกเขาก็ไม่สามารถยับยั้งเรามิให้พูดจนครบคำสุดท้ายที่เราตั้งใจไว้?
ผู้คุมคนนั้นไม่สนใจคำพูดของพระบ๊อบ และนำตัวพระบ๊อบออกจากห้องขัง พระองค์ถูกล่ามโซ่และนำตัวเดินไปตามถนนจนถึงจตุรัสกลางเมือง ณ ที่นั่นพระองค์ถูกมัดแขวนหลังติดอยู่กับกำแพง สาวกหนุ่มผู้หนึ่งชื่ออานีส ได้รับเลือกให้ตายพร้อมกับพระองค์ เขาถูกมัดอยู่ด้วยโดยศีรษะของเขาซบอยู่กับอกของพระบ๊อบ
และแล้ว ท่ามกลางผู้เฝ้าดูเหตุการณ์นับพัน กองทหารจำนวน 750 คน ได้เล็งและยิงกระสุนไปที่พระบ๊อบ และเมื่อควันปืนจางลงผู้ที่เฝ้าดูทุกคนประหลาดใจยิ่ง เชือกที่มัดขาดออก เหลืออานีสยืนอยู่ผู้เดียวโดยไม่ได้รับอันตราย และพระบ๊อบหายไป
มีการค้นหาพระบ๊อบทันที และในที่สุดพบว่า พระองค์กลับเข้าไปอยู่ในห้องขังและสนทนาอยู่กับเลขานุการของพระองค์ พระองค์หันมายังผู้คุมแล้วกล่าวว่า ?เราเสร็จการสนทนาของเราแล้ว บัดนี้เจ้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าได้?
หัวหน้าผู้คุมตกตะลึงจนขอลาออกจากหน้าที่โดยทันที หัวหน้าของกองทหารที่ยิงพระบ๊อบซึ่งเป็นคริสเตียนชาวอามิเนียน ปฏิเสธไม่ยอมออกคำสั่งให้ยิงอีก ดังนั้นกองทหารชุดที่สองซึ่งเป็นทหารมุสลิมจึงถูกเรียกให้มาทำหน้าที่นี้เมื่อเวลาเที่ยงวันของวันที่ 9 กรกฎาคม 2393 (1850) คราวนี้พระบ๊อบกับสาวกถูกสังหารทันที ร่างกายของทั้งสองปนอยู่ด้วยกัน พรุนไปด้วยกระสุน แต่ใบหน้าของพระบ๊อบไม่ถูกกระสุน จากนั้นเกิดพายุพัดพาฝุ่นปกคลุมเมืองทาบริซ ทำให้ฟ้ามืดมิดไปจนถึงเวลาค่ำ
สถูปที่ฝังพระศพของพระบ๊อบ
ปัจจุบันเป็นสถานที่แห่งหนึ่งสำหรับการแสวงบุญของบาไฮศาสนิกชนทั่วโลก
หมายเหตุ: เหตุการณ์เหล่านี้บันทึกอยู่ในเอกสารทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งจดหมายฉบับหนึ่งที่กงสุลต่างประเทศของ ????
???????????????????????????อังกฤษในเมืองทาบริซเขียนถึง ลอร์ด ปาร์มเมอร์สตัน ผู้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ลงวันที่ 22 ??
???????????????????????????กรกฎาคม 2393(1850) นอกจากนี้กงสุลรัสเซียได้ให้จิตรกรผู้หนึ่งวาดรูปพระศพของพระบ๊อบในวันหลังจาก
???????????????????????????ที่พระบ๊อบถูกประหารชีวิต
ร่างของทั้งสองถูกนำลงมาและโยนทิ้งไว้ที่ขอบคูเมือง ต่อมาสาวกของพระบ๊อบไปกู้เอามาเก็บรักษาไว้ พระศพนั้นเก็บซ่อนเอาไว้เป็นเวลาเกือบ 60 ปี จนกระทั่งในที่สุด ปี 2452(1909) พระศพนั้นถูกนำมาบรรจุไว้ในสถูปที่สร้างไว้เป็นพิเศษบนภูเขาคาร์เมลในเมืองไฮฟาประเทศอิสราเอล โดยพระอับดุลบาฮา ผู้เป็นบุตรชายคนโตของพระบาฮาอุลลาห์
พระบาฮาอุลลาห์ ผู้ก่อตั้งศาสนาบาไฮ
มีร์ซา ฮุสเซน อาลี ผู้ซึ่งต่อมามีพระนามว่า พระบาฮาอุลลาห์(แปลว่าความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้า) ประสูติที่ประเทศอิหร่านวันที่ 12 พฤศจิกายน 2360(1817) พระองค์เป็นบุตรคนแรกของ มีร์ซา บูซุก แห่งเมืองนูร์ ผู้เป็นรัฐมนตรี เมื่อบิดาของพระองค์ถึงแก่กรรมพระองค์ได้รับการคาดหวังให้ดำรงตำแหน่งของพระบิดา แต่พระบาฮาอุลลาห์ไม่รับเกียรติอันนี้ นายกรัฐมนตรีไม่บังคับพระองค์แต่พูดว่า ?อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ตำแหน่งนี้ไม่คู่ควรสำหรับเขา เขามีจุดมุ่งหมายที่สูงส่งกว่า ข้าพเจ้าไม่เข้าใจเขา แต่มั่นใจว่า เขาถูกกำหนดไว้สำหรับงานที่ประเสริฐกว่า ความคิดของเขาไม่เหมือนของเรา ปล่อยเขาไว้ตามลำพังเถิด?
เมื่อพระบ๊อบประกาศศาสนา พระบาฮาอุลลาห์ยอมรับพระบ๊อบทันที และเมื่อรัฐบาลและบรรดานักบวชผู้บ้าคลั่งประหัตประหารสาวกของพระบ๊อบ (ชาวบาบี) พระบาฮาอุลลาห์ก็ร่วมรับความทุกข์ทรมานด้วย พระองค์ถูกกักขัง 2 ครั้ง และถูกเฆี่ยนตีด้วยแส้ตรงฝ่าเท้าจนเลือดไหล (การทรมานชนิดนี้เรียกว่า บาสตินาโด) ในปี 2395(1852) พระองค์ถูกจับใส่บ่อน้ำสกปรกชื่อ ?ซียาห์ ชาล? หรือ ?หลุมมืด? ซึ่งใช้เป็นคุกใต้ดิน ซึ่งขังฆาตกร โจรปล้นคนเดินทางและอาชญากรไว้ประมาณ 150 คน โซ่ที่ล่ามคอของพระบาฮาอุลลาห์หนักเสียจนพระองค์ไม่สามารถเงยศีรษะได้ ทำให้เกิดแผลเป็นติดตัวพระองค์ไปตลอดชีวิต ช่วงเวลา 4 เดือนที่พระองค์อยู่ในคุก ซียาห์ชาล พระองค์ได้สัมผัสสมโพธิญาณเป็นครั้งแรก พระบาฮาอุลลาห์ทรงลิขิตไว้ว่า ในความฝันคืนหนึ่ง พระองค์ได้ยินวจนะเหล่านี้กังวาลมาจากรอบด้าน ?แท้จริงแล้วเราจะมอบชัยชนะให้แก่เจ้าโดยตัวเจ้าเองและปากกาของเจ้า? ต่อมาพระบาฮาอุลลาห์ได้รับการปลดปล่อยถูกริบทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วถูกเนรเทศไปแบกแดด ที่นั่นพระองค์ใช้เวลา 2 ปีอยู่ตามลำพังบนภูเขาเพื่ออธิษฐานและทำสมาธิ เช่นเดียวกับพระเยซูก่อนที่พระองค์จะประกาศศาสนา ในที่สุด บุตรชายของพระองค์คือพระอับดุลบาฮา ได้ค้นพบพระองค์และขอให้พระองค์กลับไปยังตัวเมือง
ในไม่ช้าอิทธิพลของพระบาฮาอุลลาห์ได้แพร่ออกไป บรรดานักบวชมุสลิมจึงไม่ต้องการให้พระองค์อยู่ในแบกแดด เพราะแบกแดดอยู่ใกล้กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บางแห่ง และผู้แสวงบุญชาวมุสลิมที่เดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มักถูกดึงดูดเข้าไปหาพระบาฮาอุลลาห์และคำสอนของพระองค์
นักบวชเหล่านั้นได้ร้องทุกข์ และในที่สุดรัฐบาลอิหร่านและเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิตุรกีได้เนรเทศพระบาฮาอุลลาห์อีกครั้งให้ไปสถานที่ห่างไกลกว่าเดิมคือ เมืองคอนสแตนติโนเปิ้ล ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าอิสตันบูล
ก่อนที่พระบาฮาอุลลาห์จะออกจากกรุงแบกแดด พระองค์ใช้เวลา 12 วันอยู่ในสวนที่สวยงามซึ่งบาไฮศาสนิกชนรู้จักกันในนามอุทยานริสวัน (แปลว่าสวรรค์) วันแรกตรงกับวันที่ 21 เมษายน 2406(1863) ซึ่งพระองค์ทรงประกาศฐานะของพระองค์อย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก วันที่เก้า ครอบครัวของพระองค์ตามมาที่สวนและยอมรับคำประกาศของพระองค์ วันทีสิบสอง พระองค์ออกจากอุทยานพร้อมกับครอบครัวและสาวกของพระองค์ เพื่อเดินทางต่อตามการเนรเทศ
บาไฮเฉลิมฉลองครบรอบ 12 วันนี้เป็นประจำทุกปี ในฐานะที่เป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
พระองค์ไปยังคอนสแตนติโนเปิ้ล ต่อมาไปยังเอเดรียโนเปิ้ล ในตุรกี ที่นั่นพระองค์ทรงลิขิตสารถึงกษัตริย์และผู้ปกครองทั้งหลายของโลก เป็นการตรัสต่อพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้ามีข่าวสารใหม่สำหรับพวกเขา พระองค์ทรงบอกพวกเขาให้วางอาวุธและสลายกองทัพเสีย และให้นำเงินไปช่วยเหลือคนยากจน และดังนี้จะเป็นการบ่ายเบี่ยงความยุ่งยากอันใหญ่หลวงที่จะบังเกิดกับโลก
ภาพนี้แสดงให้เห็นเมืองอัคคาในปัจจุบัน ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับในสมัยพระบาฮาอุลลาห์
ในที่สุดพระบาฮาอุลลาห์ถูกส่งไปยังคุกเมืองอัคคา ในอิสราเอลเมื่อพระองค์เสด็จมาถึงเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2411(1868) พระองค์ และครอบครัวถูกกักอยู่ในโรงทหารที่เหม็นเน่าและน่ากลัว ไม่มีเตียงนอน อาหารการกินอดอยาก เป็นเวลา 2 ปี ต่อมามีการระดมกองทัพตุรกีและจำเป็นต้องใช้โรงทหาร ครอบครัวของพระองค์จึงถูกย้ายไปยังบ้านหลังหนึ่งในเมือง
ข้อจำกัดที่เข้มงวดผ่อนปรนทีละน้อย แม้ว่าจะมีการกวดขันเป็นบางครั้ง บาไฮกลายเป็นที่รู้จักและนับถือในเมืองอัคคา ในที่สุดแม้ว่าพระองค์ยังคงเป็นนักโทษของทางการ แต่พระองค์ก็ได้รับอนุญาตให้ไปอาศัยอยู่นอกกำแพงเมือง
พระอับดุลบาฮาจัดที่พักให้พระบาฮาอุลลาห์อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ชื่อว่ามาซราเอล เป็นเวลา 2 ปี
ช่วงเวลา 12 ปีสุดท้ายของชีวิต พระบาฮาอุลลาห์พำนักอยู่ที่บาห์จี ดังที่แสดงให้เห็นอยู่ในภาพถัดไป พระองค์เสด็จปรินิพพาน ณ สถานที่นี้เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2435(1892) พระประสงค์และพินัยกรรมของพระองค์ได้แต่งตั้งให้พระอับดุลบาฮาเป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระองค์ พระศพของพระองค์ฝังอยู่ที่บาห์จีนี้ และตั้งแต่นั้นมา บาไฮได้ซื้อสถานที่นี้และบริเวณรอบๆ และตกแต่งให้งดงามและเป็นสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับบาไฮ บาไฮผู้แสวงบุญจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเยือนสถูปนี้
แผนที่การถูกเนรเทศของพระบาฮาอุลลาห์
พระปฏิญญา
บาไฮเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าได้สัญญาต่อมนุษยชาติว่า พระองค์จะไม่ปล่อยมนุษย์ไว้ตามลำพังโดยไม่ได้รับการนำทาง นี้คือพระปฏิญญาหลัก ซึ่งบรรลุตามสัญญาทุกครั้งที่พระศาสดาองค์ใหม่จากพระผู้เป็นเจ้าถูกส่งมาเพื่อดลใจมนุษยชาติ พระบาฮาอุลลาห์คือพระศาสดาองค์ล่าสุดที่นำกฎและคำสอนต่างๆ มาซึ่งเหมาะกับยุคที่เรามีชีวิตอยู่นี้ แต่พระองค์มิใช่พระศาสดาองค์สุดท้าย
พระบาฮาอุลลาห์ทรงสัญญาต่อบาไฮศาสนิกชน ซึ่งเรียกสัญญานี้ว่า พระปฏิญญารองเพื่อรับประกันเอกภาพของศาสนา และเพื่อให้ศาสนาเจริญก้าวหน้าต่อไปในการสถาปนาระบบแห่งโลกใหม่ เป็นระบบของความสันติสุขและปรองดอง
ในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระบาฮาอุลลาห์ พระองค์บัญชาให้บาไฮเชื่อฟังบุตรชายคนโตของพระองค์คือ ?พระอับดุลบาฮา? ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญารองนี้ พระอับดุลบาฮาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำทางของบาไฮหลังจากปรินิพพานของพระบาฮาอุลลาห์ เพื่อรับประกันว่าศาสนาจะไม่แตกออกเป็นนิกาย และอำนาจธรรมของพระบาฮาอุลลาห์จะคงอยู่ต่อไป
พระอับดุลบาฮา (ศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญา-บุตรชายของพระบาฮาอุลลาห์)
อับบาส เอฟเฟนดิ เป็นบุตรชายคนโตของพระบาฮาอุลลาห์ท่านเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2387(1844) เป็นคืนที่พระบ๊อบได้พบสาวกคนแรกคือ มุลลา ฮุสเซน และทรงบอกเขาว่า พระองค์คือพระศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้า อับบาส เอฟเฟนดิ เป็นที่รู้จักกันด้วยพระนามอับดุลบาฮา ซึ่งมีความหมายว่า ผู้รับใช้ความรุ่งโรจน์
พระอับดุลบาฮาได้เห็นพระบิดาอยู่ในคุกซียาห์ ชาล (หลุมมืด)ขณะเมื่อท่านอายุ 8 ปี ท่านได้ติดตามพระบิดาไปตลอดการถูกเนรเทศท่านได้รับการปลดปล่อยจากคุกเมืองอัคคาภายหลังจากการปฏิวัติยังเติร์กในปี 2452(1909) ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 65 ปี พระอับดุลบาฮาใกล้ชิดกับพระบิดามากเพื่อคอยช่วยเหลือ ท่านดูแลสมาชิกในครอบครัวและรับรองแขกมากมาย พระอับดุลบาฮาอธิบายคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์ให้เข้าใจง่ายขึ้น ตลอดชีวิตของท่านคือการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและมนุษยชาติ
จากปี 2454(1911) – 2456(1913) พระอับดุลบาฮาได้เดินทางครั้งสำคัญไปยังยุโรปและอเมริกา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระธรรมของศาสนาบาไฮได้แพร่กระจายไปยังประเทศตะวันตก หนังสือพิมพ์หลายฉบับรายงานข่าวปาฐกถาของท่าน และสุนทรพจน์ของท่านได้รับการบันทึกไว้ด้วยเหตุนี้บาไฮจึงมีธรรมนิพนธ์และสุนทรพจน์ของท่านมากมายไว้ศึกษาและอ้างอิงได้ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต
พระอับดุลบาฮาได้รับบรรดาศักดิ์มากมาย ท่านมักเป็นที่รู้จักในฐานะนายท่าน เพราะอัจฉริยภาพ ความรักและการรับใช้ที่ท่านให้กับทุกคน ในฐานะเป็นบุตรคนโตของพระบาฮาอุลลาห์และใกล้ชิดพระองค์มากที่สุดตลอดการถูกเนรเทศและจองจำ พระอับดุลบาฮาจึงถูกพาดพิงอยู่ในธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์ว่าเป็น ?????กิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? ท่านยังมีชื่อว่าเป็น ?ความลึกลับของพระผู้เป็นเจ้า? เพราะแม้ว่าตัวท่านเองมิใช่พระศาสดา ??แต่ในตัวของท่านมีความเป็นมนุษย์ประสานอยู่กับปัญญาและความสมบูรณ์เลิศที่เหนือมนุษย์พระอับดุลบาฮาถูกระบุให้เป็นผู้ตีความหมายพระธรรมแต่เพียงผู้เดียวเพื่อไม่ให้มีการเข้าใจพระธรรมผิดไป และเพื่อรักษาความสามัคคีของบาไฮ
พระบาฮาอุลลาห์ไม่สามารถคลุกคลีกับผู้คนได้อย่างอิสระในระหว่างการถูกเนรเทศและจองจำที่ยาวนาน ในทางตรงข้าม พระอับดุลบาฮาได้พบกับประชาชนจากทั่วโลกอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นจำเป็นที่ท่านจะต้องคอยบอกประชาชนเกี่ยวกับการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์ และสาธิตให้เห็นว่า พระผู้เป็นเจ้าต้องการให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอย่างไร
ท่านเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความรักและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาก มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความเป็นอัจฉริยะ ความเมตตา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของท่าน ท่านจะแจกจ่ายทุกสิ่งที่ท่านมีให้แก่ผู้ยากจนและขัดสนแม้ว่าท่านเองจะมีเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีเหลือให้สำหรับตัวเองเลย
(รูปพระอับดุลบาฮา)
ครั้งหนึ่งภรรยาของท่านยืนกรานจะซื้อเสื้อคลุมให้ท่านแทนตัวที่ท่านสวมอยู่ พระอับดุลบาฮาเห็นคนหนึ่งบนถนนที่จำเป็นจะต้องมีเสื้อใส่ ท่านจึงรีบให้เสื้อใหม่ตัวนั้นทันที ท่านเป็นที่รู้จักกันในฐานะ ?ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ? ที่บาไฮควรเอาเยี่ยงอย่าง
ครั้งหนึ่งพระอับดุลบาฮาถูกถามว่า ?บาไฮศาสนิกชนคืออะไร? ท่านตอบว่า ?การเป็นบาไฮหมายความง่ายๆ คือ การรักทุกคนบนโลกและพยายามรับใช้มนุษยชาติ ทำงานเพื่อสันติภาพสากลและภราดรภาพ?
พระอับดุลบาฮาถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2464(1921) และพระศพของพระองค์ฝังอยู่ที่ด้านขวาถัดจากพระศพของพระบ๊อบ ในสถูปของพระบ๊อบบนภูเขาคาร์เมล ในอิสราเอล
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ศาสนภิบาลของศาสนาบาไฮ
ในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา ท่านได้แต่งตั้งหลานชายคือ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้เป็นศาสนภิบาลของศาสนาบาไฮ ซึ่งบาไฮทุกคนควรหันมาหาการนำทางเพื่อสืบทอดการพัฒนาพระปฏิญญารองต่อไป ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้ข่าวมรณภาพของปู่ที่ท่านรักเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อท่านอายุเพียง 24 ปี และกำลังศึกษาอยู่ ณ มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ทำให้ท่านล้มป่วยด้วยความเศร้าโศก ท่านตกตะลึงเมื่อได้กลับไปถึงบ้านที่เมืองไฮฟาในอิสราเอลแล้วพบว่า พระอับดุลบาฮาได้มอบความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงให้แก่ท่าน คือการเป็นศาสนภิบาลของศาสนาบาไฮ
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการอธิษฐานทำสมาธิ และจากนั้นได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจากพี่สาวของพระอับดุลบาฮาคือ บาฮียี คานูม ผู้เป็นบุตรสาวของพระบาฮาอุลลาห์และมีพระนามว่า ?ใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้ปฏิบัติหน้าที่ และอุทิศตนอย่างไม่หยุดหย่อนกับงานอันยิ่งใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า
หลุมฝังศพของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ในลอนดอน
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ท่านแทบจะไม่เคยทานอาหารมากกว่าหนึ่งมื้อในแต่ละวัน และท่านนอนหลับเพียงไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละคืน เวลาที่เหลือของท่านอุทิศให้กับการสร้างสถาบันบริหารระดับชาติและระดับท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮา โดยอาศัยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า ท่านจึงทำงานสำเร็จได้มากมายในแต่ละวัน
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2500(1957) และถูกฝังอยู่ในสุสาน เกรทนอร์ทเทิร์น ในลอนดอน
การแพร่ขยายศาสนาบาไฮในโลก
ในคัมภีร์ที่ชื่อว่า ?ธรรมจารึกแห่งแผนงานสวรรค์? พระอับดุลบาฮาทรงเรียกร้องให้บาไฮละทิ้งบ้านและความสุขสบาย แล้วลุกขึ้นส่งเสริมศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้เตรียมภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ไว้สำหรับบาไฮศาสนิกชน และสนับสนุนพวกเขาให้กระจายกันอยู่ทั่วโลก เพื่อแพร่คำสอนของพระบาฮาอุลลาห์ผู้ที่เดินทางละทิ้งบ้านเกิดของตนเพื่อทำหน้าที่นี้เรียกว่า ?อาสาสมัคร?
ในปี 2496(1953) ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้เริ่มต้นแผนงานการสอนศาสนาระหว่างประเทศซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า ?แผนงานครูเสด 10 ปี? นับเป็นเวลาที่ศาสนาบาไฮขยายออกไปอย่างกว้างขวาง สถาบันบาไฮต่างๆ ได้รับการสถาปนาขึ้นในอีกหลายประเทศ วรรณกรรมบาไฮได้รับการแปลออกไปถึง 200 ภาษา และในไฮฟา สถูปของพระบ๊อบสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2496(1953) มีการปลูกสวนดอกไม้รายรอบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่ไฮฟาและบาห์จี ด้วยประการฉะนี้ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้วางรากฐานของศาสนาไว้อย่างมั่นคง และแผนงานของท่านรับประกันว่า งานจะดำเนินต่อไปหลังจากที่ท่านเสียชีวิต
พระหัตถ์ศาสนา
เมื่อท่านศาสนภิบาลถึงแก่กรรมอย่างกะทันหันในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2500(1957) ที่ลอนดอน ?????????บาไฮทุกแห่งหนเศร้าโศกสะเทือนใจมาก ชีวิตสมรสของท่านไม่มีลูก และท่านไม่ได้แต่งตั้งให้ผู้ใดสืบทอดตำแหน่ง ดังนั้นอีก 6 ปีที่เหลือก่อนจะสิ้นสุดแผนงานครูเสด 10 ปีภารกิจของศาสนาจึงอำนวยการโดยคณะบุคคลที่เรียกว่า พระหัตถ์ศาสนา ซึ่งท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้แต่งตั้งขึ้นไว้ช่วยงานการปกป้องและเผยแพร่ศาสนา เป็นการแต่งตั้งระบุไว้ในพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา ท่านเรียกบุคคลเหล่านี้ว่าเป็น ?หัวหน้าผู้พิทักษ์? ระบบแห่งโลกของ ??????????พระบาฮาอุลลาห์
คณะพระหัตถ์ศาสนาได้เลือก 9 ท่านในหมู่ของตน ให้อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูแลงานที่ศูนย์กลางแห่งโลก ทั้ง 9 ท่านนี้ได้รับชื่อว่า ?ผู้อารักขา? ส่วนพระหัตถ์ศาสนาที่เหลือกระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลกเพื่อช่วย ?แผนงานครูเสด 10 ปี? ให้สำเร็จลุล่วง
เมื่อ ?แผนงานครูเสด 10 ปี? สิ้นสุดลงในปี 2506(1963) ซึ่งเป็นเวลาครบรอบ 100 ปีนับแต่การประกาศศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ที่อุทยานริสวัน ในแบกแดด มีการเลือกตั้งสภายุติธรรมสากลขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสถาบันสูงสุดของระบบบริหารบาไฮ กว่า 6,200 คนจากทุกเชื้อชาติ ทุกภูมิหลัง ได้มาร่วมงานฉลองเทศกาลอันยิ่งใหญ่ที่ลอนดอนตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน-2 พฤษภาคม 2506(1963) เป็นการสาธิตให้เห็นความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติในอนาคต
ขอขอบคุณความพยายามอันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของท่านศาสนภิบาลผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่ได้เตรียมบาไฮทั่วโลกไว้พร้อมสำหรับพัฒนาการขั้นใหม่ที่ยิ่งใหญ่นี้ของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า
ศาสนาได้แพร่จากประเทศตะวันออกไปยังประเทศตะวันตกเมื่อพระอับดุลบาฮาเดินทางครั้งสำคัญไปยังยุโรปและอเมริการะหว่างปี 2454(1911)-2456(1913) สุนทรพจน์ของท่านปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ต่างๆ และมีการรวบรวมไว้เป็นเล่ม ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้สืบทอดการแพร่ศาสนาต่อไปโดยการวาง ?แผนงานครูเสดสิบปี? ซึ่งสนับสนุนให้อาสาสมัครกระจายกันออกไปทั่วโลกเพื่อเผยแพร่ศาสนา สภายุติธรรมสากลก็ได้สนับสนุนอาสาสมัคร ครูบาไฮ ให้ลุกขึ้นช่วยขยายศาสนาตามแผนงานที่ติดต่อกันเป็นชุด ซึ่งแต่ละประเทศในโลกได้พยายามทำให้สำเร็จนับแต่นั้นมา
ระบบบริหารบาไฮ
ศาสนาบาไฮไม่มีพระหรือนักบวช และหลังจากท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ถึงแก่กรรมในปี 2500(1957) ศาสนาบาไฮไม่มีผู้นำ บาไฮเชื่อว่าในยุคนี้ ทุกคนไม่ว่าบุรุษหรือสตรีมีความเสมอภาคกันในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาจิตใจและตนเอง
ชุมชนบาไฮปฏิบัติงานอย่างไร
ชุมชนบาไฮปฏิบัติงานโดยอาศัยเครือข่ายของสถาบันที่เลือกตั้งขึ้นมา เรียกว่า ระบบบริหารของ ?????????พระบาฮาอุลลาห์
ธรรมสภาท้องถิ่น
ในพระคัมภีร์แห่งกฎ (คีตาบีอัคดัส) พระบาฮาอุลลาห์ทรงสถาปนาระบบบริหารบาไฮ พระองค์ทรงบัญญัติไว้ว่า ในทุกเมือง ทุกหมู่บ้าน จะต้องเลือกตั้งบาไฮจำนวน 9 คนขึ้นเป็นสภายุติธรรมท้องถิ่นสถาบันนี้ปัจจุบันเรียกว่า ธรรมสภาท้องถิ่น ที่ใดก็ตามมีบาไฮผู้ใหญ่ 9 คนขึ้นไปในชุมชน พวกเขาจะมาชุมนุมกันในวันที่ 21 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันศักดิ์สิทธิ์วันหนึ่งคือเป็นวันแรกของเทศกาลริสวันเป็นวันระลึกถึงการประกาศศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ในอุทยานริสวันในแบกแดด ปี 2406(1863) ในการประชุมนี้บาไฮจะเลือกผู้ใหญ่ที่มีอายุ ???21 ปีขึ้นไปในท้องถิ่นจำนวน 9 คน เพื่อรับใช้ในธรรมสภาท้องถิ่นเป็นเวลา 1 ปี สถาบันที่ประกอบด้วยสมาชิก 9 คนนี้ จะชี้แนะและอำนวยการกิจการของชุมชนนั้น
หน้าที่ของธรรมสภาท้องถิ่น
ธรรมสภาท้องถิ่นมีความรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ เช่น การจัดกิจกรรมต่างๆ ในการเผยแพร่ศาสนา ส่งเสริมความสามัคคีในหมู่บาไฮ จัดการประชุม การศึกษาภายในชุมชน จัดตั้งกองทุนบาไฮ จัดงานสมรส งานศพ
ธรรมสภาบาไฮถูกเลือกตั้งขึ้นมาอย่างไร
สถาบันบาไฮถูกเลือกตั้งโดยการลงคะแนนลับของบาไฮผู้ใหญ่ก่อนการเลือกตั้งจะไม่มีการเสนอชื่อ ไม่มีการหาเสียง ไม่มีการอภิปรายว่าจะเลือกใครแม้แต่ระหว่างสามีและภรรยา
คุณสมบัติของบุคคลที่ถูกเลือกเป็นไปตามเกณฑ์ของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ คือมีความจงรักภักดีอย่างไม่มีข้อสงสัย อุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ตัว มีจิตใจที่ฝึกฝนมาดี มีความสามารถเป็นที่ยอมรับและมีประสบการณ์
ผู้ที่ได้รับเลือกให้รับใช้ในธรรมสภาท้องถิ่น ยังคงมีความเท่าเทียมกับบาไฮคนอื่นๆ ไม่มีอำนาจเหนือผู้อื่น ในศาสนาบาไฮไม่มีตำแหน่งฐานะ มีเพียงบทบาทหน้าที่ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามาประชุมกันเพื่อรับใช้ธรรมสภาบาไฮ พระบาฮาอุลลาห์กล่าวว่า ?พวกเขาต้องเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากพระผู้ทรงปราณี และพิจารณาตนเองเป็นผู้อภิบาลที่แต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก? หลังจากสวดมนต์และอ่านธรรมนิพนธ์แล้ว สมาชิกธรรมสภาตัดสินใจโดยการปรึกษาหารืออย่างเปิดเผยและถ้วนทั่ว และโดยการลงคะแนนเสียงถ้าจำเป็น เมื่อธรรมสภาตัดสินใจแล้ว ทุกคนในชุมชนต้องยอมรับและเชื่อฟัง ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งนั้น นี้เป็นการรับประกันความสามัคคีในชุมชน
?เราหวังว่ามิตรสหายและหญิงรับใช้ทั้งหลายจะสามัคคีกันในทุกเรื่อง และไม่ขัดแย้งกันเลย หากพวกเขาเห็นพ้องกันในเรื่องหนึ่งถึงแม้ว่าจะผิด แต่ก็ยังดีกว่าถูกแต่ขัดแย้งกัน เพราะความขัดแย้งนี้จะทำลายรากฐานแห่งสวรรค์ แม้ว่าคนหนึ่งในกลุ่มจะถูก แต่ถ้าพวกเขาขัดแย้งกัน ก็จะเป็นเหตุของความผิดอีกพันอย่าง แต่ถ้าพวกเขาเห็นพ้องกันและทั้งสองฝ่ายผิดด้วยกัน แต่ยังอยู่ในความสามัคคี ความจริงจะเปิดเผยออกมาและสิ่งที่ผิดจะถูกแก้ให้เป็นถูก?
พระอับดุลบาฮา
ธรรมสภาแห่งชาติ
บาไฮในทุกประเทศทำการเลือกตั้งธรรมสภาแห่งชาติทุกปีเป็นการเลือกตั้งสองขั้นตอน ขั้นแรกคือ บาไฮในแต่ละท้องถิ่นเลือกผู้แทน แล้วผู้แทนเหล่านี้จะเข้าร่วมการประชุมแห่งชาติประจำปี ซึ่งมักจัดในวันสุดสัปดาห์ในช่วงเทศกาลริสวัน(21 เมษายน -2 พฤษภาคม) ในการประชุมแห่งชาตินี้ ผู้แทนจะเลือกบาไฮ 9 คนเพื่อรับใช้ในธรรมสภาแห่งชาติในปีถัดไป นอกจากนี้ผู้แทนยังใช้เวลาปรึกษาหารือเกี่ยวกับกิจการของชุมชน เสนอความคิดเห็นและข้อเสนอต่างๆ ให้ธรรมสภาแห่งชาติชุดใหม่รับไว้พิจารณา
ธรรมสภาแห่งชาติบริหารกิจการระดับชาติ ประสานงานของบาไฮทั้งประเทศ และสนับสนุนกิจกรรมเหล่านั้น ธรรมสภาแห่งชาติติดต่อกับบาไฮโดยผ่านทางข่าวสารบาไฮประจำเดือน ซึ่งนำมาอ่านในที่ชุมนุมที่เรียกว่างานฉลองบุญ 19 วัน ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือนบาไฮ ข่าวสารนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ทั่วประเทศและนอกประเทศ และข่าวความก้าวหน้าของศาสนา
สภายุติธรรมสากล
สภายุติธรรมสากลเป็นสถาบันสูงสุดในระบบบริหารของพระบาฮาอุลลาห์ ทำหน้าที่ชี้แนะและอำนวยการกิจการของศาสนาระดับโลก บาไฮได้รับการยืนยันจากพระอับดุลบาฮาว่า สถาบันนี้ได้รับแรงดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าและจะไม่มีผิดพลาด(แม้ว่าสมาชิกสภายุติธรรมสากลแต่ละคนไม่มีอำนาจและเท่าเทียมกับบาไฮคนอื่นๆ) พระบาฮาอุลลาห์ทรงสัญญาว่า พระองค์จะนำทางบาไฮโดยผ่านทางสภายุติธรรมสากลไปตลอดยุคสมัยของศาสนาของพระองค์
สมาชิกสภายุติธรรมสากล อาศัยและทำงานอยู่ที่เมืองไฮฟาประเทศอิสราเอล อาคารที่ทำการใหม่สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2525(1982)
ศาสนาบาไฮได้รับเงินทุนอย่างไร
เฉพาะบาไฮศาสนิกชนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้บริจาคให้กองทุนบาไฮได้ เหตุผลคือ กองทุนบาไฮถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างและบำรุงรักษาทรัพย์สินต่างๆ ของศาสนา และสนับสนุนงานการสอนศาสนา พิมพ์หนังสือ และอื่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การสถาปนาระบบแห่งโลกใหม่ของพระบาฮาอุลลาห์ เฉพาะบุคคลที่อุทิศตนต่อเป้าหมายนี้โดยการประกาศตนเป็นบาไฮ จึงจะได้รับการพิจารณาว่าจริงใจต่อการบรรลุเป้าหมายนี้ ดังนั้นการบริจาคให้กับกองทุนบาไฮจึงเป็นสิทธิพิเศษ และเป็นข้อผูกพันทางใจสำหรับบาไฮศาสนิกชนเท่านั้น
จำนวนการบริจาคขึ้นอยู่กับความสามารถของบาไฮแต่ละคนและถือเป็นเรื่องส่วนตัว อย่างไรก็ตามมีการสนับสนุนให้บริจาคอย่างสม่ำเสมอ และระดับความเสียสละที่บาไฮบริจาคได้รับการพรรณนาไว้ว่าเป็น ?เครื่องวัดความศรัทธาของเขา?
คำสอนของศาสนาบาไฮ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าหวนกลับมาในแต่ละยุคในวรกายของพระศาสดา พระผู้เป็นเจ้าให้มนุษย์ทราบพระประสงค์และการนำทางของพระองค์ผ่านทางพระศาสดา พระศาสดาแต่ละพระองค์ทรงอธิบายกฎและคำสอนต่างๆ ที่เข้ากับยุคสมัยที่พระองค์เสด็จมา แต่ละพระองค์ยังทรงทำนายถึงการเสด็จมาของพระศาสดาในอนาคต และการเสด็จมาของพระศาสดาผู้ที่จะมาสถาปนาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนโลกนี้ในที่สุด และนำมนุษยชาติไปสู่ยุคทองคือยุคที่ทุกคนจะอาศัยด้วยกันฉันท์พี่น้องอย่างสันติและสมัครสมานสามัคคี
ตัวอย่างเช่น พระกฤษณะกล่าวว่า ?ดูกร ภารตะ เมื่อใดก็ตามที่ความชอบธรรมเสื่อมถอยลง และความไม่ชอบธรรมขึ้นมาแทนที่เมื่อนั้นเราจะเสด็จมาปกป้องคนดี ทำลายคนชั่ว และสถาปนาความชอบธรรม เราจะมาจุติตามแต่ละยุค?
พระเยซูกล่าวว่า ?เราไปแล้วและจะกลับมาหาเจ้าอีก? และ ?เรามีอีกหลายสิ่งที่จะกล่าวต่อเจ้า แต่เจ้าไม่สามารถรับได้ในขณะนี้อย่างไรก็ตามเมื่อพระวิญญาณแห่งสัจธรรมเสด็จมา พระองค์จะนำเจ้าไปสู่สัจธรรมทั้งหมด พระองค์มิได้ตรัสด้วยพระองค์เอง แต่พระองค์จะตรัสตามที่พระองค์ได้ยิน และพระองค์จะแสดงสิ่งที่จะมาถึงต่อเจ้า?
พระโมฮัมหมัดกล่าวว่า ?เรามิได้ทำให้ศาสนทูตองค์ใดต่างจากพระองค์?อื่น?
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ?ไม่มีความแตกต่างระหว่างพระพุทธเจ้าองค์ใดๆ ในด้านศีล สมาธิ ปัญญา? และทรงกล่าวถึงพระศรีอาริย์ที่จะมาในอนาคตว่า ?เราบริหารภิกษุนับร้อย แต่พระองค์จะบริหารจำนวนนับพัน?
บาไฮเชื่อว่า การบรรลุพันธสัญญามาถึงแล้ว พระบาฮาอุลลาห์คือพระศาสดาตามพันธสัญญาของทุกศาสนาในอดีต หลักธรรมที่สำคัญข้อหนึ่งของศาสนาบาไฮคือ ความสามัคคีและเป็นอันหนึ่งเดียวกัน พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ?ศาสนาต้องเป็นบ่อเกิดของความสามัคคี ความปรองดองและลงรอยกันในหมู่มนุษยชาติ หากศาสนาเป็นบ่อเกิดของความร้าวฉานและไม่เป็นมิตร หากศาสนานำไปสู่การแบ่งแยกและขัดแย้งกัน ไม่มีศาสนาในโลกเสียจะดีกว่า?
ดังที่กล่าวไว้แล้ว บาไฮเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้ามีเพียงพระองค์เดียว ศาสนาทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเป็นรากฐานของหลักธรรมที่ว่า มนุษยชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน
พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ ทรงสร้างสรรพสิ่ง ดังนั้นประชาชนทั้งปวงในโลกคือประชาชนของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะผิวขาว ผิวดำ ผิวแดงหรือผิวเหลือง ร่ำรวยหรือยากจน มีการศึกษาหรือไม่ เป็นหญิงหรือชาย ในยุคนี้ทุกคนเป็นลูกหลานของพระผู้เป็นเจ้า มนุษยชาติจะต้องรวมกันเป็นครอบครัวเดียวกัน พระบาฮาอุลลาห์ทรงบอกเราว่า ?เจ้าเป็นผลไม้บนต้นเดียวกัน ใบไม้บนกิ่งเดียวกัน ดอกไม้ในสวนเดียวกัน?
คำสอนอื่นๆ ของพระบาฮาอุลลาห์
การแสวงหาความจริงอย่างอิสระ
พระบาฮาอุลลาห์บอกเราว่า ยุคนี้เป็นยุคแห่งวุฒิภาวะ และเราต้องตรึกตรองด้วยตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่เราเชื่อ และทำไมเราต้องทำสิ่งนั้น ตัวอย่างเช่น ทำไมเรายอมรับศาสนาหนึ่งว่าเป็นสัจธรรมแต่ไม่ยอมรับอีกศาสนาหนึ่ง เราต้องไต่สวนแหล่งที่มาทั้งหมดของสัจธรรมด้วยตัวเราเอง ศึกษาคัมภีร์ด้วยตนเอง ไม่ใช่ยอมรับตามครอบครัวของเราหรือตามเพื่อนของเรา
พระอับดุลบาฮาบอกเราว่า ?การที่เราคิดว่าเราถูกและคนอื่นทั้งหมดผิดนั้น คืออุปสรรคอันใหญ่หลวงที่สุดในหนทางไปสู่ความสามัคคี และความสามัคคีเป็นสิ่งจำเป็นหากเราจะไปให้ถึงสัจธรรมเพราะสัจธรรมเป็นหนึ่ง…จงอย่ามีอคติ เพื่อเจ้าจะได้รักดวงอาทิตย์แห่งธรรม ไม่ว่าดวงอาทิตย์นั้นจะขึ้นมาจากตำแหน่งใดของฟากฟ้าเจ้าจะตระหนักว่า หากแสงธรรมฉายอยู่ในพระเยซูคริสต์ แสงนั้นฉายอยู่ในพระโมเสสและพระพุทธเจ้าด้วย นี้คือความหมายของ ?จงแสวงหาสัจธรรม?
ในศาสนาบาไฮไม่มีนักบวชหรือผู้นำศาสนา บาไฮแต่ละคนจึงรับผิดชอบการพัฒนาจิตใจของตนเอง
ขจัดอคติทุกชนิด
ในยุคนี้ มนุษยชาติต้องบรรลุวุฒิภาวะและสามัคคีกัน ขจัดสิ่งทั้งปวงที่ก่อความแตกแยก นี้รวมถึงการขจัดอคติทุกชนิดด้วยไม่ว่าจะเป็นอคติทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สีผิว เชื้อชาติหรือศาสนา อคติและความบ้าคลั่งทุกชนิด เป็นสิ่งทำลายล้างรากฐานความเป็นปึกแผ่นของมนุษย์
ฉะนั้น มนุษย์ต้องปลดตนเองให้หลุดพ้นจากอุปสรรคเหล่านี้เพื่อว่าความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติจะกลายเป็นจริง พระอับดุลบาฮาทรงกล่าวว่า ?แสงสว่างนั้นดี ไม่ว่าจะลุกอยู่ในตะเกียงใด ดอกกุหลาบนั้นสวยไม่ว่าจะเบ่งบานอยู่ในสวนใด ดวงดาวมีความสุกใสเหมือนกัน ไม่ว่าจะทอแสงมาจากทิศตะวันออกหรือ ?ทิศตะวันตก?
ความเสมอภาคระหว่างบุรุษและสตรี
ในยุคนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สตรีควรได้รับการพิจารณาว่าเสมอภาคกับบุรุษ และควรได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน เสมอภาคในการศึกษาและโอกาส พระอับดุลบาฮากล่าวว่า ?มนุษยชาติเป็นเหมือนนกสองปีก ปีกข้างหนึ่งคือบุรุษ อีกข้างหนึ่งคือสตรี นอกเสียจากว่าปีกทั้งสองจะแข็งแรงและกระพือด้วยพลังร่วมกัน นกจะไม่สามารถเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า ในยุคปัจจุบันสตรีต้องก้าวไปข้างหน้าและบรรลุหน้าที่ในทุกสาขาของชีวิต ให้เสมอภาคกับบุรุษ สตรีต้องอยู่ในระดับเดียวกันกับบุรุษและได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน นี้คือคำอธิษฐานของเรา คือหนึ่งในหลักธรรมพื้นฐานของพระบาฮาอุลลาห์? พระบาฮาอุลลาห์ทรงอธิบายว่าสตรีในสมัยนี้สามารถบรรลุถึงฐานะอันชอบธรรมโดยอาศัยการศึกษาที่จริงแล้ว การศึกษาของเด็กหญิงสำคัญกว่าเด็กชาย เพราะเด็กหญิงจะเป็นแม่ ในฐานะที่เป็นแม่ เธอจะเป็นครูคนแรกของเด็กรุ่นต่อไปและการอบรมเด็กในปฐมวัยจะมีผลต่อเขาไปตลอดชีวิต ผลที่เกิดกับปฐมวัยในเด็กรุ่นใหม่แต่ละรุ่น จะทำให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงและมนุษยชาติเจริญก้าวหน้า
การศึกษาสากล
การศึกษาเพื่อให้รักพระผู้เป็นเจ้า และเจตคติที่ถือว่า การรับใช้มนุษยชาติคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิต เป็นสิ่งสำคัญกว่าการเอาแต่จดจำข้อมูลต่างๆ การศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต และเป็นพื้นฐานของบุคคลและสังคม เมื่อการศึกษาเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องมนุษยชาติจะเปลี่ยนแปลง และโลกนี้จะกลายเป็นสวรรค์
พระบาฮาอุลลาห์กล่าวว่า ?เป็นที่บัญญัติไว้ว่า บิดาทุกคนต้องให้การศึกษาแก่บุตรชายและหญิงในวิชาและการเขียน และสิ่งที่บัญญัติไว้ในธรรมจารึก? หากบุคคลใดไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ เป็นหน้าที่ของสถาบันบริหารบาไฮที่จะจัดการกับเรื่องนี้
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วยวิธีทางศีลธรรม
พระบาฮาอุลลาห์ทรงแนะว่า ต้องอาศัยเจตคติใหม่ทางศีลธรรมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของโลก ตัวอย่างเช่น ควรมีการจัดเก็บภาษี แต่มิใช่โดยการบังคับ แต่ควรเป็นการให้โดยสมัครใจ โดยแต่ละคนให้ส่วนหนึ่งจากรายได้ของตนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ในวงธุรกิจนั้น พระบาฮาอุลลาห์ทรงสนับสนุนให้ใช้การปรึกษาหารือและร่วมมือกัน เป็นหุ้นส่วนและแบ่งปันผลกำไรอย่างยุติธรรม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทั้งนายทุนและลูกจ้างให้ดีที่สุด
ความสอดคล้องระหว่างศาสนาและวิทยาศาสตร์
หากศาสนาอยู่เหนือวิทยาศาสตร์ จะมีภัยจากความบ้าคลั่งศาสนาและความงมงาย และถ้าหากวิทยาศาสตร์ไม่ได้รับการนำทางด้วยศีลธรรมของศาสนา วิทยาศาสตร์จะเป็นสิ่งทำลายล้าง ตัวอย่างเช่น พลังงานปรมาณู สามารถนำมาใช้ได้ทั้งเพื่อจุดประสงค์ในการสร้างและการทำลาย ดังนั้นวิทยาศาสตร์และศาสนาต้องปรองดองกัน
สันติภาพสากลและรัฐบาลแห่งโลก
พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานโลกที่สมบูรณ์แก่เรา มนุษย์เป็นผู้แบ่งแยกโลกออกเป็นเขตแดน เมื่อมนุษยชาติสามัคคีกัน เราจะรู้ว่าโลกของเราเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน และเราจะสถาปนาสันติภาพสากลโดยมีรัฐบาลแห่งโลกในลักษณะของ สหพันธ์ธรัฐแห่งโลก เพื่อบริหารงานในทุกดินแดนของโลกอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน สหพันธรัฐแห่งโลกภายใต้รัฐบาลเดียวกัน มิได้หมายความว่า วัฒนธรรมอันดีงามที่มีอยู่จะสูญหายไป ธรรมนิพนธ์บาไฮย้ำไว้ว่า ความหลากหลายทางวัฒนธรรมควรได้รับการปกป้องและอภิรักษ์ไว้ และค้ำจุนสันติภาพไว้ในเวลาเดียวกัน กล่าวคือ เป็นความสามัคคีในความหลากหลาย
ขจัดความมั่งคั่งและความยากจนที่มากเกินไป
การมีรัฐบาลแห่งโลกบริหารทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกัน จะขจัดความมั่งคั่งและความยากจนที่มากเกินไปได้ในที่สุด ขจัดสภาพอดอยากขาดแคลนและความมั่งคั่งที่เกินความจำเป็น นี้มิได้หมายความว่า ผู้ที่ทำงานหนักกว่าจะไม่ได้รับรางวัลสำหรับงานของตน เป็นสิ่งสำคัญที่คนเราควรทำงานให้สุดความสามารถของตนอยู่เสมอศาสนาบาไฮสอนว่า ทุกคนต้องทำงาน และการทำงานถือว่าเป็นการบูชา เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความสามารถและพรสวรรค์ให้แก่เรา ถ้าหากพรสวรรค์เหล่านี้ถูกใช้จนสุดความสามารถ เมื่อนั้นพระผู้เป็นเจ้ากำลังได้รับการสรรเสริญ
ภาษาสากล
เมื่อทั่วทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน พระบาฮาอุลลาห์ทรงแนะนำว่าควรเลือกภาษาหนึ่งหรือคิดภาษาขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เป็นภาษาสากลเพื่อว่าพวกเราทุกคนจะได้เข้าใจกันและกัน หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่เกิดจากการสื่อสารกันไม่ได้เต็มที่
ความจงรักภักดีต่อรัฐบาล
ศาสนาบาไฮยืนยันว่า พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้ามีพลังสร้างสรรค์ ถ้าหากพระผู้เป็นเจ้าเปิดเผยผ่านทางพระบาฮาอุลลาห์ว่าจะมีรัฐบาลแห่งโลก รัฐบาลแห่งโลกก็จะได้รับการสถาปนาขึ้นจริงนี้มิได้หมายความว่า บาไฮมีแรงจูงใจทางการเมืองหรือพยายามลบล้างระบบการปกครอง ความจริงแล้ว บาไฮมีข้อห้ามมิให้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวในการบ่อนทำลาย การเมือง หรือการเคลื่อนไหวต่อต้านศาสนา บาไฮไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือองค์การลับใดๆ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวไว้ว่า ?เราบาไฮเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก เรากำลังก่อสร้างระบบแห่งโลกใหม่ซึ่งมีจุดกำเนิดจากสวรรค์ เราจะสร้างระบบใหม่นี้ได้อย่างไร หากบาไฮทุกคนเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งบางพรรคขัดแย้งกันโดยสมบูรณ์ความสามัคคีของเราจะอยู่ที่ไหน เราจะแบ่งแยกกันเองเพราะพรรคการเมืองซึ่งขัดกับจุดประสงค์ของเรา?
ดังนั้นบาไฮทุกคนควรส่งเสริมประโยชน์ให้แก่ประเทศของตนโดยไม่เห็นแก่ตัว และด้วยความรักชาติอย่างแท้จริง และถึงกระนั้นก็ไม่หันเหไปจากมาตรฐานอันสูงส่งที่อยู่ในคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์ บาไฮควรแสดงความจงรักภักดีโดยไม่มีเงื่อนไข และเชื่อฟังรัฐบาล มียกเว้นเพียงข้อเดียวต่อกฎนี้คือ เมื่อรัฐบาลออกคำสั่งให้บาไฮเลิกนับถือศาสนาของตน นี้เป็นสิ่งที่บาไฮไม่ต้องเชื่อฟัง แม้ว่าปัจจุบันนี้ บาไฮกำลังได้รับความทุกข์ทรมานและถูกฆ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ยอมปฏิเสธความศรัทธาในพระบาฮาอุลลาห์
พระบาฮาอุลลาห์มีกฎห้ามบางประการ เช่น อัลกอฮอล์และยาเสพติด
บาไฮมีข้อห้ามมิให้ดื่มอัลกอฮอล์หรือใช้ยาเสพติด เช่น โคเคนหรือกัญชา เหตุผลคือสิ่งเหล่านี้ทำลายจิตใจและความเป็นมนุษย์พระอับดุลบาฮากล่าวว่า ?อัลกอฮอล์เผาผลาญจิตใจ ชะงักพลังชีวิตบั่นทอนวิญญาณ เป็นผลเสียต่อร่างกาย ทำให้มนุษย์สิ้นท่าและสูญเสีย?
การนินทา
การนินทาลับหลังเป็นข้อห้ามสำหรับบาไฮ เพราะการนินทาก่อให้เกิดความแตกแยก พระบาฮาอุลลาห์ทรงบอกว่า ?จงอย่าเอ่ยถึงบาปของผู้อื่นในเมื่อเจ้าเองก็เป็นคนบาป หากเจ้าละเมิดบัญชานี้เจ้าจะได้รับเคราะห์ และเราจะเป็นพยานในเรื่องนี้?
ธรรมนิพนธ์บาไฮ
ลักษณะสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเปิดเผยพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์ คือความเชื่อถือได้ของบันทึกของพระวจนะของพระองค์ ไม่เหมือนกับยุคของศาสนาในอดีตที่พระวจนะของพระศาสดาไม่ได้รับการบันทึกไว้ในขณะที่วจนะเหล่านั้นถูกเปล่งออกมา พระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์ได้รับการบันทึกไว้ ????????????ในขณะที่พระองค์เปิดเผยวจนะเหล่านั้น ดังนั้นบาไฮแน่ใจได้ว่า พระวจนะ กฎต่างๆ และคำสอนสำหรับยุคนี้ ที่ตนมีอยู่ มาจากพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้จริง
พระบาฮาอุลลาห์แทบไม่ได้รับการศึกษาในวัยเด็กตามประเพณีในสมัยนั้น แม้ว่าพระองค์จะเกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่ง เป็นถึงบุตรของรัฐมนตรี ความรู้ของพระองค์มีมาแต่กำเนิดโดยพรที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้ การเปิดเผยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยขึ้นอยู่กับความรู้ที่เล่าเรียนมา
เมื่อการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์บังเกิดกับพระบาฮาอุลลาห์พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าหลั่งไหลออกมาจากริมฝีปากของพระองค์และได้รับการบันทึกไว้โดยเลขานุการของพระองค์ และบางครั้งพระองค์ทรงลิขิตเอง พระวจนะหลั่งไหลมาอย่างรวดเร็ว จนบ่อยครั้งที่เลขานุการยากที่จะบันทึกไว้ได้ ปากกาขนนกและกระดาษนับไม่ถ้วนนำมาใช้บันทึกวจนะ และต่อมานำมาคัดลอกใหม่ให้สวยงามนำไปให้พระบาฮาอุลลาห์ตรวจสอบความถูกต้องและประทับตรารับรอง
ธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์อาจเป็นที่เรียกว่า ธรรมจารึกหรือคัมภีร์ เปิดเผยเป็นภาษาเปอร์เซียและภาษาอาหรับ ธรรมจารึกที่ได้รับรองแล้วจะถูกนำมาคัดลอกไว้หลายๆ ฉบับ เพื่อแจกจ่ายให้สาวก
สาวกจำนวนน้อยคนนักที่ได้รับอนุญาตให้อยู่กับพระองค์เป็นเวลาชั่วครู่ในบางโอกาส ขณะที่พลังของพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเปิดเผยพระธรรมผ่านทางพระบาฮาอุลลาห์ พวกเขารายงานว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ความรุ่งโรจน์สว่างไสวเปล่งออกมาจากพระองค์และรูปโฉมของพระองค์เปลี่ยนไป สว่างไสวจนพวกเขาไม่สามารถมองพระพักตร์ของพระองค์ได้
พระบาฮาอุลลาห์ทรงประกาศว่า พระวจนะของพระศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้ามีพลังสร้างสรรค์: ?ทุกพยัญชนะที่เปล่งจากโอษฐ์ของเรา ได้รับการประสาทด้วยพลังฟื้นชีวิตที่จะก่อกำเนิดการสร้างสรรค์ใหม่ เป็นการสร้างสรรค์อันไพศาลอย่างที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้นอกจากพระผู้เป็นเจ้า? บาไฮเชื่อว่า สิ่งใดก็ตามที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญญัติไว้นั้นมีชีวิต และจะบังเกิดขึ้นจริง
ผลงานการเปิดเผยพระธรรมที่สำคัญที่สุด 3 เล่มของพระบาฮาอุลลาห์ คือ
- พระคัมภีร์คีตาบี อัคดัส(พระคัมภีร์แห่งกฎ) บรรจุคำสั่งและกฎต่างๆ สำหรับการบริหารระบบแห่งโลกใหม่
- พระคัมภีร์คีตาบี อีคาน(พระคัมภีร์แห่งความมั่นใจ) อธิบายเกี่ยวกับพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าที่เปิดเผยโดยพระศาสดาต่างๆ เป็นวิวัฒนาการต่อเนื่องกันมาตลอดประวัติศาสตร์
- พระวจนะเร้นลับ เป็นบทกลอนที่อธิบายพฤติกรรมด้านศีลธรรมและจิตใจที่บาไฮควรพยายามบรรลุให้ถึง
ดูกร บุตรแห่งธรรม
คำแนะนำประการแรกของเราคือ จงมีหัวใจที่บริสุทธิ์ เมตตาและผ่องใส เพื่อว่าในหัวใจของเจ้าจะเป็นอาณาจักรที่ยั่งยืนชั่วนิรันดร์
(จาก พระวจนะเร้นลับของพระบาฮาอุลลาห์
เราจะเป็นบาไฮได้อย่างไร
หนึ่งในคำสอนบาไฮคือ การไต่สวนความจริงอย่างอิสระ ดังนั้นถ้าใครกำลังแสวงหาและไต่สวนและเชื่อแน่ว่า พระบาฮาอุลลาห์คือพระศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคนี้ พร้อมที่จะยอมรับและปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ เขาผู้นั้นก็เป็นบาไฮ ไม่จำเป็นต้องมีพิธียืนยัน
บาไฮใหม่จะถูกขอให้ลงทะเบียนโดยการเขียนชื่อและที่อยู่และเซ็นชื่อในบัตรไว้ให้ธรรมสภาแห่งชาติเพื่อการบริหารงาน แล้วเขาจะได้รับจดหมาย ได้รับการติดต่อให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบในกิจกรรมและงานของศาสนา
บาไฮศาสนิกชนบูชาอย่างไร
ปฏิทินบาไฮ
ในสมัยของพระบ๊อบ ปฏิทินใหม่ได้เริ่มต้น นับตามปีสุริยคติหนึ่งปีแบ่งเป็น 19 เดือน แต่ละเดือนมี 19 วัน แต่ละเดือนมีชื่อเป็นภาษาอาหรับซึ่งแสดงถึงคุณลักษณะหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าเช่น ?บาฮา? หมายถึง วิภา ?จาลาล? หายถึง ความรุ่งโรจน์
งานฉลองบุญ 19 วัน
ในวันแรกของทุกเดือนบาไฮ ธรรมสภาท้องถิ่นของแต่ละชุมชนจะจัดงานฉลองบุญ 19 วัน ในช่วงระหว่างตะวันตกดินของวันสุดท้ายของเดือนก่อน และตะวันตกดินของวันแรกของเดือนใหม่ เพราะวันของบาไฮ เริ่มต้นและสิ้นสุดตอนตะวันตกดิน
งานฉลองบุญ 19 วันเป็นการฉลองทางจิตใจ มิใช่ทางวัตถุพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวไว้ในพระคัมภีร์แห่งกฎ (คีตาบี อัคดัส) ว่า ?งานฉลองบุญได้บัญญัติไว้ให้แก่เจ้าเดือนละหนึ่งครั้ง แม้จะมีเพียงน้ำเปล่าก็ตาม แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าประสงค์จะนำหัวใจของมนุษย์ทั้งหลายมารวมกัน แม้จะต้องใช้ทุกวิถีทางบนโลกและในสวรรค์?
พระอับดุลบาฮาได้อธิบายจุดประสงค์ของงานฉลองบุญดังนี้ ?…เพื่อทำนุบำรุงมิตรภาพและความรัก เพื่อระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าวิงวอนพระองค์ด้วยความสำนึกผิด และสนับสนุนกิจที่เป็นประโยชน์?
งานฉลองบุญ 19 วัน ประกอบด้วย 3 ภาคดังนี้
- ภาคธรรมะ จะมีการสวดมนต์ อ่านธรรมนิพนธ์
- ภาคบริหาร จะมีการอ่านจดหมายจากธรรมสภาแห่งชาติ สมาชิกในชุมชนปรึกษาหารือกัน เสนอความคิดเห็นไปให้ธรรมสภาพิจารณา
- ภาคสังสรรค์ จะมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม หรืออาจจะเป็นเพียงน้ำเปล่า และตามที่พระอับดุลบาฮากล่าวไว้ บาไฮ ?จะสมาคมกันในความรัก ความปีติและสุคนธรส? เจ้าภาพอาจจัดให้มีดนตรีหรือเพลงที่เหมาะสม การประดับประดา อาหาร ตามที่ตนต้องการและตามกำลังทรัพย์
อัยยัมมีฮา
ในปีหนึ่งมี 365 วัน มีเดือนบาไฮ 19 เดือนๆ ละ 19 วัน รวมเป็น 361 วัน ฉะนั้นจะมีวันเหลืออยู่อีก 4 วัน หรือ 5 วันในปีอธิกสุรทิน วันที่เหลืออยู่นี้อยู่ระหว่างสองเดือนสุดท้ายของปีคือระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม เราเรียกวันที่เหลือเหล่านี้ตามภาษาอาหรับว่า อัยยัมมีฮา เป็นวันสำหรับการให้ของขวัญ แสดงน้ำใจอนุเคราะห์ผู้ป่วยและคนยากจน
วันศักดิ์สิทธิ์
มีวันศักดิ์สิทธิ์อยู่ 9 วันในปีบาไฮ ซึ่งในวันเหล่านี้ถ้าเป็นไปได้บาไฮควรหยุดงานและหยุดโรงเรียน วันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นวันครบรอบหรือวันพิเศษเช่น วันนอร์รูซ คือวันที่ 21 มีนาคม เป็นวันปีใหม่บาไฮ
เทศกาลริสวันระหว่างวันที่ 21 เมษายน ? 2 พฤษภาคม เป็นเทศกาลบาไฮที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เป็นวันครบรอบการประกาศศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ในอุทยานริสวัน ในแบกแดด ปี 2406(1863) เทศกาลริสวันประกอบด้วยวันศักดิ์สิทธิ์ 3 วันคือ วันที่ 21 เมษายน ซึ่งเป็นวันแรกของเทศกาลริสวัน เป็นการรำลึกถึงวันที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงประกาศฐานะอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า พระองค์คือพระศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคนี้ วันที่ 29 เมษายน เป็นวันที่เก้าของริสวัน ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ และวันที่ 2 พฤษภาคม เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ที่รำลึกถึงการเสด็จออกจากอุทยานริสวันของพระบาฮาอุลลาห์
วันประกาศศาสนาของพระบ๊อบ คือวันที่ 23 พฤษภาคม
วันปรินิพพานของพระบาฮาอุลลาห์ คือวันที่ 29 พฤษภาคม
วันประหารชีวิตพระบ๊อบ คือวันที่ 9 กรกฎาคม
วันประสูติของพระบ๊อบ คือวันที่ 20 ตุลาคม
วันประสูติของพระบาฮาอุลลาห์ คือวันที่ 12 พฤศจิกายน
วันศักดิ์สิทธิ์อีก 2 วัน ซึ่งอนุญาตให้บาไฮทำงานได้ คือ วันแห่งพระปฏิญญา วันที่ 26 พฤศจิกายน และวันมรณภาพของพระอับดุลบาฮา คือวันที่ 28 พฤศจิกายน
ในวันศักดิ์สิทธิ์จะมีการสวดมนต์ งานสังสรรค์ หรือปิคนิกหรือชุมนุมกันด้วยความสำรวมและเคารพ ตามความเหมาะสมในแต่ละโอกาส
การอธิษฐานสวดมนต์
ไม่มีพิธีกรรมหรือรูปแบบของการบูชาในศาสนาบาไฮ แต่บาไฮใช้บทอธิษฐานของพระบ๊อบ พระบาฮาอุลลาห์ พระอับดุลบาฮา มีบทอธิษฐานที่ไพเราะมากมายที่เหมาะสำหรับแต่ละโอกาสบทอธิษฐานเหล่านี้อาจนำมาอ่าน สวด ท่องเป็นทำนอง หรือร้องเป็นเพลงพร้อมกับดนตรี อาจสวดทีละคนในที่ชุมนุมหรือสวดเป็นการส่วนตัว บทอธิษฐานเหล่านี้ถือว่ามาจากพระผู้เป็นเจ้าและมีอำนาจมาก
บทอธิษฐานบาไฮยังสอนเราเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ต้องการให้เราเป็นอย่างไร พระบ๊อบกล่าวว่า ?การอธิษฐานอันเป็นที่ยอมรับมากที่สุดคือ การอธิษฐานด้วยใจบริสุทธิ์และผ่องใส การอธิษฐานที่ยืดยาวไม่เป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า การอธิษฐานด้วยใจบริสุทธิ์และไม่ยึดมั่นมากเท่าไร ก็เป็นที่ยอมรับต่อเบื้องพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้ามากเท่านั้น?
บาไฮต้องสวดมนต์อธิษฐานทุกวัน บาไฮมีบทอธิษฐานเฉพาะ 3 บท ซึ่งต้องเลือกสวดหนึ่งในสามบทนี้ในแต่ละวัน บทอธิษฐานเหล่านี้เรียกว่า บทอธิษฐานบังคับ พระอับดุลบาฮากล่าวว่า ?บทอธิษฐานบังคับนี้จำเป็นต้องสวด เพราะทำให้ผู้สวดถ่อมตัวและยอมจำนน ตั้งจิตสู่พระผู้เป็นเจ้า และอุทิศตนต่อพระองค์ มนุษย์กำลังสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าโดยการสวดอธิษฐานนี้ เขาพยายามเข้าใกล้พระองค์และสนทนากับผู้เป็นที่รักยิ่งในหัวใจ และบรรลุถึงสภาวะธรรม?
การถือศีลอด
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวไว้ว่า ?การถือศีลอดควบคู่กับบทอธิษฐานบังคับ เป็นสองเสาที่ค้ำจุนกฎของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสองทำหน้าที่กระตุ้นและฟื้นฟูชีวิตให้แก่วิญญาณ ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งและบริสุทธิ์ เป็นการรับประกันการพัฒนาของวิญญาณอย่างมั่นคง?
บาไฮถือศีลอดประจำทุกปีตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม – 20 มีนาคม บาไฮต้องตื่นก่อนตะวันขึ้นเพื่อทานอาหารและสวดอธิษฐาน หลังตะวันขึ้นแล้วห้ามมีอะไรผ่านเข้าปากแม้แต่น้ำ จนกระทั่งตะวันตกดินบาไฮจะสวดอธิษฐานและทานอาหารอีกครั้งในตอนค่ำ บาไฮทุกคนที่มีอายุระหว่าง 15-70 ปี ต้องถือศีลอด ยกเว้นผู้ที่ป่วย หญิงมีครรภ์แม่ที่ให้นมลูก ผู้ที่ใช้แรงงานมาก ผู้ที่เดินทางไกล ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวว่า ?ช่วงเวลาถือศีลอด เป็นช่วงเวลาของการทำสมาธิและสวดมนต์อธิษฐานโดยแท้จริง เป็นช่วงเวลาของการฟื้นฟูจิตใจในระหว่างนี้บาไฮต้องพยายามปรับชีวิตภายใน ให้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกครั้งแก่พลังที่แฝงอยู่ในวิญญาณ ดังนั้นความสำคัญและจุดประสงค์ของการถือศีลอดอยู่ที่จิตใจเป็นหลัก การถือศีลอดเป็นสัญลักษณ์และเป็นเครื่องเตือนใจให้ละเว้นจากความเห็นแก่ตัวและกิเลส?
วัฎจักรของชีวิต
การเกิด
ธรรมนิพนธ์บาไฮมิได้บ่งบอกว่า การเกิดของเด็กจะต้องมีงานฉลองแบบใดเป็นพิเศษ แต่มีบทอธิษฐานที่เหมาะกับเด็กซึ่งนำมาสวดได้ และมีอีกบทหนึ่งซึ่งมารดานำมาสวดได้ตลอดระยะการตั้งครรภ์
การสมรส
ขั้นแรกของการสมรสบาไฮคือ ชายหญิงจะต้องเลือกคู่ครองเองทั้งคู่จะต้องทำความรู้จักอุปนิสัยซึ่งกันและกันก่อนจะตัดสินใจ เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจจะแต่งงานกัน ทั้งสองต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย เพราะการแต่งงานจะนำ 2 ครอบครัวมารวมกันมิใช่เฉพาะ 2 คนเท่านั้น หากไม่ได้รับความยินยอม ทั้งคู่จะแต่งงานกันไม่ได้ เพราะการค้ำจุนความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อได้รับความยินยอมแล้ว จึงต้องติดต่อกับธรรมสภา และจัดการเรื่องการแต่งงานต่อไป
มีกฎข้อเดียวในพิธีสมรสบาไฮคือคำปฏิญาณการสมรส ซึ่งคู่บ่าวสาวจะต้องกล่าวต่อกันและกันคือ ?เราทุกคนจะยึดถือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความสัตย์จริง? นอกเหนือจากนี้จะจัดอย่างไรขึ้นอยู่กับความปรารถนาของบ่าวสาว ซึ่งมักมีการอ่านธรรมนิพนธ์และสวดบทอธิษฐานบาไฮในพิธี และบางครั้งอาจมีดนตรีด้วย การสมรสจะจัดขึ้นที่ใดก็ได้ตามความเหมาะสม บางคู่อาจเลือกจัดที่บ้าน ในสวน หรือสถานที่เหมาะสมบางแห่ง
สิ่งสำคัญคือ เมื่อบาไฮสมรสกัน ทั้งสองมิได้สัญญาอะไรต่อกันเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเสมอภาคกัน และสัญญาต่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นบาไฮเชื่อว่าการสมรสมิใช่เป็นพันธะทางกายเท่านั้น วิญญาณทั้งสองดวงต้องพยายามเติบโตไปด้วยกัน ด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือการบรรลุพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า และเข้าใกล้พระองค์ ชีวิตสมรสมิได้สิ้นสุดที่การตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่คงอยู่ตลอดกาลเพราะชีวิตสมรสเป็นพันธะทางวิญญาณ
การหย่าร้าง
การหย่าร้างอนุญาตให้มีได้ แต่เป็นที่ห้ามปรามอย่างยิ่ง เป็นหนึ่งในหน้าที่ของธรรมสภาที่จะพยายามปรองดองคู่สามีภรรยาที่ขัดแย้งกัน เพื่อรักษาชีวิตสมรสไว้ ธรรมสภาสามารถอนุญาตให้สามีภรรยาแยกกันอยู่หนึ่งปี ซึ่งในระหว่างหนึ่งปีนี้ ทั้งคู่ต้องพยายามแก้ไขปัญหา ถ้าครบหนึ่งปีแล้วสามีภรรยายังไม่สามารถคืนดีกันได้จึงอนุญาตให้หย่ากันได้
การตาย
การทำศพของบาไฮใช้วิธีฝัง ไม่มีการเผา เหตุผลคือร่างกายเป็นบัลลังก์แห่งวิหารภายในของวิญญาณ และต้องให้ความเคารพ ร่างกายก่อขึ้นมาทีละน้อยในครรภ์มารดา จึงต้องปล่อยให้สลายเน่าเปื่อยไปที ??????????????ละน้อย เพราะนี่เป็นกฎธรรมชาติของสิ่งต่างๆ
ศพของบาไฮต้องฝังในบริเวณที่ไม่ห่างจากสถานที่เสียชีวิตมากกว่าระยะการเดินทางหนึ่งชั่วโมง มีบทอธิษฐานเฉพาะหนึ่งบทของพระบาฮาอุลลาห์ ใช้สำหรับสวดตอนฝังศพ พิธีฝังศพจัดได้ตามที่ครอบครัวต้องการ
สักการสถาน
บาไฮไม่จำเป็นต้องอาศัยอาคารพิเศษสำหรับบูชา บาไฮเชื่อว่าคนเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่พิเศษเพื่อสวดอธิษฐานถึงพระผู้เป็นเจ้า พระบาฮาอุลลาห์ทรงเปิดเผยบทอธิษฐานบทหนึ่งซึ่งกล่าวว่า ?พระพรสถิตอยู่ทุกแห่งหน ทุกบ้าน ทุกสถานที่…ที่มีการกล่าวถึงพระผู้เป็นเจ้าและสรรเสริญพระองค์?
ปกติแล้วบาไฮจะพบปะกันในบ้านส่วนตัว หรือที่ศูนย์บาไฮ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์บาไฮอีกหลายแห่งทั่วโลก และจะสร้างเพิ่มขึ้นอีก โบสถ์เหล่านี้เป็นอาคารที่สวยงามมาก แต่ละโบสถ์จะมี 9 ด้านและทางเข้า 9 ทาง เป็นสัญลักษณ์แห่งเอกภาพของทุกศาสนา สักการสถานเหล่านี้เป็นที่สำหรับสวดอธิษฐานและอ่านธรรมนิพนธ์และมิใช่มีไว้สำหรับบาไฮเท่านั้น แต่เป็นสถานที่ที่มนุษยชาติทั้งปวงไม่ว่าจากเชื้อชาติหรือความเชื่อใด สามารถเข้าไปนมัสการพระผู้เป็นเจ้าได้
การแสวงบุญ
บาไฮไม่สามารถไปเยี่ยมสถานที่สำคัญต่างๆ ของศาสนาที่อยู่ในประเทศอิหร่านและอิรัก เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่พระบาฮาอุลลาห์มีชีวิตอยู่ พระองค์ถูกเนรเทศไปยังสถานที่ต่างๆ จนในที่สุดปี 2411(1868) พระองค์ถูกจองจำที่คุกเมืองอัคคา ในช่วง 12 ปีสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าพระองค์จะยังคงเป็นนักโทษอยู่ แต่พระองค์ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่นอกกำแพงเมืองได้ ณ สถานที่ที่เรียกว่า บาห์จี เป็นที่ซึ่งพระองค์เสด็จปรินิพพานในปี 2435(1892) ปัจจุบันบาห์จีเป็นที่ประดิษฐานพระศพของพระองค์รายล้อมด้วยอุทยานที่สวยงามมาก ดังนั้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบาไฮหลายแห่งจึงอยู่ในประเทศอิสราเอล คือในเมืองไฮฟาและอัคคา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางแห่งโลกของศาสนาบาไฮ สภายุติธรรมสากลเชิญบาไฮผู้แสวงบุญให้ไปเยี่ยมเยียนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ครั้งละ 9 วัน เพื่อสวดอธิษฐาน ณ สถูปต่างๆ และสถานที่น่าสนใจ ได้แก่สถูปของพระบ๊อบ อาคารเก็บหลักฐานทางประวัติศาสตร์ อาคารที่ทำการของสภายุติธรรมสากลบนภูเขาคาร์เมลในเมืองไฮฟา เมืองอัคคา และสุสานของพระบาฮาอุลลาห์ที่บาห์จี
ศาสนาและการพัฒนาวิญญาณ
คำสอนบาไฮบอกว่า มนุษย์มีธรรมชาติ 2 ลักษณะ คือธรรมชาติฝ่ายสูงและธรรมชาติฝ่ายต่ำ ธรรมชาติฝ่ายสูงของเราจะแสดงความรัก ความปรานี ความเมตตา ความจริงและความยุติธรรม ธรรมชาติฝ่ายต่ำของเราแสดงความหลอกลวงความโหดร้ายและความอยุติธรรม
เมื่อใครก็ตามหันมาหาพระผู้เป็นเจ้าแล้วปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวิญญาณโดยบรรลุคุณธรรมต่างๆ เขาคนนั้นก็จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ายิ่งขึ้นทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เมื่อมนุษย์ยอมรับว่า เขาจำเป็นต้องปฏิบัติตามพระผู้เป็นเจ้าเมื่อนั้นหนทางแห่งการเข้าใกล้พระองค์จะเปิดออก ความรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า ความใกล้ชิด และการเชื่อฟังพระองค์ จะนำไปสู่ความสุขนิรันดร์ในชีวิตนี้และภายหลังความตาย นี้คือสิ่งที่บาไฮถือว่าเป็น ?ความรอดพ้น?
ความคิดเกี่ยวกับวิญญาณ
ในธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์ พระองค์บอกว่า ในฐานะที่เป็นมนุษย์ เราไม่สามารถเข้าใจวิญญาณของมนุษย์ได้ถ่องแท้พระองค์กล่าวว่า ?จงรู้ไว้ วิญญาณคือสัญลักษณ์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า คือมณีสวรรค์ที่มนุษย์ที่รอบรู้ที่สุดก็ไม่สามารถเข้าใจ ความลับของวิญญาณนั้นปัญญาที่เฉียบแหลมเพียงไรก็ไม่สามารถเปิดเผยได้วิญญาณเป็นสิ่งแรกในสรรพสิ่งทั้งปวงที่ประกาศความสมบูรณ์เลิศของพระผู้สร้าง ยอมรับความรุ่งโรจน์ของพระองค์ ยึดมั่นอยู่กับสัจธรรมของพระองค์ และหมอบบูชาพระองค์ หากวิญญาณซื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้า วิญญาณนั้นจะสะท้อนความสว่างของพระองค์และกลับไปหาพระองค์ในที่สุด แต่ถ้าวิญญาณไม่จงรักภักดีต่อพระผู้สร้างของตน วิญญาณจะกลายเป็นเหยื่อของอัตตาและกิเลส และจะจมอยู่ในนั้นในที่สุด?
พระอับดุลบาฮาบอกว่า วิญญาณคือจิตสำนึกที่ช่วยให้เราค้นพบและไต่สวนสิ่งต่างๆ เท่าที่ความสามารถของมนุษย์จะทำได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อจะคุ้นเคยกับความลับสวรรค์ เราจำเป็นต้องมีพลังความศรัทธาด้วย
ปัญญาคือพลังของวิญญาณ ตัวอย่างเช่น วิญญาณเป็นเสมือนกระจก ซึ่งเมื่อหันไปหาดวงอาทิตย์ก็จะสะท้อนแสง เมื่อวิญญาณหันไปหาพระผู้เป็นเจ้าและพระศาสดาของพระองค์ วิญญาณจะสะท้อนความรู้ คุณลักษณะ และคุณธรรมต่างๆ ของพระศาสดา การแสดงออกและการสะท้อนนี้ประกอบกันขึ้นเป็นปัญญา พระอับดุลบาฮากล่าวว่า ?วิญญาณคือตะเกียง และปัญญาคือแสงที่ส่องมาจากตะเกียง?
พระบาฮาอุลลาห์ทรงบอกว่า วิญญาณของมนุษย์กำเนิดขึ้นในวินาทีของการตั้งครรภ์ วิญญาณมาจากพระผู้เป็นเจ้า และภายหลังความตาย วิญญาณจะพัฒนาจนกระทั่งกลับไปสู่พระผู้เป็นเจ้า พระอับดุลบาฮากล่าวว่า
?วิญญาณปฏิบัติการในโลกกายภาพด้วยความช่วยเหลือของร่างกาย เมื่อวิญญาณจากร่างกาย วิญญาณปฏิบัติการโดยไม่ใช้สื่อกลาง…? ?ร่างกายคือม้า วิญญาณคือคนขี่ม้า บางครั้งคนขี่ม้าเดินทางโดยไม่ต้องขี่ม้า แต่ผู้ที่ไม่ไตร่ตรองกล่าวว่า เมื่อวิญญาณจากร่างกายไปแล้ว วิญญาณไม่สามารถปฏิบัติการได้ วิญญาณไม่มีรูปกาย จงไตร่ตรองเรื่องนี้?
ท่านศาสนภิบาลเขียนไว้ว่า เมื่อร่างกายของเราตายไป วิญญาณจะแยกจากร่างกายและเดินทางผ่านไปในอีกหลายภพ ซึ่งเป็นภพแห่งวิญญาณ ?เท่าที่เรารู้คือ จิตสำนึกและบุคลิกภาพของเราจะคงอยู่ในสภาวะใหม่ และในโลกหน้าดีกว่าโลกนี้มาก…?
การพัฒนาของวิญญาณก่อนและหลังความตาย
พระอับดุลบาฮาทรงเปรียบเทียบการพัฒนาของวิญญาณเป็นเสมือนตัวอ่อนในครรภ์มารดา ขณะที่อยู่ในครรภ์ ตัวอ่อนพัฒนาแขน ขา ตา หู ซึ่งไม่ได้ใช้ขณะที่อยู่ในครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากสิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับการพัฒนาในระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์ เด็กจะพิการเมื่อคลอดออกมา เช่นเดียวกับวิญญาณ ขณะที่อยู่ในโลกนี้และสัมพันธ์อยู่กับร่างกาย วิญญาณจำเป็นต้องพัฒนา บรรลุคุณธรรมต่างๆ เช่น ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความเอื้อเฟื้อ ฯลฯ หากไม่ได้บรรลุคุณธรรมเหล่านี้ วิญญาณจะพิการภายหลังจากที่ร่างกายตายไป เมื่อเข้าไปสู่ภพแห่งวิญญาณเพื่อมุ่งต่อไปสู่เป้าหมายของการสมัครสมานกับพระผู้เป็นเจ้า วิญญาณที่ไม่ได้พัฒนาอาจเข้าไปหาพระผู้เป็นเจ้าได้ แต่การเข้าไปนี้เป็นไปอย่างช้าๆ และขึ้นอยู่กับความปรานีของพระองค์
สวรรค์และนรก
บาไฮไม่เชื่อว่า สวรรค์และนรกเป็นสถานที่ แต่เชื่อว่าเป็นสภาวะและเราสามารถอยู่ในสวรรค์หรือนรกได้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าสวรรค์คือภาวะอันประเสริฐที่ได้ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้า และบรรลุได้โดยการเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ นรกคือการอยู่ห่างไกลจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผลที่ตามมาคือ ความทุกข์และสิ้นหวัง
บทบาททางสังคมของศาสนาบาไฮในชีวิตของบุคคลและสังคม
ศาสนาบาไฮไม่ใช่เป็นศาสนาส่วนบุคคล แต่เป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์ เมื่อผู้ใดยอมรับพระบาฮาอุลลาห์ เขาจะยอมรับคำสอนของพระองค์ด้วย ซึ่งแสดงนัยถึงความรับผิดชอบบางอย่าง ประการแรก เขาต้องรับผิดชอบต่อการพัฒนาวิญญาณของตนเองโดยการปฏิบัติตามหลักธรรมบางข้อ ซึ่งรวมถึงการสวดมนต์อธิษฐานประจำวันการถือศีลอด การบริจาคให้กองทุนบาไฮ การบอกให้ผู้อื่นทราบเกี่ยวกับศาสนาบาไฮ และการเข้าร่วมงานฉลองบุญ 19 วัน
ประการที่สอง บาไฮต้องยอมรับความเป็นสากลและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในโลก มนุษยชาติเป็นหนึ่งเดียว และต้องไม่มีอคติ บาไฮมีจินตภาพที่ชัดเจนว่า มนุษยชาติของยุคใหม่จะเป็นเช่นไร บาไฮปรารถนาจะรับใช้และทำงานเพื่อสถาปนาระบบแห่งโลกยุคใหม่นี้ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบต่อการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน บาไฮผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบต่อการลงคะแนนในการเลือกตั้งบาไฮ ถ้าตนเองถูกเลือก ตนจะมีหน้าที่รับใช้ และบาไฮทุกคนต้องเชื่อฟังคำตัดสินของธรรมสภา ระบบบริหารนี้ที่บาไฮสนับสนุน จะนำทางและอำนวยธุรกิจต่างๆ ในชุมชนตามที่ระบุไว้ในธรรมนิพนธ์บาไฮ พวกเขาจะจัดการกิจการของชุมชน วางแผนงาน และพยายามแก้ไขปัญหาของแต่ละคน บทบาทของธรรมสภาคือพยายามค้ำจุนความสามัคคีและความปรองดองไว้ตลอดเวลา เป็นการปฏิบัติตามคำตักเตือนของพระบาฮาอุลลาห์ที่ว่า ?เจตนามูลฐานที่ขับเคลื่อนศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าคือ การปกป้องประโยชน์และส่งเสริมเอกภาพของมนุษยชาติ และทำนุบำรุงดวงจิตแห่งความรักและมิตรภาพในหมู่มนุษย์?
บทบาททางศีลธรรมของศาสนาบาไฮที่มีต่อชีวิตส่วนบุคคลและชุมชน
บทบาททางศีลธรรมของศาสนาบาไฮ คือ การช่วยให้บาไฮเข้าใจพระประสงค์และเจตนาของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับแต่ละบุคคลนี้หมายถึง การรู้จักและบูชาพระองค์ การบรรลุคุณธรรม มนุษยชาติรู้จักพระผู้เป็นเจ้าได้โดยอาศัยความรู้ของพระศาสดาที่อยู่ในธรรมนิพนธ์ พวกเขาสามารถบูชาพระองค์ได้โดยการเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์ การกระทำเช่นนี้จะปรับปรุงอุปนิสัยใจคอและพัฒนาคุณธรรมได้มากขึ้น เช่น ความรัก ความเอื้อเฟื้อ ความเมตตา เป็นต้น วิญญาณของพวกเขาจะพัฒนาเตรียมพร้อมเพื่อชีวิตหน้า และบรรลุจุดประสงค์ที่พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาในโลกนี้ บทบาทของศาสนาบาไฮในชุมชนคือ การบรรลุแผนงานของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคนี้ นั่นคือ เอกภาพของโลก การสถาปนาระบบสังคมใหม่ ซึ่งเป็นอีกขั้นหนึ่งของอารยธรรมที่ก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุด
บทบาทด้านจิตวิทยาของศาสนาบาไฮในชีวิตส่วนบุคคล
ปัญหาทางจิตวิทยามากมายเกิดจากความรู้สึกว่า ชีวิตนี้ไร้ประโยชน์และไร้คุณค่า ซึ่งมักนำไปสู่ความสิ้นหวัง ความคับข้องใจ และความต้องการหนีสังคม บางคนหนีโดยฆ่าตัวตาย บางคนหนีไปหาสิ่งมึนเมา ยาเสพติด หรือไปหาความเพลิดเพลินที่มักจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นเสียมากกว่าช่วยแก้ปัญหา ศาสนาบาไฮช่วยให้แต่ละบุคคลเข้าใจจุดประสงค์ของการมีชีวิตอยู่ คือการรู้จักและบูชาพระผู้เป็นเจ้า และพัฒนาศีลธรรมของตน ศาสนาบาไฮให้แนวทางไปสู่เป้าหมายที่มีค่า คือการช่วยสถาปนาระบบแห่งโลกใหม่ที่ดีกว่า ดังนั้นแต่ละคนมีหลายสิ่งที่ท้าทายและกระตุ้นตนอยู่ และมีหลายอย่างที่ตนจะต้องมีชีวิตต่อไปเพื่อสิ่งนั้น ธรรมนิพนธ์ของศาสนาบาไฮให้แนวทางในทุกแง่มุมของชีวิต ดังนั้นแต่ละคนจะไม่รู้สึกสูญเสียหรือสับสนเราทุกคนต้องพยายามพัฒนาตัวเราเองเพื่อชีวิตหลังความตาย และการพัฒนาของวิญญาณขึ้นอยู่กับคุณธรรมและคุณลักษณะต่างๆ ที่บรรลุถึงในชีวิตนี้ ความเครียดและปัญหาในชีวิตถือว่าเป็นการทดสอบหรือสิ่งท้าท้ายที่จะต้องเอาชนะ ซึ่งจะช่วยพัฒนาวิญญาณ
ในระดับชุมชน สถาบันบาไฮต่างๆ นำทางและส่งเสริมความสำนึกในความสามัคคีและเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อบาไฮแต่ละคนจะไม่รู้สึกว้าเหว่ และไม่จำเป็นต้องหันไปทางอื่นเพื่อหาความอุ่นใจ
สัญลักษณ์ที่ใช้ในศาสนาบาไฮ
ธรรมนิพนธ์บาไฮและบทอธิษฐานเต็มไปด้วยพระนามและคุณลักษณะมากมายที่พาดพิงถึงพระผู้เป็นเจ้า เช่น พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรัก พระผู้ทรงรักษา ??เป็นต้น
พระนามที่ยิ่งใหญ่กว่าพระนามอื่นทั้งหมดคือ ?บาฮา? เป็นภาษาอาหรับที่หมายความว่า ?ความรุ่งโรจน์? พระนามของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้ายุคนี้คือ ?บาฮาอุลลาห์? บาฮาหมายถึงความรุ่งโรจน์ อุลลาห์หมายถึง พระผู้เป็นเจ้า รวมกันหมายถึง ความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้า
บาไฮมีสัญลักษณ์อยู่ 2 อย่างที่พาดพิงถึง ?พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด? หนึ่งคือคำว่า ?ยาบาฮาอุลลาห์ภา? เขียนตามแบบแผนภาษาอาหรับ มีความหมายว่า ?ข้าแต่พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์เหนือความรุ่งโรจน์? สองเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์ เส้นบนหมายถึงภพของพระผู้เป็นเจ้า เส้นกลางหมายถึงพระศาสดา และเส้นล่างหมายถึงภพของมนุษย์ ส่วนเส้นแนวดิ่งหมายถึง พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สืบมาจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านมาทางพระศาสนา เพื่อนำพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้ามาให้มนุษย์ทราบ ส่วนดาว 2 ดวงบ่งบอกว่า ในยุคนี้มีพระศาสดา 2 พระองค์คือ พระบ๊อบและพระบาฮาอุลลาห์
พยัญชนะในภาษาอาหรับมีค่าเป็นตัวเลข และค่าตัวเลขของคำว่า ?บาฮา? เท่ากับ 9 ดังนั้นเลข 9 จึงมีความสำคัญสำหรับบาไฮ เช่น ในปัจจุบันมีการเลือกสมาชิก 9 คนอยู่ในสถาบันต่างๆ ของบาไฮ