การเป็นบาไฮต้องพัฒนาไปทีละน้อย
บาไฮใหม่ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
กระบวนการเป็นบาไฮจำเป็นต้องดำเนินไปอย่างช้าๆ ทีละน้อย สิ่งสำคัญนั้นมิใช่ว่าผู้เริ่มต้นควรมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาอย่างละเอียดสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างเห็นได้ชัดสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ว่าโดยเจตนาของเขาเอง เขาควรเต็มใจจะสนับสนุนและปฏิบัติตามสัจจะและการนำทางที่อยู่ในคำสอน และโดยวิธีนี้เปิดหัวใจและปัญญาต่อภาวะที่แท้จริงของพระศาสดา
สภายุติธรรมสากล (LG 1974 ?no. 183)
ผู้ประกาศตนเป็นบาไฮควรจะหลงใหลในความงามของคำสอนและซาบซึ้งในความรักของพระบาฮาอุลลาห์ ผู้ประกาศตนไม่จำเป็นต้องรู้ข้อพิสูจน์ ประวัติศาสตร์ กฎและหลักธรรมทั้งหมดของศาสนา แต่ในกระบวนการประกาศตน นอกจากได้รับพลังความศรัทธาแล้ว พวกเขาต้องได้รับทราบบุคคลที่เป็นศูนย์กลางของศาสนา ทราบว่ามีกฎต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตาม และระบบบริหารที่ต้องเชื่อฟัง
สภายุติธรรมสากล (LG 1964 no. 185)
หมายเหตุ : บุคคลที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาบาไฮ คือ พระบ๊อบ พระบาฮาอุลลาห์ และพระอับดุลบาฮา
ความตั้งใจที่จะดำเนินชีวิตตามคำสั่งสอนของพระบาฮาอุลลาห์
เมื่อให้สมาชิกภาพแก่บุคคลใหม่ในชุมชนบาไฮ เขาควรกลับบ้านไปด้วยความคิดที่ว่า เขาได้รับการคาดหวังให้ดำเนินชีวิตตามคำสั่งสอนของพระบาฮาอุลลาห์และแสดงออกซึ่งเครื่องหมายของอุปนิสัยอันประเสริฐต้องตรงกับกฎของพระองค์ สิ่งนี้มักต้องเป็นไปทีละน้อยหลังจากที่บาไฮใหม่เข้ามาเป็นสมาชิก
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1953 no. 188)
มองดูที่คำสอน
ไม่ว่าในสภาพแวดล้อมใด คุณไม่ควรรู้สึกท้อแท้และยอมให้ความลำบากนั้นทำให้ความศรัทธาและความจงรักภักดีต่อศาสนาของคุณหวั่นไหว แม้ว่าจะมาจากความประพฤติมิชอบ ไร้ความสามารถหรือขาดความเข้าใจของสมาชิกจำนวนหนึ่งในชุมชน ?แน่นอนบาไฮทั้งหลายไม่ว่าเขาจะทรงคุณวุฒิเพียงใด ไม่ว่าเป็นผู้สอนศาสนาหรือผู้บริหาร และไม่ว่าเขาจะมีปัญญาหรือมีคุณธรรมสูงส่งเพียงไร ไม่ควรถือเป็นมาตรฐานสำหรับประเมินหรือวัดอำนาจสวรรค์และบทบาทของศาสนา คำสอนและชีวิตของผู้ก่อตั้งศาสนาคือสิ่งที่บาไฮควรอาศัยเป็นการนำทางและแรงบันดาลใจ
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1939 no. 217)
1. สวดมนต์อธิษฐานทุกวัน
บทอธิษฐานบังคับประจำวัน
บทอธิษฐานบังคับประจำวันมีอยู่ 3 บท บทสั้นที่สุด… ต้องสวดหนึ่งครั้งทุก 24 ชั่วโมงเวลาเที่ยงวัน บทปานกลางต้องสวด 3 ครั้งในหนึ่งวันคือตอนเช้า ตอนเที่ยง และตอนค่ำ บทยาวซึ่งเป็นบทละเอียดที่สุดต้องสวดหนึ่งครั้งทุก 24 ชั่วโมง เลือกเวลาตามสมัครใจ ?บาไฮมีอิสระที่จะเลือกสวดบทหนึ่งในสามบทนี้ แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของการสวดและสอดคล้องกับคำสั่งที่กำกับไว้เฉพาะแต่ละบท
บทอธิฐานบังคับประจำวันเหล่านี้พร้อมกับบทอธิษฐานเฉพาะอื่นๆ เช่น บทอธิษฐานเพื่อการรักษา ธรรมจารึกถึงอาหมัด ได้รับการประสาทด้วยอำนาจและความหมายเป็นพิเศษโดยพระบาฮาอุลลาห์ ดังนั้นบาไฮจึงควรยอมรับและสวดด้วยความศรัทธาและความมั่นใจอย่างไม่มีข้อสงสัยว่า โดยบทอธิษฐานเหล่านี้พวกเขาจะเข้าไปสู่การสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และปฏิบัติตามกฎและหลักธรรมของพระองค์ได้ดีขึ้น
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (PBA 7)
หมายเหตุ ??: เวลาเช้า เที่ยงวัน และเวลาค่ำ ที่กล่าวไว้เกี่ยวกับบทอธิษฐานบังคับประจำวันหมายความตามลำดับคือ ระหว่างเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นถึงเที่ยงวัน ระหว่างเที่ยงวันถึงดวงอาทิตย์ตก และดวงอาทิตย์ตกถึง 2 ชั่วโมงหลังดวงอาทิตย์ตก
: ??ขณะสวดบทอธิษฐานบังคับประจำวันต้องหันหน้าไปยังสถูปของพระบาฮาอุลลาห์ที่บาห์จี
บทอธิษฐานบังคับประจำวันโดยธรรมชาติแล้วมีประสิทธิภาพสูงกว่า และได้รับการประสาทด้วยอานุภาพมากกว่าบทอธิษฐานทั่วไป
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (IPMDA 34)
อธิษฐานถึงใคร
ขณะอธิษฐาน ย่อมจะดีกว่าถ้าเพ่งความคิดไปยังพระศาสดาเพราะว่าในภพหน้าพระองค์ยังเป็นตัวกลางให้เราได้ติดต่อกับพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ อย่างไรก็ตามเราสามารถอธิษฐานถึงพระผู้เป็นเจ้าได้โดยตรง
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1983 ?no. 882)
หากท่านรู้สึกว่าจำเป็นต้องนึกถึงภาพใครบางคนขณะอธิษฐานจงคิดถึงพระอับดุลบาฮา ท่านสามารถอธิษฐานถึงพระบาฮาอุลลาห์โดยผ่านทางพระอับดุลบาฮา จงพยายามคิดถึงคุณสมบัติของพระศาสดาทีละน้อย และโดยวิธีนี้ภาพในจิตใจจะจางหายไป เพราะมิใช่อยู่ที่ร่างกาย แต่อยู่ที่พระวิญญาณของพระองค์ที่เป็นองค์ประกอบจำเป็นและคงอยู่นิรันดร์
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1983 ?no. 978)
เราต้องไม่เถรตรงเกี่ยวกับการอธิฐานเพราะไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว สิ่งสำคัญคือเราต้องเริ่มต้นด้วยความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า พระศาสดา พระอับดุลบาฮา ท่านศาสนภิบาล เราสามารถเพ่งความคิดไปยังผู้ใดผู้หนึ่งตามที่กล่าวมานี้ในขณะอธิษฐาน ตัวอย่างเช่น ท่านสามารถขอบางสิ่งจากพระบาฮาอุลลาห์ หรือคิดถึงพระบาฮาอุลลาห์แล้วขอจากพระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียวกันกับพระอับดุลบาฮาและท่านศาสนภิบาล ท่านสามารถเพ่งความคิดไปยังท่านใดท่านหนึ่ง แล้วขอให้ท่านวิงวอนให้ท่าน หรือท่านอธิษฐานโดยตรงถึงพระผู้เป็นเจ้า ตราบใดที่ท่านไม่สับสนเกี่ยวกับฐานะของแต่ละท่าน ไม่คิดว่าแต่ละท่านเสมอกัน ท่านจะเพ่งความคิดไปอย่างไงไม่ใช่เรื่องใหญ่
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (IPMDA 42)
อธิษฐานด้วยความรัก
การอธิษฐานไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำ แต่อาจอยู่ในความคิดและการกระทำ หากขาดความรักและความปรารถนานี้ก็เปล่าประโยชน์ที่จะพยายามอธิษฐาน ถ้อยคำที่ปราศจากความรักไม่มีความหมาย หากใครคนหนึ่งพูดกับท่านด้วยความจำใจ ปราศจากความรักหรือความยินดี ท่านอยากจะสนทนากับเขาไหม?
ในการอธิษฐานขั้นสูงสุด มนุษย์จะอธิษฐานเพื่อความรักของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น มิใช่เพราะกลัวพระองค์หรือกลัวนรก มิใช่เพราะหวังจะได้พรหรือได้ขึ้นสวรรค์…
พระอับดุลบาฮา (IPMDA 27)
อธิษฐานเพื่อปฏิบัติ
การอธิษฐานและทำสมาธิเป็นปัจจัยสำคัญมากสำหรับการปลูกฝังคุณธรรมในชีวิตของแต่ละบุคคล แต่ต้องไปด้วยกันกับการกระทำและตัวอย่าง เพราะการกระทำคือผลที่แท้จริงของการอธิษฐาน ทั้งสองเป็นสิ่งจำเป็น
บาไฮทุกคนไม่ว่าเก่าหรือใหม่ควรตระหนักว่า ศาสนานี้มีอานุภาพธรรมที่จะเปลี่ยนเราหากพยายามให้อานุภาพนั้นโน้มน้าวเรา และการช่วยให้เกิดการโน้มน้าวได้ดีที่สุดคือการอธิษฐาน เราต้องวิงวอนขอพระบาฮาอุลลาห์ช่วยเราเอาชนะอุปนิสัยที่บกพร่องของเรา และมุ่งมั่นพยายามควบคุมตัวเราเองด้วย
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (IPMDA 40)
การอธิษฐานคือรากฐานของการพัฒนาบุคคลและสังคม
เพราะแก่นของความศรัทธาในศาสนาคือ ความรู้สึกทางจิตที่เชื่อมมนุษย์เข้ากับพระผู้เป็นเจ้า ภาวะของการติดต่อทางจิตนี้เกิดขึ้นและคงอยู่ได้โดยการทำสมาธิและอธิษฐาน และนี่คือเหตุผลที่ทำไมพระบาฮาอุลลาห์เน้นความสำคัญของการนมัสการ เป็นสิ่งไม่เพียงพอที่บาไฮจะเพียงแต่ยอมรับและปฏิบัติตามคำสอน นอกจากนี้บาไฮควรเพาะธรรมะในจิตใจซึ่งส่วนใหญ่ทำได้โดยการอธิษฐาน ภาวะของจิตคือรากฐานของศาสนาบาไฮเช่นเดียวกับศาสนาอื่น เป้าหมายสำคัญของศาสนาบาไฮคือการพัฒนาบุคคลและสังคมโดยการพัฒนาคุณธรรมและจิตใจ ดังนั้นจึงต้องหล่อเลี้ยงวิญญาณของมนุษย์ก่อน และการอธิษฐานหล่อเลี้ยงวิญญาณได้ดีที่สุด พระบาฮาอุลลาห์ทรงถือว่ากฎและสถาบันต่างๆ จะมีประสิทธิภาพจริงก็ต่อเมื่อคุณธรรมในตัวเราเปลี่ยนแปลงและสมบูรณ์ขึ้น มิฉะนั้นศาสนาจะเสื่อมลงไปเป็นเพียงองค์กรที่ตายซาก
ดังนั้นบาไฮทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนบาไฮ ควรตระหนักถึงความจำเป็นของการอธิษฐาน เพราะการอธิษฐานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาดสำหรับการพัฒนาจิตใจ และดังที่กล่าวไว้แล้วนี้คือรากฐานและจุดมุ่งหมายของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (IPMDA 33-4)
- การถือศีลอด
ระหว่างวันที่ 2 ถึง 20 มีนาคมของทุกปี
ในพระคัมภีร์อัคดัสพระองค์ พระบาฮาอุลลาห์ทรงจารึกว่า ??เราบัญชาให้เจ้าอธิษฐานและถือศีลอดตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยของการเจริญเติบโตเต็มที่ ?(อายุ 15 ปี) นี้คือการบัญญัติโดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า พระองค์ทรงยกเว้นให้แก่ผู้ที่อ่อนเพลียจากการเจ็บป่วย และผู้สูงอายุ ?(อายุมากกว่า 70 ปี)… ผู้ที่เดินทาง ผู้ป่วย ผู้มีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร ไม่ผูกมัดให้ต้องถือศีลอด… จงละเว้นอาหารและเครื่องดื่มระหว่างดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก ?และจงระวังอย่าให้กิเลสพรากเจ้าจากกรุณานี้ที่ประกาศิตไว้ในพระคัมภีร์?
…ช่วงเวลาของการถือศีลอดซึ่งเป็นเวลา 19 วันเริ่มต้นจากวันที่ 2 มีนาคม ของทุกปีและสิ้นสุดวันที่ 20 ของเดือนเดียวกัน รวมถึงการละเว้นจากอาหารและเครื่องดื่มโดยเด็ดขาดตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก…
…เกี่ยวกับคำถามของท่านเรื่องการถือศีลอด : ผู้เดินทางทั้งหลายได้รับการยกเว้นจากการถือศีลอด แต่หากพวกเขาต้องการถือศีลอดขณะที่กำลังเดินทาง ?พวกเขามีอิสระที่จะทำได้ ท่านได้รับการยกเว้นในช่วงเวลาทั้งหมดที่ท่านเดินทาง มิใช่เฉพาะเพียงเวลาที่ท่านอยู่บนรถไฟ หรือรถยนต์ ฯลฯ ถ้าหากท่านเผลอรับประทานโดยลืมตัวในชั่วโมงของการถือศีลอด นั่นมิได้การฝ่าฝืนการถือศีลอด ?เนื่องด้วยเป็นความไม่ได้ตั้งใจ อายุที่จำกัดคือ 70 ปี แต่ถ้าใครต้องการถือศีลอดหลังจากเลยอายุจำกัดนี้ไปแล้วและมีความแข็งแรงพอ เขามีอิสระที่จะทำได้ ถ้าระหว่างช่วงเวลาถือศีลอด คนใดล้มป่วยและไม่สามารถถือศีลอดได้ แต่หลังฟื้นจากเจ็บป่วยแล้วช่วงเวลาถือศีลอดยังไม่สิ้นสุด เขาสามารถเริ่มต้นถือศีลอดต่อไปจนกระทั่งสิ้นสุดช่วงเวลาได้ ?แน่นอนดังที่ท่านทราบแล้ว การถือศีลอดสามารถปฏิบัติได้เฉพาะเพียงในระหว่างเดือนที่จัดไว้สำหรับจุดประสงค์นี้เท่านั้น?
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (PBA 9-10)
หมายเหตุ : หญิงระหว่างมีประจำเดือนได้รับการยกเว้นจากการถือศีลอดด้วยเช่นกัน
ช่วงเวลาสำหรับการทำสมาธิ อธิษฐาน และฟื้นฟูจิตใจ
โดยเนื้อแท้แล้ว การถือศีลอดคือช่วงเวลาของการทำสมาธิอธิษฐานและฟื้นฟูจิตใจ ในระหว่างนี้บาไฮต้องพยายามปรับชีวิตภายในให้มีความสดชื่นและแข็งขันอีกครั้งแก่พลังทางจิตที่แฝงอยู่ในวิญญาณของตน ดังนั้นความหมายและจุดมุ่งหมายของการถือศีลอดเป็นเรื่องของจิตใจโดยมูลฐาน การถือศีลอดเป็นสัญลักษณ์และสิ่งเตือนใจให้ละเว้นจากความเห็นแก่ตัวและกิเลส
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (PBA 9)
ข้อดีของการถือศีลอดสุดจะหยั่งรู้
พระองค์ทรงประสิทธิ์ประสาททุกชั่วโมงในวันเหล่านี้ (วันถือศีลอด) ด้วยคุณธรรมพิเศษที่ไม่มีใครหยั่งรู้นอกจากพระองค์
พระบาฮาอุลลาห์ (BP 247)
พระพรจงมีแด่ผู้ที่ถือศีลอดเพื่อเห็นแก่พระองค์เพียงผู้เดียวและตัดความผูกพันโดยเด็ดขาดจากทุกสรรพสิ่งนอกจากพระองค์
พระบาฮาอุลลาห์ (BP 246)
ข้อดีของการถือศีลอดมีนานัปการ หนึ่งคือ: เนื่องด้วยในวันเหล่านี้ (ช่วงเวลาถือศีลอดซึ่งต่อมาภายหลังศาสนิกชนได้ถือปฏิบัติ) พระศาสดาได้รับแรงดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าและยุ่งอยู่กับการเปิดเผยบทกลอนจากสวรรค์ สถาปนากฎและจัดแจงคำสอนอย่างคร่ำเคร่ง จนไม่อยู่ในภาวะหรือไม่มีเวลาสำหรับกินหรือดื่ม ตัวอย่างเช่น พระโมเสสเสด็จไปที่ภูเขาเทอร์ (ไซนาย) และที่นั่นพระองค์ทรงยุ่งอยู่กับการบัญญัติกฎของพระผู้เป็นเจ้า และทรงงดอาหารเป็นเวลา 40 วัน และเพื่อจุดประสงค์ที่จะปลุกและตักเตือนประชาชนของอิสราเอล จึงมีบัญชาให้พวกเขาถือศีลอด
เช่นเดียวกัน ในเริ่มต้นของการสถาปนากฎ จัดระบบคำสอนและจัดแจงคำแนะนำ พระเยซูละเว้นจากการกินและดื่มเป็นเวลา 40 วัน ในตอนเริ่มต้นสาวกและคริสเตียนถือศีลอด แต่ต่อมาหมู่ชนส่วนใหญ่ของคริสเตียนเปลี่ยนไปเป็นการปฏิบัติที่ไม่เคร่ง
เช่นกันคัมภีร์กุรอ่านเปิดเผยในเดือนรามาซาน จึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องถือศีลอดในเดือนนี้
ทำนองคล้ายกัน ในตอนเริ่มต้นเปิดเผยพระธรรม อานุภาพเหลือล้นมากับบทกลอนที่หลั่งลงมา พระบ๊อบลดอาหารเหลือเพียงน้ำชาเท่านั้นเป็นเวลาหลายวัน
เช่นกันในยามที่ยุ่งอยู่กับการสถาปนาคำสอน และในระหว่างวันที่วจนะของพระผู้เป็นเจ้าหลั่งลงมาอย่างไม่ขาดสาย พระบาฮาอุลลาห์แทบไม่ได้รับอาหารเลยยกเว้นเพียงน้อยนิด เพราะอานุภาพของพระวจนะและความระทึกใจ
จุดประสงค์นี้คือ: เพื่อจะเอาอย่างพระผู้แสดงพระธรรมสวรรค์และเพื่อจุดประสงค์ของการตักเตือนและเป็นการรำลึกถึงภาวะของพระศาสดา จึงกลายเป็นหน้าที่สำหรับประชาชนที่จะต้องถือศีลอดในวันเหล่านั้น เพราะวิญญาณที่จริงใจทุกดวงปรารถนาจะประสบกับภาวะที่ผู้ที่เขารักเคยประสบ หากผู้ที่เขารักอยู่ในภาวะทุกข์โศก เขาปรารถนาความทุกข์โศก หากผู้ที่เขารักอยู่ในภาวะปีติ เขาปรารถนาความปีติ หากคนที่เขารักอยู่ในภาวะผ่อนคลาย เขาปรารถนาความผ่อนคลาย หากผู้ที่เขารักอยู่ในภาวะยุ่งยาก เขาปรารถนาความยุ่งยาก
ปัจจุบันเนื่องด้วยในยุคทอง 1,000 ปีนี้ พระบ๊อบได้ละเว้นอาหารเป็นเวลาหลายวัน และพระบาฮาอุลลาห์รับอาหารและดื่มน้อยมาก จึงจำเป็นที่มิตรสหายควรเอาเยี่ยงอย่าง
พระอับดุลบาฮา (LG 1983 no. 488)
- อ่านพระธรรมทุกเช้าค่ำ
เจ้าจงสวดบทกลอนของพระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าและค่ำ ผู้ที่ไม่สวดเท่ากับไม่ปฏิบัติตามสัญญาต่อพระปฏิญญาและพินัยกรรมของพระองค์และใครที่เมินพระปฏิญญาในยุคนี้เท่ากับเมินพระผู้เป็นเจ้ามาแต่โบราณกาล ดูกร คนรับใช้ของเรา จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
จงมีสติ อย่าให้การอ่านและศรัทธากิริยาที่มากเกินไปในทิวาราตรีทำให้เจ้าทะนงตัว หากใครสวดเพียงบทกลอนเดียวจากธรรมนิพนธ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยจิตที่ผ่องใสและเบิกบาน ย่อมดีกว่าสวดอย่างเหนื่อยอ่อนหมดทั้งคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง เจ้าจงสวดบทกลอนของพระผู้เป็นเจ้าเท่าที่จะไม่เกิดความอ่อนล้าหรือเบื่อหน่าย
พระบาฮาอุลลาห์ (IPMDA 1-2)
จงดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรแห่งวจนะของเรา เพื่อเจ้าจะได้คลี่คลายความลับในนั้น และค้นพบไข่มุกแห่งอัจฉริยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในความล้ำลึก
พระบาฮาอุลลาห์ (IPMDA 1)
ดูกร ภราดร เราควรเปิดตา ทำสมาธิตรึกตรองพระวจนะของพระองค์ และแสวงหาร่มเงาของพระผู้แสดงธรรมของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อว่าเราจะได้รับคำตักเตือนแนะนำอันแน่ชัดที่อยู่ในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ เพื่อว่าเราจะไม่มีข้อสงสัยพระผู้เปิดเผยวจนะ จะยอมสละตนให้ศาสนาของพระองค์ จะได้เข้าไปยังราชสำนักแห่งความปรานี และอาศัยอยู่บนชายฝั่งแห่งความกรุณาของพระองค์ แท้จริงแล้วพระองค์ทรงความปรานีและให้อภัยคนรับใช้ของพระองค์
พระบาฮาอุลลาห์ (IPMDA 4)
เจ้าจงทำสมาธิตรึกตรองสิ่งที่เราเปิดเผยให้แก่เจ้า เพื่อว่าเจ้าจะได้ค้นพบพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้เป็นนายของภพทั้งปวง ความลึกลับของเมธาสวรรค์ถนอมไว้ในวจนะเหล่านี้
พระบาฮาอุลลาห์ (IPMDA 5)
- ละเว้นจากการนินทา
การนินทาเป็นบาปอันร้ายแรงที่สุด
ลักษณะอันเลวร้ายที่สุดของมนุษย์และบาปอันร้ายแรงที่สุดคือการนินทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาจากลิ้นของผู้ที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า… เราหวังว่าบรรดาผู้ที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าจะหลีกเลี่ยงการนินทาโดยเด็ดขาด แต่ละคนจะสรรเสริญผู้อื่นด้วยน้ำใสใจจริง และเชื่อว่าการนินทาเป็นเหตุของความกริ้วโกรธของพระผู้เป็นเจ้าขนาดที่ว่า ถ้าบุคคลหนึ่งนินทาเพียงคำเดียว เขาจะสูญเสียเกียรติในหมู่ประชาชนทั้งปวง เพราะลักษณะอันน่าเกลียดชังที่สุดของมนุษย์คือการค้นหาข้อบกพร่อง มนุษย์ต้องเผยลักษณะที่น่าสรรเสริญของผู้อื่น มิใช่ลักษณะที่ไม่ดีของผู้อื่น มิตรสหายต้องมองข้ามข้อบกพร่องทั้งหลายและพูดถึงเฉพาะแต่คุณความดี ไม่พูดถึงข้อบกพร่องของผู้อื่น
พระอับดุลบาฮา (LG 1983 no. 228)
การนินทาก่อให้เกิดความแตกแยก ?มันเป็นเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้มิตรสหายถอนตัว ?ถ้าใครพูดถึงความไม่ดีของผู้อื่นขณะที่เขาไม่อยู่ เป็นหน้าที่ของผู้ฟังทั้งหลายที่จะหยุดเขาด้วยกริยาที่เป็นมิตรและกล่าวในทำนองว่า: การนินทานี้ส่งเสริมจุดประสงค์ที่มีประโยชน์อันใด การนินทานี้เป็นที่ยินดีสำหรับพระบาฮาอุลลาห์หรือ ส่งเสริมเกียรติของมิตรสหายหรือ ส่งเสริมศาสนาหรือ สนับสนุนพระปฏิญญาหรือ หรือมีประโยชน์อันใดต่อวิญญาณดวงไหน ไม่เลย ในทางตรงข้ามมันจะทำให้ฝุ่นเกาะอย่างหนาแน่นที่หัวใจจนทำให้หูไม่ได้ยินและสายตามองไม่เห็นแสงแห่งสัจธรรมอีกต่อไป
พระอับดุลบาฮา (SWAB 230-231)
มองข้ามข้อบกพร่องของผู้อื่น
จงเงียบเฉยต่อข้อบกพร่องของผู้อื่น สวดมนต์ให้เขา และช่วยเขาแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองด้วยความกรุณา จงมองที่ข้อดีเสมอ อย่ามองที่ข้อเสีย หากคนหนึ่งมีคุณสมบัติที่ดีสิบอย่างและมีคุณสมบัติที่ไม่ดีหนึ่งอย่าง จงมองที่สิบอย่างนั้นและลืมหนึ่งอย่างเสีย หากคนหนึ่งมีคุณสมบัติที่ไม่ดีสิบอย่างและคุณสมบัติที่ดีหนึ่งอย่าง จงมองที่หนึ่งอย่างและลืมอีกสิบอย่าง จงอย่าพูดสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับผู้อื่นแม้ว่าเขาจะเป็นศัตรู
พระอับดุลบาฮา (BNE 83)
เราต้องมองมนุษย์ทุกคนเฉพาะในสิ่งที่ควรสรรเสริญ เมื่อปฏิบัติดังนี้เราจะเป็นเพื่อนกับมนุษยชาติได้ทั้งหมด ถ้าเรามองประชาชนที่ข้อบกพร่องของพวกเขา การเป็นเพื่อนกับพวกเขาจะเป็นงานที่ลำบากอย่างยิ่ง
พระอับดุลบาฮา (SWAB 169)
รับผิดชอบข้อบกพร่องของตนเอง
เพื่อจะบรรลุความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน หนึ่งในสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่พระบาฮาอุลลาห์ย้ำไว้หนักแน่นคือ ให้เราต้านแนวโน้มตามธรรมชาติที่ชอบไปสนใจครุ่นคิดถึงข้อบกพร่องและจุดอ่อนของผู้อื่น แทนที่จะเอาใจใส่ข้อบกพร่องของเราเอง เราแต่ละคนรับผิดชอบชีวิตเดียวเท่านั้นคือชีวิตของเราเอง เราแต่ละคนแสนจะห่างไกลจากความสมบูรณ์อย่างพระบิดาของเรา และการพัฒนาชีวิตและอุปนิสัยใจคอของเราเองให้สมบูรณ์ขึ้น เป็นงานที่ต้องการความเอาใจใส่ความมุ่งมั่นและพลังงานทั้งหมดของเรา หากความสนใจและพลังงานของเราถูกใช้ไปกับการพยายามเฝ้าดูและแก้ไขข้อบกพร่องของผู้อื่น เรากำลังเสียเวลาอันมีค่า เราเป็นเหมือนคนไถนา ซึ่งแต่ละคนมีคันไถของตนที่จะต้องกำกับ และเพื่อที่จะไถร่องดินให้ตรง เราต้องมองดุเป้าหมายและสนใจงานของตนเอง หากเรามองดูข้างนั้นข้างนี้ว่าคนอื่นไถไปได้ดีแค่ไหน และคอยวิพากษ์วิจารณ์การไถของคนอื่น เช่นนั้นแล้วร่องดินของเราเองจะคดแน่นอน
ไม่มีเรื่องใดที่คำสอนบาไฮเน้นมากไปกว่าความจำเป็นที่จะต้องละเว้นจากการนินทาและค้นหาข้อบกพร่องของเราเอง และเอาชนะจุดอ่อนของเราเอง
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LF 5-6)
- การแต่งงานแบบบาไฮ
บาไฮควรแต่งงาน
เจ้าจงรู้ไว้ว่าการแต่งงานคือบัญชานิรันดร์ บัญชานี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือผันแปร ที่คือการสร้างสรรค์ของสวรรค์ และเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อยที่การเปลี่ยนแปลงและความผันแปรใดจะบังเกิดกับการสร้างสรรค์ของสวรรค์
พระอับดุลบาฮา (TAB 474)
ชีวิตสมรสเป็นสถาบันสวรรค์ ซึ่งจุดประสงค์ที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์คือการสืบทอดเชื้อชาติมนุษย์
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PBM 15)
ในกรณีปกติทุกคนควรพิจารณาการแต่งงานว่าเป็นหน้าที่ตามครรลองธรรม นี้คือสิ่งที่พระบาฮาอุลลาห์สนับสนุนบาไฮให้แต่งงาน แต่การแต่งงานมิใช่เป็นเรื่องบังคับ สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะตัดสินใจว่า ต้องการใช้ชีวิตครอบครัวหรืออยู่เป็นโสด
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.739)
นอกเหนือจากชีวิต ไม่มีแรงขับทางเพศใดที่ถูกต้องและมีผลดีต่อสุขภาพ ในด้านหนึ่งเยาวชนบาไฮควรได้รับเสนอบทเรียนเกี่ยวกับการควบคุมตัวเอง ซึ่งเมื่อควบคุมได้จะมีผลดีต่อการพัฒนาอุปนิสัยและบุคลิกภาพโดยทั่วไป และในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาควรได้รับการแนะนำหรือแม้แต่สนับสนุนให้แต่งงานขณะอายุยังน้อย ขณะที่ยังมีร่างกายแข็งขัน ไม่มีข้อสงสัยว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจมักเป็นอุปสรรคต่อการแต่งงานเมื่ออายุน้อย แต่ในหลายรายมักเป็นเพียงข้อแก้ตัวและไม่ควรเน้นมากเกินไป
พระอับดุลบาอา (SWAB 118)
ประการแรกเลือกคนที่ชอบ
ในเรื่องคำถามเกี่ยวกับการแต่งงานภายใต้กฎของพระผู้เป็นเจ้า ประการแรกเจ้าต้องเลือกบุคคลที่ถูกใจ และต่อมาเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความยินยอมของพ่อแม่ ก่อนที่เจ้าตัดสินใจเลือก พ่อแม่ไม่มีสิทธิแทรกแซง
พระอับดุลบาฮา (SWAB 118)
ทำความคุ้นเคยกับอุปนิสัยของกันและกัน
การแต่งงานของบาไฮคือการรับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายที่มีต่อกัน และความผูกพันซึ่งกันและกันของความรู้สึกและหัวใจ อย่างไรก็ตามทั้งคู่ต้องเอาใจใส่อย่างดีที่สุดที่จะทำความคุ้นเคยกับอุปนิสัยของอีกฝ่ายเพื่อสัญญาความผูกพันของเขาทั้งสองจะเป็นพันธะที่คงอยู่ตลอดกาล จุดประสงค์ของทั้งสองต้องเป็นดังนี้: เพื่อเป็นคู่ชีวิตกันชั่วนิรันดร์
การแต่งงานที่แท้จริงของบาไฮศาสนิกชนคือ สามีและภรรยาจะเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งสองจะปรับปรุงศีลธรรมในชีวิตของกันและกัน ?และจะได้รับประโยชน์จากความเป็นอันหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร์ตลอดทั่วทุกภพของพระผู้เป็นเจ้า นี้คือการแต่งงานของบาไฮ?
พระอับดุลบาฮา(SWAB 118)
ความยินยอมจากพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย
ความยินยอมของพ่อแม่ที่ยังมีชีวิตซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับการแต่งงาน เป็นความรับผิดชอบอันสำคัญของพ่อแม่ แน่นอนถ้าพ่อแม่เป็นบาไฮศาสนิกชน เขาทั้งสองต้องปฏิเสธหรือยินยอมด้วยความเที่ยงธรรม พ่อแม่ไม่สามารถเลี่ยงความรับผิดชอบนี้โดยเพียงแต่ยินยอมตามความปรารถนาของลูกหรือถูกครอบงำด้วยอคติ แต่ไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นบาไฮหรือไม่ คำตัดสินของพ่อแม่มีผลผูกมัดไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด ?ลูกต้องยอมรับและเข้าใจว่าการยินยอมนี้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ หัวใจของลูกต้องนับถือผู้ที่ได้ให้ชีวิตเขา ผู้ซึ่งเขาต้องพยายามสร้างความยินดีให้เสมอ?
สภายุติธรรมสากล (LG 1968 no. 742)
ความบริสุทธิ์
ความบริสุทธิ์แสดงนัยถึงความไม่มีมลทินของชีวิตทางเพศทั้งก่อนและหลังแต่งงาน ก่อนแต่งงานต้องเป็นพรหมจารีอย่างแท้จริงหลังแต่งงานต้องซื่อสัตย์โดยสมบูรณ์ต่อคู่ชีวิต ซื่อสัตย์ในพฤติกรรมทางเพศ ซื่อสัตย์ในคำพูดและการกระทำ
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1941 no.708)
สำคัญที่จิตใจ
พระบาฮาอุลลาห์ทรงเร่งเร้าทุกคนให้แต่งงานเพราะเป็นวิถีที่ถูกต้องตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงเน้นด้านจิตใจอย่างยิ่งซึ่งมิได้ขัดกับธรรมชาติ แต่เป็นลักษณะสำคัญที่สุดของชีวิตสมรส การที่บุคคลสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรักและปรองดองเป็นสิ่งสำคัญกว่าการที่ทั้งสองถูกกลืนลงไปในอารมณ์ที่ร้อนแรงต่อกันและกัน อันหนึ่งเป็นโขดหินอันแข้งแกร่งที่พักพิงได้ในยามลำบาก อีกอันหนึ่งเป็นเพียงสิ่งชั่วคราวซึ่งอาจดับสิ้นได้ทุกเวลา
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1941 no.740)
- ศึกษาศาสนาให้ลึกซึ้ง
ความหมาย
การศึกษาให้ลึกซึ้งหมายถึงการอ่านธรรมนิพนธ์ทั้งหลายของพระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮาอย่างถ้วนทั่ว เพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ตามจริง มีหลายคนที่มีความคิดผิวเผินเกี่ยวกับสิ่งที่ศาสนาสอน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้พูดเกี่ยวกับศาสนาปนกับความคิดหลายอย่างเป็นความคิดของตัวเอง ด้วยศาสนาบาไฮยังอยู่ในยุคเริ่มแรก เราต้องระวังอย่างที่สุดเพื่อมิให้เราทำความผิดพลาดเช่นนี้ และก่อให้เกิดความเสียหายกับการเคลื่อนไหวของศาสนาที่เราเคารพบูชายิ่ง ไม่มีขีดจำกัดในการศึกษาศาสนา ?เรายิ่งอ่านธรรมนิพนธ์มากเท่าไร เราจะสามารถพบสัจธรรมมากเท่านั้น และเราจะยิ่งเข้าใจมากขึ้นว่าความคิดเดิมของเราทั้งหลายนั้นผิด
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1926 no. 1171)
ความเชื่อผิดๆ มากมายในอดีต
ในยุคศาสนาทั้งหลายในอดีต ?มีความเชื่อผิดๆ มากมายเกิดขึ้นมาเพราะศาสนิกชนทั้งหลายอยากจะเข้าใจพระธรรมสวรรค์ด้วยมากเกินความเข้าใจที่จำกัดของพวกตน ?พยายามนิยามคำสอนทั้งหลายที่อยู่เหนือความสามารถของพวกตน พยายามอธิบายความลึกลับทั้งหลายซึ่งปรีชาญาณและประสบการณ์ในยุคหลังเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจได้ ?พยายามอ้างเหตุผลสนับสนุนบางสิ่งบางอย่างว่าเป็นความจริงเพราะว่ามันดูเหมือนน่าพอใจและจำเป็น เราต้องระวังหลีกเลี่ยงความผิดเพี้ยนไปจากสัจธรรมที่แท้จริง หลีกเลี่ยงความทะนงในสติปัญญาดังกล่าว
ถึงแม้ความเข้าใจของแต่ละคนสามารถให้ความกระจ่างและเป็นประโยชน์ ?แต่ก็สามารถทำให้เข้าใจผิดได้เช่นกัน ดังนั้นมิตรสหายทั้งหลายต้องเรียนรู้ที่จะรับฟังความเห็นของผู้อื่นโดยไม่เกรงจนเกินควร หรือยอมให้ความเชื่อของตนสั่นคลอน ?และแสดงความคิดเห็นของตนเองโดยไม่ยัดเยียดให้เพื่อนบาไฮศาสนิกชนของตน
สภายุติธรรมสากล (LG 1966 no. 1180)
หัวข้อที่ต้องพยายามศึกษา
นี้คือหัวข้อที่เราต้องใช้ความพยายามศึกษาศาสนาอย่างลึกซึ้ง อะไรคือจุดประสงค์ของพระบาฮาอุลลาห์สำหรับมนุษยชาติ ?เพื่อจุดประสงค์อะไรที่พระองค์ยอมถูกทารุณและหยามเกียรติอย่างน่าใจหาย อะไรที่พระองค์หมายถึง ?เชื้อชาติใหม่ของมนุษย์? อะไรคือการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกที่พระองค์จะก่อให้เกิด คำตอบทั้งหลายพบได้ในพระธรรมนิพนธ์ศักดิ์สิทธิ์ และการตีความของพระอับดุลบาฮาและท่านศาสนภิบาลที่รักยิ่งของเรา ขอให้มิตรสหายทั้งหลายจมตัวลงในมหาสมุทรนี้ ขอให้พวกเขาจัดชั้นเรียนอย่างสม่ำเสมอเพื่อเห็นแก่เรื่องนี้ และเพื่อเป็นการเสริมความพยายามของพวกเขา ?ขอให้พวกเขาใช้มโนธรรมระลึกถึงความจำเป็นที่จะต้องอธิษฐาน และอ่านวจนะของพระผู้เป็นเจ้าทุกวันที่พระบาฮาอุลลาห์บัญชาบาไฮทุกคน
สภายุติธรรมสากล (LG 1967 no. 1183)
ความสำคัญ
หากท่านอ่านวจนะของพระบาฮาอุลลาห์ และพระอับดุลบาฮาด้วยความรอบคอบและปล่อยวางจากตนเองและทำสมาธิตรึกตรองดู ท่านจะค้นพบสัจธรรมที่ท่านไม่รู้ว่าก่อน และจะเข้าถึงปัญหาต่างๆ ที่ทำให้บรรดานักคิดที่ยิ่งใหญ่ของโลกจนปัญญา
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LF 4)
พวกท่านซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนบาไฮมีทั้งสิทธิพิเศษและหน้าที่อันยิ่งใหญ่อยู่ข้างหน้า เพราะรุ่นของพวกคุณจะเป็นรุ่นที่ช่วยสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่าและสวยงามกว่าหลังจากปีแห่งสงครามอันมืดมนนี้ผ่านพ้นไป พวกท่านควรเตรียมพร้อมสำหรับงานอันยิ่งใหญ่นี้โดยการพยายามเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำสอน มิใช่เพียงยอมรับเพราะคุณได้รับการสอน คำสอนเหล่านี้เป็นประดุจโลกใหม่ทางความคิดอันวิเศษที่พึ่งเริ่มมีการสำรวจ และเมื่อเราตระหนักว่าพระบาฮาอุลลาห์ได้นำคำสอนและกฎต่างๆ มา สำหรับ 1,000 ปีข้างหน้า เราสามารถเห็นได้ว่า บาไฮรุ่นใหม่แต่ละรุ่นจะพบความหมายในธรรมนิพนธ์ลึกซึ้งกว้างขวางกว่าบาไฮรุ่นก่อน
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (BE 74)
ศาสนาต้องการนักวิชาการบาไฮมากกว่านี้ ต้องการบาไฮที่ไม่เพียงแต่มีความเชื่อ อุทิศตน และอยากบอกผู้อื่นเกี่ยวกับศาสนาเท่านั้น แต่ยังเข้าใจความหมายของคำสอนอย่างลึกซึ้ง และสามารถนำความเชื่อของศาสนามาสัมพันธ์กับความคิดและปัญหาต่างๆ ของประชาชนในโลกปัจจุบัน
ศาสนามียารักษาความเจ็บป่วยทั้งปวงของโลก เหตุผลที่ประชาชนอีกมากไม่ยอมรับศาสนา เพราะบาไฮไม่พร้อมเสมอไปที่จะนำเสนอศาสนาในลักษณะที่ตอบข้อสงสัยของพวกเข้าได้ในขณะนั้น
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (DP 35-6)
- การสอนศาสนา
ความจำเป็นต้องสอน
เรายิ่งสังเกตดูสภาพการณ์ของโลกและปัญหาที่น่ากลัวต่างๆ ที่มนุษยชาติเผชิญอยู่ เราจะยิ่งตระหนักว่ามีเพียงวิธีรักษาเดียวคือ พระธรรมที่พระบาฮาอุลลาห์นำมา และกระนั้นอนิจจา มวลชนทั้งหลายดูเหมือนจะยังไม่ตระหนักว่า ทางออกสำหรับปัญหาทั้งหลายคือทางของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ซึ่งประทานมาให้โดยสิ่งที่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ อย่างไรก็ตามหลายคนกำลังคิดและแสวงหาอย่างจริงจัง และบาไฮต้องพยายามนำความรู้ของศาสนาไปสู้ทุกคน เพื่อว่าผู้ที่พร้อมจะรับจะไม่ถูกพรากจากพระธรรมสวรรค์
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no. 1277)
เป็นหน้าที่ของเราที่จะไถ่เพื่อนมนุษย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้คือเพื่อนมนุษย์ที่ตาสว่าง ก่อนที่ความหายนะจะมาถึงพวกเขา ซึ่งพวกเขาจะถูกกลืนลงไปด้วยความสิ้นหวัง หรือไม่ก็ถูกขัดเกลาให้ลุกขึ้นมาอย่างเข้มแข็งและพร้อมที่จะรับใช้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ยิ่งมีบาไฮมากเท่าไรยืนหยัดประดุจเป็นดวงประทีปในความมืด ก็ยิ่งดี ดังนั้นงานสอนจึงสำคัญที่สุดในเวลานี้
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no. 283)
โลกอยู่ในความยุ่งเหยิงอย่างใหญ่หลวง และปัญหาทั้งหลายดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุนี้เราไม่ควรเฉื่อยชา มิฉะนั้นเราจะล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ พระบาฮาอุลลาห์มิได้ให้คำสอนเพื่อให้เราถนอมและซ่อนไว้สำหรับความปีติยินดีส่วนตัว พระองค์ให้คำสอนเพื่อให้เราผ่านจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง จนกว่าทั้งโลกจะคุ้นเคย จะได้รับพระพรและอิทธิพลจากคำสอนเหล่านี้
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1933 no. 1249)
คุณสมบัติของผู้สอน
แท้จริงแล้วคุณสมบัติสำคัญที่สุดของครูบาไฮคือ ความจงรักภักดีและความผูกพันต่อศาสนาอย่างไม่มีเงื่อนไข แน่นอนความรู้เป็นสิ่งสำคัญ แต่เมื่อเทียบกับความอุทิศตนแล้ว ความรู้สำคัญเป็นรอง
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1935 no. 1282)
การสอนศาสนามิได้ขึ้นอยู่กับอาชีพของเราหรือว่าเรามีวิชาความรู้มากเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราได้ศึกษาคำสอนมากแค่ไหน เราดำเนินชีวิตแบบบาไฮในระดับไหน และเรามีความปรารถนามากแค่ไหนที่แบ่งปันพระธรรมกับคนอื่นๆ เมื่อเรามีคุณลักษณะเหล่านี้ เราจะพบบุคคลที่มีจิตใจเปิดรับแน่นอนถ้าเราค้นหา
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1957 no. 1262)
ครูสอนศาสนาที่ดีที่สุดและบาไฮศาสนิกชนที่เป็นแบบอย่างที่ดีก็คือ บาไฮธรรมดาคนหนึ่งที่อุทิศตนต่องานของศาสนา ศึกษาเพิ่มความรู้และความเข้าใจในคำสอน มั่นใจในพระบาฮาอุลลาห์และลุกขึ้นรับใช้พระองค์สุดความสามารถ
ท่านโชกิ ?เอฟเฟนดิ (LG 1957 no. 1284)
วิธีการสอน
บรรดาผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ควรไตร่ตรองทำสมาธิในใจเกี่ยวกับวิธีการสอนต่างๆ พวกเขาควรจดจำวลีและวรรคตอนของพระธรรมที่เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในคัมภีร์สวรรค์ เพื่อว่าในระหว่างที่พูด พวกเขาจะได้เอ่ยออกมาเมื่อโอกาสมาถึง เนื่องด้วยวจนะศักดิ์เหล่านี้เป็นโอสถที่ชะงัดที่สุด เป็นยันต์ที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจที่สุด อิทธิพลของวจนะมีอำนาจมากอย่างที่ผู้ฟังมิอาจจะลังเลได้
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 200)
หากบุคคลดังกล่าวโน้มน้าวใครได้สำเร็จ ไม่ควรคิดว่าความสำเร็จนั้นมาจากเขา แต่มาจากอิทธิพลของวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ตามที่ประกาศิตโดยพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นตะเกียงที่ส่องแสงออกมา และถึงกระนั้นก็เผาผลาญอยู่ในตัวเองตลอดเวลา
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 227)
เป็นหน้าที่ของประชาชนของพระผู้เป็นเจ้าที่จะอดกลั้น พวกเขาควรถ่ายทอดพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าตามความสามารถและความเข้าใจของผู้ฟังแต่ละคน เพื่อว่าบุตรหลานของมนุษย์จะถูกปลุกขึ้นมาจากความลืมสติ และหันหน้ามาหาขอบฟ้าสวรรค์นี้ที่แสนประเสริฐกว่าทุกขอบฟ้า
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 237)
จงระวัง อย่างโต้เถียงกับผู้ใด ไม่เพียงเท่านั้น จงพยายามทำให้เขาตระหนักในสัจธรรมด้วยกริยาที่น่าดูและด้วยคำแนะนำที่มีน้ำหนัก หากผู้ฟังตอบสนอง เขาจะตอบสนองด้วยตัวเขาเอง และถ้าไม่ จงไปจากเขาเสีย และหันมายังราชสำนักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ตำหนักแห่งความรุ่งโรจน์อำไพ
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 279)
จงแสดงความอดกลั้น เมตตาจิตและความรักซึ่งกันและกัน หากใครคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าไม่สามารถเข้าใจสัจธรรมใดหรือกำลังพยายามทำความเข้าใจ เมื่อเจ้าสนทนากับเขา จงแสดงดวงจิตแห่งความเมตตาและไมตรีจิต จงช่วยให้เขาเห็นและยอมรับสัจธรรมโดยไม่ถือว่าตัวเจ้าเหนือกว่าเขาแม้เพียงน้อยนิด หรือมีพรสวรรค์มากกว่าเขา
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 8)
ใครที่ลุกขึ้นสอนศาสนาของเราจำเป็นต้องตัดความผูกพันจากสรรพสิ่งทางโลก และตลอดเวลาต้องถือว่าชัยชนะของศาสนาของเราคือวัตถุประสงค์สูงสุด แท้จริงแล้วนี่คือสิ่งที่ประกาศิตไว้ในธรรมจารึกที่อยู่ภายใต้อารักขาสวรรค์ และเมื่อเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะออกจากบ้านเพื่อเห็นแก่ศาสนาของพระผู้เป็นนาย ขอให้เขามั่นใจในพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นการเตรียมตัวเดินทางอย่างดีที่สุด และสวมเสื้อคลุมแห่งคุณธรรม นี้คือสิ่งที่ประกาศิตไว้โดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้เป็นที่สรรเสริญ
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 334-5)
จงพัดไปประดุจสายลมขณะเผยแพร่พระธรรมของพระผู้ทรงบันดาลให้อรุโณทัยแห่งการนำทางสวรรค์รุ่งขึ้นมา จงพิจารณาดูว่าสายลมซึ่งซื่อสัตย์ต่อบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ได้พัดไปทั่วทุกดินแดนบนพิภพอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นดินแดนที่มีคนอาศัยหรือดินแดนรกร้าง ไม่ว่าภาพของความรกร้างหรือหลักฐานของความเจริญรุ่งเรืองก็ไม่สามารถทำให้สายลมเจ็บปวดหรือยินดี สายลมนั้นพัดไปทุกสารทิศตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชา
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 339)
การสอนศาสนาของพระผู้เป็นเจ้ามิใช่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่อาศัยการกระทำ นิสัยที่ดีงาม ความสุขสดชื่น ความกรุณาและเห็นใจ มิตรภาพ ความไว้วางใจได้ ความบริสุทธิ์ คุณธรรม อุดมคติอันวิสุทธิ์ และสุดท้ายคือวาจา
พระอับอุลบาฮา (LG 1983 no. 1280)
ท่านศาสนภิบาลที่รักยิ่งได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่า การที่จะสอนศาสนาให้มีประสิทธิภาพ บุคคลนั้นต้องศึกษาพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าให้ลึกซึ้ง จากนั้นเขาควรทำสมาธิไตร่ตรองความหมายของพระวจนะ และหยั่งลึกลงไปในธรรมะ อธิษฐานเพื่อการนำทางและความช่วยเหลือ แต่ที่สำคัญที่สุดหลักจากการอธิษฐานคือการปฏิบัติ หลังจากที่ผู้นั้นอธิษฐานและทำสมาธิ เขาต้องลุกขึ้นสอนศาสนาโดยวางใจในการนำทางและอำนาจของพระบาฮาอุลลาห์ ความพากเพียรเป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกับที่ความสุขุมรอบคอบและกล้าพูดกล้าทำจำเป็นสำหรับการสอนให้มีประสิทธิภาพ ผู้นั้นต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นี้ แล้วจะได้ชัยชนะ
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no. 1257)
ไม่ผิดหวังเมื่อผู้ฟังไม่ตอบสนอง
จงแสดงสิ่งที่เจ้ามีอยู่ หากเป็นที่ยินดี จุดมุ่งหมายของเจ้าก็สัมฤทธิผล หากไม่ การโต้เถียงเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ จงปล่อยวิญญาณดวงนั้นไว้กับตัวเขาเอง แล้วหันมาสู่พระผู้เป็นนาย พระผู้ทรงคุ้มครอง พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 129)
ความพร้อมนั้นจำเป็นสำหรับการเป็นผู้รับพระพรจากสวรรค์ ดวงวิญญาณที่เตรียมพร้อมเป็นเหมือนเทียนที่เข้ามาสัมผัสกับไฟ… ดังนั้นวิญญาณที่เตรียมพร้อม เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากสวรรค์ จะตอบสนองว่า เราอยู่นี่ พวกเขาหันไปหาอาณาจักรอับฮา ไต่สวนความจริงเกี่ยวกับปัญหาธรรม และลุกขึ้นแพร่กระจายสุคนธรสของพระผู้เป็นเจ้า… แต่สำหรับวิญญาณที่ไม่พร้อมจะไม่เกิดผลอะไร
พระอับอุลบาฮา (LG 1983 no. 1288)
- การบริจาคให้ศาสนา
บาไฮทุกคนควรบริจาค
การบริจาคให้แก่กองทุนเป็นการรับใช้ที่บาไฮสามารถให้ได้ ไม่ว่าเขาจะยากจนหรือมั่งคั่ง เพราะนี่คือความรับผิดชอบทางจิตใจซึ่งจำนวนที่ให้มิใช่สิ่งสำคัญ ระดับความเสียสละของผู้ให้ ความรักที่ทำให้เขาบริจาค และความสามัคคีที่ทุกคนร่วมกันบริจาค คือสิ่งดึงดูดอำนาจทางธรรม
สภายุติธรรม (LG 1963 no. 539)
การบริจาคด้วยสิ่งของ
หลายดินแดนในทวีปแอฟริกาซึ่งความยากจนของบาไฮศาสนิกชนอาจคล้ายกับบางแห่งในประเทศของท่าน ??ธรรมสภาได้จัดให้มีการชุมนุมซึ่งบาไฮศาสนิกชนจะนำสิ่งของมาบริจาคเช่นไข่ ผลไม้ ผัก เครื่องบริโภคหรือหัตถกรรมท้องถิ่น ?สิ่งเหล่านี้จะขายให้แก่เพื่อนบาไฮศาสนิกชนในราคาที่เหมาะสมเพื่อนำเงินเข้ากองทุน มิตรสหายต้องเข้าใจว่าถึงแม้ไม่มีธรรมสภาหรือบาไฮคนไหนจะบังคับให้เพื่อนๆ ?บริจาค การบริจาคดังกล่าวได้รับการพิจารณาในคำสอนของเราว่า เป็นหน้าที่ทางจิตใจและการเสียสละซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการพัฒนาจิตใจของบาไฮแต่ละคน
สภายุติธรรมสากล (LG 1966 no. 562)
บาไฮเท่านั้นที่ได้รับพรนี้
บาไฮส่วนใหญ่ในโลกเป็นผู้ยากจน ?แต่เฉพาะบาไฮเท่านั้นที่พระบาฮาอุลลาห์ประทานพรของการบริจาควัตถุเพื่อความก้าวหน้าของศาสนาของพระองค์ ?มิใช่จำนวนของการบริจาคที่เป็นสิ่งสำคัญ แต่อยู่ที่ระดับความเสียสละที่ดึงดูดอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า
สภายุติธรรมสากล (LG 1975 no. 561)
เมื่อวิญญาณดวงหนึ่งยอมรับพระบาฮาอุลลาห์ว่าเป้นบรมศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคนี้ และมีสัญญาต่อพระปฏิญญาสวรรค์ วิญญาณนั้นควรดำเนินชีวิตของตนให้สอดคล้องกับเจตนาสวรรค์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เขากลายเป็นผู้ร่วมงานในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า และได้รับพรโดยได้รับอนุญาตให้อุทิศวัตถุที่เขาครอบครองไม่ว่าจะน้อยเพียงไรเพื่องานของศาสนา
สภายุติธรรมสากล (LG 1988 no. 845)
ไม่ว่าในสภาพแวดล้อมใด บาไฮไม่ควรรับความช่วยเหลือด้ายการเงินจากผู้ที่ไม่ใช่บาไฮไว้ใช้จ่ายในกิจกรรมของศาสนา เช่นกองทุนสร้างโบสถ์ กองทุนบริหารท้องถิ่นหรือระดับชาติ เหตุผลมีสองประการคือ หนึ่ง สถาบันที่บาไฮกำลังก่อสร้างคือของขวัญจากพระบาฮาอุลลาห์สำหรับโลกนี้ สอง การยอมรับเงินทุนจากผู้ที่ไม่ใช่บาไฮมาใช้ในงานของบาไฮ ในไม่ช้าก็เร็วจะทำให้บาไฮมีเรื่องยุ่งยากที่คาดไม่ถึงกับคนอื่น และจะเป็นภัยสุดคณานับต่อศาสนา
สภายุติธรรมสากล (LG 1988 no. 854)
- ร่วมงานฉลองบุญสิบเก้าวัน
จุดประสงค์
เจ้าได้รับบัญชาให้ต้อนรับขับสู้เดือนละครั้ง ?แม้ว่าจะเสิร์ฟแค่เพียงน้ำเปล่าก็ตาม เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นเจ้าประสงค์จะเชื่อมหัวใจของพวกเจ้าเข้าด้วยกัน ??แม้จะต้องใช้วิธีการทางโลกและสวรรค์ร่วมกัน
พระบาฮาอุลลาห์ (NDF no.1)
งานฉลองบุญประกอบด้วยสามภาค
เป็นที่รู้กันว่างานฉลองบุญมีสามภาคที่ต่างกันแต่สัมพันธ์กันคือ ?ภาคธรรมะ ภาคบริหาร และภาคสังสรรค์ ภาคแรกเป็นการสวดบทอธิษฐานและอ่านธรรมะ ภาคที่สองเป็นการประชุมซึ่งธรรมสภาท้องถิ่นจะรายงานกิจกรรม แผนงาน และปัญหาของตนให้ชุมชนทราบ แบ่งปันข่าวสารจากศูนย์กลางแห่งโลกและธรรมสภาแห่งชาติ รับความคิดเห็นและคำแนะนำจากมิตรสหายโดยการปรึกษาหารือ ภาคที่สามเป็นการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม และเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆที่ทำนุบำรุงมิตรภาพตามแต่วัฒนธรรมหลากหลาย ซึ่งต้องไม่ละเมิดหลักธรรมของศาสนาและระเบียบของงานฉลองบุญ
สภายุติธรรมสากล (27 August 1989)
การปฏิบัติตนในงานฉลองบุญ
เมื่อเจ้าไปงานฉลองบุญ ?ก่อนจะเข้าไป จงปล่อยวางจากทุกสิ่งที่คั่งค้างในหัวใจ ให้ความคิดและจิตใจของเจ้าเป็นอิสระจากทุกสิ่งนอกจากพระผู้เป็นเจ้า และพูดกับหัวใจของเจ้า เพื่อว่าทุกคนจะทำให้งานนี้เป็นการชุมนุมแห่งความรัก เป็นสาเหตุแห่งการเรืองรอง เป็นการชุมนุมที่ดึงดูดหัวใจ ห้อมล้อมด้วยประทีปของหมู่เทวัญ เพื่อว่าเจ้าจะชุมนุมอยู่ด้วยกันด้วยความรักอย่าสุดซึ้ง
พระอับดุลบาฮา (NDF no.17)
พวกเจ้าแต่ละคนต้องคิดถึงว่า ?จะทำให้ผู้อื่นในที่ชุมนุมมีความสุขและยินดีได้อย่างไร ?และแต่ละคนต้องถือว่าทุกคนที่นั่นดีกว่าและสำคัญกว่าตน รู้ว่าพวกเขามีฐานะสูง ?และเจ้าเองมีฐานะต่ำต้อย หากเจ้าดำเนินชีวิตและปฏิบัติตามคำสั่งนี้ จงรู้ไว้แน่นอนว่า งานฉลองบุญนั้นเป็นอาหารทิพย์ มื้อนั้นคืออาหารค่ำของพระผู้เป็นนาย เราคือคนรับใช้ของการชุมนุมนั้น
พระอับดุลบาฮา (NDF no.17)
- พัฒนาระบบบริหารบาไฮ
สิ่งที่ขาดไม่ได้
ระบบบริหารคือระบบสังคมของพระบาฮาอุลลาห์ ?ถ้าปราศจากระบบบริหาร หลักธรรมทั้งหมดของศาสนาจะไม่บังเกิดผล
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.5)
การแยกหลักการของการบริหารของศาสนาออกจากคำสอนด้านศีลธรรมและมนุษยธรรม เท่ากับเป็นการทำลายแกนร่างของศาสนา เป็นการแยกที่จะก่อให้เกิดการแตกสลายขององค์ประกอบและการดับสิ้นของศาสนา
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 5)
พระวิญญาณที่พระบาฮาอุลลาห์หายใจมาบนโลก…จะไม่สามารถซึมซาบและโน้มน้าวมนุษยชาติได้ยั่งยืนจนกว่าจะก่อร่างขึ้นมาเป็นระบบซึ่งจะแสดงพระนามของพระองค์ ประสานเข้ากับหลักธรรมของพระองค์และปฏิบัติการตรงตามกฎทั้งหลายของพระองค์
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 19)
สิ่งใหม่ที่บาไฮต้องเรียนรู้
มิตรสหายทั้งหลายต้องไม่เข้าใจผิดว่า ?ระบบบริหารบาไฮเป็นสิ่งที่สิ้นสุดในตัวเอง ?ระบบบริหารเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับปลดปล่อยพลังของศาสนา ?ศาสนาบาไฮเป็นศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดเผยให้แก่มนุษยชาติทั้งปวง ?ออกแบบไว้ให้เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ และหนทางเดียวที่จะทำได้คือการปฏิรูปชีวิตชุมชนของมนุษย์และฟื้นฟูชีวิตของแต่ละบุคคล ?ระบบบริหารบาไฮเป็นเพียงเริ่มต้นของการจัดแบบแผนใหม่ของชีวิตสังคมและกฎการดำเนินชีวิตชุมชนในอนาคต ตราบจนบัดนี้บาไฮเพียงกำลังเริ่มต้นเข้าใจและปฏิบัติตามให้เหมาะสม ?ดังนั้น ต้องมีความอดทนถ้าบางครั้งการทำงานดูเหมือนเข้มงวดและประหม่าเล็กน้อย เป็นเพราะว่าเรากำลังเรียนรู้สิ่งที่ยากมากแต่น่าพิศวงยิ่ง คือการอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นชุมชนบาไฮตามคำสอนอันรุ่งโรจน์
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.204)
เราต้องตระหนักในความไม่สมบูรณ์ของเรา ?และไม่มีหัวเสียเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้น ?เช่นในการประชุม ในธรรมสภา หรือในคณะกรรมการ ฯลฯ เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงผิวเผินและจะดีขึ้นได้ไม่ช้าก็เร็ว
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 20)
สนับสนุนธรรมสภาท้องถิ่น
สถาบันที่บัญญัติโดยพระผู้เป็นเจ้าคือธรรมสภาท้องถิ่น ?ปฏิบัติการในระดับพื้นฐานของสังคมมนุษย์ และเป็นหน่วยบริหารพื้นฐานของระบบบริหารแห่งโลกของพระบาฮาอุลลาห์ ?ซึ่งเกี่ยวพันกับบุคคลและครอบครัวที่ธรรมสภานั้นต้องให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พวกเขาสามัคคีกันในสังคมบาไฮที่ไม่มีใครเหมือน ?ซึ่งได้รับชีวิตและการปกป้องโดยกฎ บัญญัติ และหลักธรรมของศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ ธรรมสภาท้องถิ่นคุ้มครองศาสนาของพระองค์ ปฏิบัติงานประหนึ่งเป็นผู้เลี้ยงแกะที่รักใคร่ฝูงแกะบาไฮ
บาไฮได้รับการเรียกร้องให้สนับสนุนและร่วมมืออย่างสุดหัวใจกับธรรมสภาท้องถิ่น ?ประการแรกโดยการออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกธรรมสภาและต่อมาโดยการติดตามแผนงานและโครงการต่างๆ ?ของธรรมสภาอย่างแข็งขัน โดยการหันมาหาธรรมสภาในยามลำบากโดยการสวดมนต์ให้ธรรมสภาประสบความสำเร็จ ?และยินดีเมื่อธรรมสภารุ่งเรืองด้วยเกียรติ สิ่งมีค่าและของขวัญอันยิ่งใหญ่จากพระผู้เป็นเจ้านี้ในแต่ละชุมชน ?ต้องได้รับการถนอม บำรุงเลี้ยง ช่วยเหลือ เชื่อฟัง และสวดมนต์ให้
สภายุติธรรมสากล (COC no.1342)
ความหวังเดียวของโลก
การดำเนินงานบาไฮด้วยใจจดจ่อและมีประสิทธิภาพ ?มิใช่เป็นเพียงหน้าที่สำคัญที่สุดของบาไฮเท่านั้น ?แต่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่บาไฮสามารถส่งเสริมประโยชน์ของมนุษยชาติ และเร่งไปสู่วันที่อย่างน้อยสันติภาพรองจะบังเกิดขึ้น ?เราต้องระลึกไว้เสมอว่าระบบของพระบาฮาอุลลาห์คือยารักษาโรค และมาตรการอื่นทั้งหมด…ที่องค์การสหประชาชาติหรือรัฐบาลต่างๆ ริเริ่ม ?ไม่ว่าจะมีน้ำหนักหรือก้าวหน้าเพียงไร ก็เป็นเพียงยาบรรเทาอาการ เราต้องเอาใจใส่ต่อการพัฒนาอุปนิสัยใจคอของเราในฐานะที่เป็นบาไฮ พัฒนาระบบแห่งโลกของเราที่ยังเป็นตัวอ่อนและยังไม่เป็นที่เข้าใจดีแพร่กระจายพระธรรมตามข้อกำหนดที่อยู่ธรรมจารึกแห่งแผนงานสวรรค์ ?และก่อสร้างชุมชนบาไฮที่ประสานกันอย่างแน่นแฟ้นทั่วโลก
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.284)
ความรุ่งโรจน์ของอธิปไตยสวรรค์ตามพันธสัญญาตามที่คำสอนบาไฮได้คาดการณ์ไว้นั้น ?จะเปิดเผยออกมาก็ต่อเมื่อครบกำหนดเวลา ความหมายต่างๆ ในคัมภีร์อัคดัสและพระประสงค์ของพระอับดุลบาฮา ?ซึ่งเป็นคลังเก็บขององค์ประกอบอธิปไตยนี้ กว้างไกลเกินกว่ารุ่นนี้จะเข้าใจและเห็นคุณค่าได้เต็มที่ เราไม่สามารถละเว้นจาการวิงวอนบรรดาผู้ที่เข้าร่วมกับศาสนาบาไฮ ?ขออย่าเอาใจใส่ความคิดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและความนิยมทั้งหลายที่อยู่เพียงชั่วแล่น และจงตระหนักอย่างไม่เคยมีมาก่อนว่า ทฤษฎีที่ผิดพลาดและสถาบันที่โอนเอนทั้งหลายของอารยธรรมในปัจจุบัน จำเป็นต้องแตกต่างอย่างชัดเจนกับสถาบันทั้งหลายที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมา ?ซึ่งถูกกำหนดให้ปรากฏขึ้นมาบนความพังทลายของสถาบันโอนเอนเหล่านั้น
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 16)
- ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเชื่อฟังรัฐบาล
เชื่อฟังรัฐบาล
ในทุกประเทศที่ประชาชนเหล่านี้อาศัยอยู่ ?พวกเขาต้องประพฤติต่อรัฐบาลของประเทศนั้นด้วยความจงรักภักดี สุจริตและวาจาสัตย์
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 22-23)
หลักการสำคัญที่เราต้องปฏิบัติตาม…คือเชื่อฟังรัฐบาลที่ครองอำนาจในดินแดนที่เราอาศัยอยู่…ดังนั้นเราเห็นได้ว่าเราต้องทำสองสิ่ง ?คือหลีกหนีการเมืองเหมือนหนีกาฬโรคและเชื่อฟังรัฐบาล…สิ่งที่เราชาวบาไฮต้องเผชิญอยู่คือความจริงที่ว่า สังคมกำลังแตกสลายอย่างรวดเร็ว ?ประเด็นทางศีลธรรมที่เคยชัดเจนเมื่อครั้งศตวรรษที่แล้ว มาบัดนี้สับสนอย่างสิ้นหวัง และยิ่งกว่านั้นยังสับสนปนกับการต่อสู้หาผลประโยชน์ทางการเมือง ?นั่นเองที่ทำให้บาไฮต้องใช้พลังทั้งหมดไปกับการก่อสร้างศาสนาบาไฮและระบบบริหาร บาไฮไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือช่วยเหลือโลกในปัจจุบันได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด ?ถ้าบาไฮเข้าไปเกี่ยวพันกับประเด็นทั้งหลายที่รัฐบาลในโลกกำลังต่อสู้กัน พวกเขาจะสูญเสีย แต่ถ้าพวกเขาก่อสร้างแบบแผนของบาไฮ พวกเขาจะสามารถเสนอแบบแผนนั้นเป็นวิธีการรักษาเมื่อคนอื่นทั้งหมดล้มเหลว
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.865)
ในฐานะบาไฮ ?เราไม่ใช่ผู้ที่จะตัดสินรัฐบาลของเราว่าเป็นที่ยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม ?เพราะบาไฮแต่ละคนจะมีแง่คิดต่างกันแน่นอนและภายในหมู่บาไฮของเราเองจะเกิดการพิพาทที่ทำลายความสามัคคีของเรา ?เราต้องสร้างระบบของบาไฮและปล่อยให้ระบบที่บกพร่องทั้งหลายของโลกไปตามหนทางของมัน เราไม่สามารถเปลี่ยนระบบนี้ได้โดยการเข้าไปพัวพันกับมัน ?ในทางตรงกันข้ามมันจะทำลายเรา
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.874)
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ถ้ามีสิทธิ์เลือกตั้ง ?มิตรสหายลงคะแนนได้โดยไม่แสดงตัวเข้ากับพรรคใด ?แน่นอนการเข้าไปสู่สมรภูมิของพรรคการเมืองเป็นภัยต่อประโยชน์สูงสุดของศาสนา ?และจะทำให้ศาสนาเสียหาย แต่ละคนควรใช้สิทธิออกเสียงโดยปลีกตัวจากพรรคการเมือง ?และควรระลึกไว้เสมอว่าพวกเขากำลังลงคะแนนที่คุณความดีของคน
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PBA 29-30)
พวกเขาควรระวังอย่างยิ่งในการพูดต่อสาธารณชนโดยไม่กล่าวถึงบุคคลในวงการเมือง ?ไม่ว่าจะเป็นการพูดเข้าข้างหรือประณามบุคคลเหล่านั้น นี้คือสิ่งแรกที่ต้องจำไว้ ?มิฉะนั้นพวกเขาจะเอามิตรสหายเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องของการเมือง ซึ่งจะเป็นภัยอย่างไม่จบสิ้นต่อศาสนา
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PBA 32)
เรารู้ว่าการปฏิบัติงานของโลกวัตถุเป็นเพียงการสะท้อนของภาวะทางจิตใจ ?และจนกว่าภาวะทางจิตใจจะเปลี่ยนแปลง จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ยั่งยืนในกิจการทางวัตถุ
เราควรระลึกไว้ด้วยว่า ??ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความคิดอันชัดเจนเกี่ยวกับลักษณะของโลกที่พวกเขาต้องการสร้างและจะสร้างอย่างไร ?ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้ที่ห่วงใยอยากจะปรับปรุงสภาพทั้งหลายจึงลดตัวลงมาต่อสู้กับความชั่วร้ายทุกอย่างที่มาสู่ความสนใจ ?ดังนั้นความเต็มใจที่จะต่อสู้กับความชั่วร้ายไม่ว่าในรูปของสภาพการณ์หรือบุคคลชั่วร้าย ได้กลายเป็นเกณฑ์ของประชาชนส่วนใหญ่สำหรับพิจารณาคุณค่าของบุคคล ?ในทางตรงข้ามบาไฮทราบเป้าหมายที่ตนกำลังปฏิบัติงาน และทราบว่าต้องทำอะไรทีละขั้นตอนเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย พลังงานทั้งหมดของบาไฮจึงมุ่งสู่การสร้างคุณความดี ?เป็นคุณความดีที่มีพลังบวกที่จะทำให้ความชั่วร้ายนานัปการที่เป็นผลลบเลือนหายไปและไม่เหลืออยู่อีกต่อไป สำหรับบาไฮแล้ว การเข้าไปสู่การต่อสู้เพื่อจะทำลายความชั่วร้ายในโลกทีละอย่างเป็นอุดมคติที่เสียเวลาและใช้พลังงานอย่างไร้ประโยชน์ ?ชีวิตทั้งหมดของบาไฮมุ่งสู่การประกาศพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์ มุ่งสู่การฟื้นฟูธรรมะชีวิตเพื่อนมนุษย์ เพื่อประสานสามัคคีเพื่อนมนุษย์ในระบบแห่งโลกที่กำเนิดจากสวรรค์ และเมื่อพลังและอิทธิพลของระบบนี้เติบโตขึ้น เขาจะเห็นอานุภาพของพระธรรมนี้เปลี่ยนสภาพสังคมมนุษย์ทั้งหมด ?แก้ปัญหาทั้งหลายอย่างคืบหน้า และขจัดความอยุติธรรมทั้งหลายที่รังควานโลกมาเป็นเวลานาน
สภายุติธรรมสากล (LG 1983 no.871)
หนทางที่จะรับใช้ประเทศและโลก
เราบาไฮเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก ?เรากำลังก่อสร้างระบบแห่งโลกใหม่ซึ่งมีจุดกำเนิดจากสวรรค์ ?เราจะสร้างระบบใหม่นี้ได้อย่างไร หากบาไฮทุกคนเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองต่างๆ ?ซึ่งบางพรรคขัดแย้งกันโดยสมบูรณ์ ความสามัคคีของเราจะอยู่ที่ไหน เราจะแบ่งแยกกันเองเพราะพรรคการเมืองซึ่งขัดกับจุดประสงค์ของเรา…หนทางที่ดีสุดสำหรับบาไฮที่จะได้รับใช้ประเทศและโลกคือ ?การทำงานเพื่อสถาปนาระบบแห่งโลกของพระบาฮาอุลลาห์ ซึ่งจะประสานมนุษย์ทั้งหมดทีละน้อย และจะเลิกล้มระบบการเมืองและความเชื่อทางศาสนาที่ก่อความแตกแยก
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PBA 31)
ศาสนาบาไฮมิได้ขัดกับประโยชน์ที่แท้จริงของชาติใดหรือต้านกับพรรคหรือกลุ่มใด ?ศาสนาบาไฮออกห่างจากการโต้เถียงทั้งหมดและอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้น และบัญชาสาวกทุกคนให้จงรักภักดีต่อรัฐบาลและรักชาติอย่างมีสติ ?บาไฮแสดงความรักชาติโดยส่งเสริมความผาสุกของประเทศในกิจกรรมประจำวันของพวกเขาหรือทำงานผ่านการบริหารของรัฐบาลแทนที่จะผ่านทางพรรคการเมือง
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.871)
- ละเว้นจากสุราและเครื่องดื่มมึนเมา
ไม่ดื่มและไม่บริการสุรา
เป็นข้อห้ามไม่ให้คนฉลาดดื่มสิ่งที่จะบั่นทอนความฉลาดของเขา ?เป็นหน้าที่ของเขาที่จะทำสิ่งที่คู่ควรกับมนุษย์ มิใช่กระทำเยี่ยงผู้ที่สงสัยละไร้สติ
พระบาฮาอุลลาห์ (PID)
ตามพระธรรมในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ?การดื่มสุราเป็นสิ่งต้องห้ามเพราะสุราเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ ?บั่นทอนประสาทและเผาผลาญสติปัญญา
พระอับดุลบาฮา (PID)
ไม่ว่าสภาพแวดล้อมใด ?บาไฮไม่ควรดื่มสุรา เป็นข้อห้ามที่ชัดเจนในธรรมจารึกของพระบาฮาอุลลาห์ว่าไม่มีข้ออ้างใดสำหรับบาไฮที่จะแตะต้องสุราแม้ในรูปของการดื่มอวยพรหรือเผาบนขนมพุดดิ้ง ?ที่จริงแล้วห้ามทุกรูปแบบ
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PID)
ไม่ควรเสิร์ฟแอลกอฮอล์ในการรับรองใดๆ ?ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่สาธารณะ ซึ่งคุณเป็นเจ้าภาพ..เราเชื่อว่าคุณไม่ควรใช้คำว่า ?การเลี้ยงค๊อกเทล? ?การใช้ชื่อ ? การเลี้ยงน้ำชา? หรือ ?การเลี้ยงรับรอง? น่าจะดีกว่า
สภายุติธรรมสากล (PID)
กฎของคัมภีร์อัคดัสเกี่ยวกับการห้ามเครื่องดื่มมึนเมากับบาไฮทุกคน ?อย่างไรก็ตามท่านศาสนภิบาลคิดว่า สำหรับบาไฮที่พึ่งเข้ามาในศาสนาควรมีการผ่อนผัน ?แต่เมื่อบุคคลหนึ่งเป็นบาไฮมาระยะหนึ่งความสัมพันธ์กับศาสนาและพลังของคำสอนที่เขาพยายามศึกษาและปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ?จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแปลงอุปนิสัยใจคอและเขาจะหยุดดื่มสุรา อย่างไรก็ตาม บาไฮที่เก่าแก่และมั่นคงต้องใช้กฎการห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ท่านโชกิ เอฟเฟนติ (PID)
ไม่ค้าขายหรือโฆษณาสุรา
เกี่ยวกับปัญหาที่คุณยกขึ้นมาเกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ?ท่านต้องการแจ้งให้คุณทราบว่าธุรกิจเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มดังกล่าวไม่ว่าในรูปแบบใด ?เป็นที่ห้ามปรามในศาสนาอย่างยิ่ง ดังนั้นบาไฮควรพิจารณาว่าเป็นข้อผูกพันทางจิตใจที่จะละเว้นจากการดำเนินธุรกิจใดๆ ?ที่พัวพันกับการค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PID)
สภายุติธรรมสากล…ชี้ให้เห็นว่า ?ในเรื่องเกี่ยวกับการโฆษณา บาไฮต้องใช้ความสุขุมรอบคอบในการตัดสินใจว่าอะไรเป็นที่อนุญาตหรือไม่ ?ตัวอย่างเช่น การพิมพ์แผ่นโฆษณาเฉพาะเจาะจงเรื่องสุราย่อมไม่เป็นที่อนุญาต แต่ก็ไม่มีข้อคัดค้านสำหรับตัวแทนโฆษณาของบาไฮที่จะพิมพ์แผ่นโฆษณารายชื่อสินค้าในห้าสรรพสินค้าแม้จะมีสุรารวมอยู่ ?ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการเน้นและความสุขุมรอบคอบ โดยเบื้องต้นแล้วสภายุติธรรมสากลต้องการให้ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวอยู่ในดุลพินิจของผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้ามีข้อสงสัยหรือธรรมสภาแห่งชาติรู้สึกว่าชื่อเสียงของศาสนาจะได้รับความเสียหาย ?แน่นอนควรมีการปรึกษากับธรรมสภาและตัดสินใจในกรณีเฉพาะต่างๆ
สภายุติธรรมสากล (PID)
- คุณธรรมและจริยธรรมบาไฮ
ความรัก
พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระประสงค์ให้ความรักเป็นพลังชีวิตในโลก
พระอับดุลบาฮา (PT 119)
ความรักคือแหล่งกำเนิดพระพรทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้า ?จนกว่าความรักจะเข้ามาครอบครองหัวใจ พรอย่างอื่นจะออกมาจากหัวนั้นไม่ได้
พระอับดุลบาฮา (BEF 218)
สาระคำสอนของพระบาอาอุลลาห์คือความรักที่โอบล้อมทุกสรรพสิ่ง ?เพราะความรักบรรจุความล้ำเลิศทั้งปวงของความเป็นมนุษย์
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (SWAB 66)
ที่สำคัญที่สุดคือความรักและสามัคคีควรปกคลุมชุมชนบาไฮเพราะนี่คือสิ่งที่ประชาชนใฝ่หามากที่สุดในสภาพมืดมนของโลกปัจจุบันถ้อยคำที่ปราศจากตัวอย่างไม่เพียงพอที่จะบันดาลความหวังในหัวใจของประชาชนในรุ่นปัจจุบันที่สิ้นหวังและไร้ศรัทธาในความดี
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 27-28)
ความเสียสละ
การสละตนเองและการสมัครสมานกับพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร์หมายความว่า ?มนุษย์ควรให้ความประสงค์ของตนเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า และถือว่าความปรารถนาของตนเป็นศูนยภาพโดยสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับเจตนาของพระองค์ ?อะไรก็ตามที่พระผู้สร้างบัญชา พวกเขาต้องพากเพียรปฏิบัติตามให้สำเร็จด้วยความปีติและกระตือรือร้น…การยอมสละตัวเองโดยสมบูรณ์เป็นฐานะที่ประเสริฐเหนือกว่าฐานะอื่นใดทั้งปวง
เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะอุทิศตัวเองให้กับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ?อะไรก็ตามที่เปิดเผยไว้ในธรรมจารึกของพระองค์คือการสะท้อนพระประสงค์ของพระองค์ ?การอุทิศของเจ้าต้องสมบูรณ์อย่างยิ่งเพื่อว่าร่องรอยทุกอย่างของกิเลสจะถูกชะล้างออกไปจากหัวใจของเจ้า ?นี้คือความหมายของเอกภาพที่แท้จริง
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 337-38)
การเสียสละตนเองหมายถึงการข่มธรรมชาติฝ่ายต่ำและกิเลสให้อยู่ภายใต้ธรรมชาติที่สูงส่งกว่าของเรา ?ในระดับสูงสุด การเสียสละตนเองหมายถึงการสละความปรารถนาทุกอย่างของเราให้พระผู้เป็นเจ้าทำตามที่พระองค์ยินดี ?เมื่อนั้นพระองค์จะชำระเราให้บริสุทธิ์ผุดผ่องจนกลายเป็นภาวะที่เรืองรองน่าพิศวง
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 35)
คุณภาพของการอุทิศและเสียสละคือสิ่งที่นำรางวัลมาให้ในการรับใช้ศาสนานี้ ?มากกว่าวิธีการ ความสามารถ หรือการสนับสนุนด้านการเงิน
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 35)
การเสียสละตนเอง ?ความกล้าหาญ ความหวังและความมั่นใจอันเด็ดเดี่ยว ?คือสิ่งที่บาไฮควรแสดงออก เพราะว่าคุณลักษณะเหล่านี้จะจับความสนใจของสาธารณชน ?และพวกเขาจะสอบถามว่า ในโลกนี้ที่แสนโกลาหลและสับสนเช่นนี้ อะไรทำให้ประชาชนเหล่านี้มั่นใจและอุทิศตนอย่างยิ่ง ?เมื่อเวลาผ่านไป ลักษณะของบาไฮจะจับความสนใจของเพื่อนร่วมชาติ บาไฮต้องหนีห่างจากความเกลียดชังและการแก้เผ็ดที่กำลังฉีดหัวใจของมนุษยชาติ ?และอาศัยการกระทำและคำพูดของตน สาธิตความเชื่ออันแน่วแน่ในการประสานสามัคคีมนุษยชาติทั้งมวลบนโลกอย่างสงบสุข
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.1291)
ไม่เห็นแก่ตัว
จงใส่ใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ?มิใช่ความปรารถนาที่ชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวของเจ้า
พระบาฮาอุลลาห์ (ESW 29)
ผู้มีศีลธรรมต้องไม่ใส่ใจในความปรารถนาส่วนตัว ?และพยายามอย่างหมดหัวใจในหนทางใดก็ตามที่สามารถส่งเสริมประโยชน์ของสาธารณชนและเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะผละไปจากผลประโยชน์ของตนเองและเสียสละผลประโยชน์ของตนเองเพื่อผลประโยชน์ของชุมชน ?เว้นแต่โดยความศรัทธาที่แท้จริงในพระผู้เป็นเจ้า เพราะความรักตนเองคลุกอยู่ในดินที่เป็นร่างกายมนุษย์
พระอับดุลบาฮา (SDC 96)
พวกเขากล่าวว่า 😕 สวรรค์อยู่ที่ไหน ?และนรกอยู่ที่ไหน?? จงกล่าวว่า :?สวรรค์คือการกลับมาอยู่ร่วมกับเรา ?และนรกคือตัวเจ้าเอง…?
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 118)
ความรักตนเองเป็นสันดานที่พิลึกและทำลายดวงวิญญาณที่สำคัญมากมายในโลก ?หากมนุษย์เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติที่ดีทั้งปวงแต่เห็นแก่ตัว คุณธรรมอื่นทั้งหมดจะเลือนรางสูญหายไป และในที่สุดเขาจะเลวลง
พระอับดุลบาฮา (TAB 136)
เมื่อวิญญาณทั้งหลายแยกจากกันและเห็นแก่ตัว ?พระพรจากสวรรค์จะหลั่งลงมาให้ไม่ได้ และแม้ว่าร่างกายพบปะกันก็จะสะท้อนอาภาของหมู่เทวินทร์ไม่ได้ ?กระจกที่หันหลังให้ดวงอาทิตย์ไม่สามารถสะท้อนความสว่างไสวของดวงอาทิตย์
พระอับดุลบาฮา (PUP 4)
อิสรภาพ
เราพบมนุษย์บางคนปรารถนาอิสรภาพและภูมิใจในอิสรภาพนั้น ?มนุษย์ดังกล่าวจมอยู่ในความโง่เขลาเบาปัญญา
ในที่สุดอิสรภาพจะนำไปสู่การก่อสร้างความไม่สงบที่ไม่มีใครดับเปลวไฟนั้นได้ ?นี้คือคำเตือนของพระผู้ทรงเป็นผู้คิดบัญชี พระผู้ทรงรอบรู้ เจ้าจงรู้ไว้ว่ารูปพรรณและสัญลักษณ์ของอิสรภาพคือสัตว์ ?สิ่งที่ควรคู่กับมนุษย์คือการหักห้ามใจเพื่อคุ้มครองเขาให้พ้นจากความโง่เขลาเบาปัญญาและอันตรายของผู้ก่อกวน อิสรภาพทำให้มนุษย์ล่วงเกินขอบเขตที่เหมาะสมและละเมิดเกียรติของความเป็นมนุษย์ ?ฉุดมนุษย์ลงสู่ระดับต่ำสุดของความเสื่อมทรามและชั่วร้าย
จงพิจารณามนุษย์ที่เป็นประหนึ่งฝูงแกะที่จำเป็นต้องมีผู้เลี้ยงแกะและคอยคุ้มครอง ?แท้จริงแล้วนี่คือสัจธรรม และเป็นสัจธรรมที่เที่ยงแท้แน่นอน เรายอมให้มีอิสรภาพในบางสภาพแวดล้อมและไม่อนุญาตในบางสภาพแวดล้อม ?แท้จริงแล้วเราคือพระผู้ทรงรอบรู้
อิสรภาพที่แท้จริงของมนุษย์อยู่ที่การยอมจำนนต่อบัญญัติของเราแม้ว่าเจ้าจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม ?หากมนุษย์ปฏิบัติตามบัญญัติที่เรานำมาจากสวรรค์แห่งการเปิดเผยธรรม พวกเขาจะบรรลุอิสรภาพที่สมบูรณ์อย่างแน่นอน
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 335-36)
เมื่อใครเป็นอิสระจากคุกแห่งอัตตา ?นั่นคือสิ่งอิสรภาพที่แท้จริงเพราะอัตตาคือคุกที่ร้ายที่สุด
พระอับดุลบาฮา (DAL 70)
ไม่ผูกพันกับโลก
เป็นหน้าที่ของประชาชนแห่งบาฮาที่จะตายจากโลกและทุกสรรพสิ่งในโลก ?ตัดความผูกพันจากวัตถุทั้งปวงอย่างที่บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์จะได้สูดสุคนธรสแห่งความบริสุทธิ์จากภูษาของพวกเขา ?และประชาชาติทั้งปวงบนพิภพจะได้เห็นความชัชวาลของพระผู้ทรงปรานีบนหน้าของพวกเขา และเครื่องหมายและสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ?จะได้แพร่กระจายไปกว้างไกลโดยพวกเขา
พระบาอาอุลลาห์ (GWB 100)
ผู้ที่ใฝ่หาความต้องการทางโลกหรือหัวใจจดจ่ออยู่กับสรรพสิ่งบนโลก ?จะไม่ได้รับการนับว่าเป็นประชาชนแห่งบาฮา ผู้ที่เป็นสาวกที่แท้จริงของเรา ?หากมาถึงหุบเขาทอง เขาก็จะผ่านไปไม่แยแสประดุจก้อนเมฆ และไม่หยุดหรือหันกลับมา ?บุรุษดังกล่าวเป็นของเราแน่นอนหมู่เทวัญเบื้องบนสามารถดูดสุคนธรสแห่งความบริสุทธิ์จากภูษาของเขา..และหากเขาพบสตรีที่งดงามไฉไลที่สุด ?หัวใจของเขาก็จะไม่ถูกยั่วยวนให้หลงใหลในความงามของเธอแม้แต่น้อย
พระบาฮาอุลลาห์ (GEB 118)
สิ่งที่ยับยั้งเจ้าไม่ให้รักพระผู้เป็นเจ้ามิใช่สิ่งใดนอกจากโลกเพื่อว่าเจ้าจะได้รับการนับว่าเจริญพร ?หากมนุษย์ปรารถนาจะประดับตนด้วยอลงกรณ์ของโลก สวมใส่อาภรณ์ หรือเสวยสิ่งที่โลกให้ได้ไม่มีภัยอันใดต่อเขาหากเขาไม่ยอมให้สิ่งใดมาขั้นระหว่างเขากับพระผู้เป็นเจ้า ?เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดสิ่งที่ดีทุกอย่างไม่ว่าสร้างจากสวรรค์หรือบนโลก ไว้ให้บรรดาคนรับใช้ที่เชื่อพระองค์อย่างแท้จริง
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 276)
ในไม่ช้าโลกและทุกสรรพสิ่งในโลกจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืม ?และเกียรติทั้งหมดจะเป็นของบรรดาผู้ที่เป็นที่รักของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ พระผู้ทรงอารีที่สุด
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 306)
ความไว้วางใจได้
แท้จริงแล้วความไว้วางใจได้คือประตูไปสู่ความปลอดภัยไร้กังวลสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก ?และคือสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของพระผู้ทรงปรานี ผู้ที่มีความไว้วางใจได้คือผู้ที่มีความมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองโดยแท้จริง ?ความไว้วางใจได้คือทวารสำคัญที่สุดที่นำไปสู่ความเงียบสงบและความปลอดภัยไร้กังวลของประชาชน ความจริงแล้วเสถียรภาพของกิจการอย่างอื่นขึ้นอยู่กับความไว้วางใจได้
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 37)
เจ้าจงเพียรพยายามเพื่อว่า ?ทุกชาติและชุมชนในโลก แม้แต่ศัตรู ?จะไว้ใจ มั่นใจ และฝากความหวังไว้กับเจ้า
พระอับดุลบาฮา (TAB 436)
วาจาสัตย์
วาจาสัตย์คือรากฐานของคุณธรรมทั้งปวง ?หากปราศจากวาจาสัตย์ความก้าวหน้าและความสำเร็จในทุกภพของพระผู้เป็นเจ้าเป็นไปไม่ได้สำหรับวิญญาณดวงนั้น ?เมื่อคุณธรรมนี้ปลูกฝังอยู่ในมนุษย์ คุณธรรมทั้งหมดจะตามมาด้วย
พระอับดุลบาฮา (TAB 495)
เกี่ยวกับปัญหาที่ว่า ?เป็นสิ่งที่ถูกหรือไม่ถ้าพูดเท็จเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ?ท่านศาสนภิบาลคิดว่าไม่ว่าในสภาพการณ์ใด เราไม่ควรพูดเท็จ ?แต่ในเวลาเดียวกันควรพยายามและช่วยเหลือผู้นั้นในหนทางที่ถูกทำนองคลองธรรมมากกว่า ?แน่นอนเราอาจไม่จำเป็นต้องพูดออกไปจนกว่าคำถามนั้นจะยิงมาที่เราโดยตรง
ท่ายโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 7)
ละเว้นจากวจีทุจริต
ลิ้นมีไว้สำหรับกล่าวถึงสิ่งที่ดีงาม ?อย่าทำให้ลิ้นสกปรกด้วยวจีทุจริต พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยเจ้าสำหรับอดีต ?นับแต่นี้ไปเจ้าทุกคนต้องพูดสิ่งที่ควร หลีกเลี่ยงการแช่ง การถากถาง และสิ่งที่ยั่วโทสะผู้อื่น
พระบาฮาอุลลาห์ (BWF 268)
จงระวัง อย่าทำร้ายความรู้สึกของผู้ใด ?อย่าทำให้ใครเสียใจ อย่าใช้วาจาตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้ใด…จงระวัง ??จงระวัง เพื่อว่าจะไม่มีใครตำหนิผู้ใดแม้ว่าคนนั้นจะเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีและคนไม่ดี
พระอับดุลบาฮา (TAB 45)
ตามบัญชาศักดิ์สิทธิ์โดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า ?เราถูกห้ามมิให้พูดใส่ร้าย
พระอับดุลบาฮา (WT 9)
อย่าให้ผู้ใดแบกภาระที่เจ้าเองก็ไม่อยากแบก ?และอย่าปรารถนาให้ผู้ใดในสิ่งที่เจ้าเองก็ไม่ต้องการ
พระอับดุลบาฮา (GWB 128)
จงเที่ยงธรรมต่อเจ้าเองและผู้อื่น ?เพื่อว่าหลักฐานของความยุติธรรม จะเปิดเผยออกมาโดยการกระทำของเจ้าท่ามกลางคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเรา
พระบาฮาอุลลาห์ (ADJ 20)
ความเที่ยงธรรมคือพื้นฐานของคุณธรรมทั้งปวง ?การประเมินทุกสรรพสิ่งจำเป็นต้องขึ้นกับความยุติธรรม…จงเที่ยงธรรมในการตัดสินเจ้าผู้เป็นมนุษย์ที่มีปัญญา ?ผู้ที่ไม่ยุติธรรมในการตัดสินคือผู้ที่ไร้คุณธรรมประจำฐานะมนุษย์
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 203,204)
การให้อภัย
หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในหมู่พวกเจ้า ?จงเห็นเรายืนอยู่ตรงหน้าของเจ้า และมองข้ามข้อบกพร่องของกันและกันเพื่อเห็นแก่พระนามของเรา ?และเป็นประดุจสัญลักษณ์แห่งความรักของเจ้าที่มีต่อศาสนาที่ประจักษ์แจ้งเสนออำไพของเรา
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 315)
หากใครหลงผิดไปหนึ่งแสนล้านครั้งแล้ว ?เขาก็ยังหันหน้ามาหาเจ้าด้วยหวังว่าเจ้าจะอภัยบาปแก่เขา ?เพราะต้องไม่ให้เขาสิ้นหวัง ทุกข์โศกหรือหมดอาลัยตายอยาก
พระอับดุลบาฮา (TAB 346)
ไม่แก้แค้น
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาตามเหตุผล ?การแก้แค้นเป็นสิ่งที่น่าตำหนิ เพราะว่าโดยการแก้แค้น ?ไม่มีผลดีบังเกิดกับผู้แก้แค้น หากคนหนึ่งตีอีกคนหนึ่งและผู้ที่ถูกตีแก้แค้นด้วยการตีกลับ ?เขาจะได้ประโยชน์อะไร? สิ่งนี้เป็นยาสมานแผลหรือยาแก้ปวดสำหรับเขาหรือไม่? พระผู้เป็นเจ้าทรงห้าม ในความเป็นจริงแล้ว ?การกระทำทั้งสองเหมือนกัน ทั้งสองคือการทำร้าย ต่างกันเพียงว่าการกระทำหนึ่งเกิดก่อน อีกการกระทำหนึ่งเกิดทีหลัง ดังนั้นหากผู้ที่ถูกตีให้อภัย ?ไม่เพียงเท่านี้ หากเขาปฏิบัติตรงกันข้ามกับที่เขาถูกกระทำ นี่เป็นที่น่าสรรเสริญ กฎของชุมชนจะลงโทษผู้ก้าวร้าวแต่จะไม่แก้แค้น การลงโทษนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเตือน ?คุ้มครอง และต้านความโหดร้ายและการทำผิด เพื่อว่าคนอื่นจะไม่กดขี่
พระอับดุลบาฮา (SAQ 267)
ความเมตตากรุณา
มิใช่เพียงเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้นที่ผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าต้องปฏิบัติด้วยความปรานีและเห็นอกเห็นใจ ?แต่พวกเขาต้องแสดงความเมตตารักใคร่อย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
พระอับดุลบาฮา (SWAB 158)
จงกรุณาต่อคนแปลกหน้า…จงช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าเหมือนอยู่ที่บ้าน ?ค้นหาว่าพวกเขาพักอยู่ที่ไหน ถามดูว่าเจ้าจะรับใช้พวกเจ้าได้อย่างไร จงพยายามทำให้ชีวิตของพวกเขาเป็นสุขขึ้นบ้าง ?ดังนี้แล้วถึงแม้ว่าบางครั้งสิ่งที่เจ้าสงสัยตั้งแต่แรกจะเป็นจริง ก็จงกรุณาต่อพวกเขา ความกรุณานี้จะช่วยทำให้พวกเขาเป็นคนดีขึ้น…อย่าพอใจกับการแสดงมิตรภาพด้วยคำพูดเท่านั้น ?ขอให้หัวใจของเจ้าลุกด้วยไฟแห่งความเมตตารักใคร่
พระอับดุลบาฮา (PT 15)
ความเห็นอกเห็นใจ
ดังนั้นเจ้าจงพยายามอย่างหมดหัวใจที่จะปฏิบัติต่อมนุษยชาติทั้งมวลด้วยความเห็นอกเห็นใจ ?ยกเว้นผู้ที่มีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวหรือมีโรคของวิญญาณ ความกรุณาจะให้กับผู้กดขี่ ผู้หลอกลวงหรือขโมยไม่ได้เพราะนอกจากจะไม่ปลุกให้พวกเขามีสติเห็นความผิดพลาดของตนเองแล้วยังทำให้พวกเขานิสัยเสียต่อไปเหมือนเดิม ?ไม่ว่าเจ้าจะกรุณาต่อคนโกหกแค่ไหน เขาก็ยิ่งโกหกมากขึ้น เพราะเขาคิดว่าเจ้ากำลังถูกหลอก ซึ่งที่จริงเจ้ารู้ทันเขาแต่เจ้าเงียบเฉยเพราะความเห็นอกเห็นใจ
พระอับดุลบาฮา (SWAB 158)
มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นคนบาปแต่สัตว์ป่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ?แน่นอนผู้ที่ไม่มีบาปนั่นคือสัตว์ทั้งปวงควรได้รับความกรุณาและความรักที่สุด ยกเว้นสัตว์ที่เป็นภัยเช่น ?งูพิษและสัตว์อันตรายที่คล้ายกัน เหตุผลคือ ความกรุณาต่อสัตว์เหล่านี้เป็นความอยุติธรรมต่อมนุษย์และสัตว์อื่น ?ตัวอย่างเช่น หากเจ้าใจอ่อนล้าต่อสุนัขป่า นั่นเป็นการกดขี่แกะ เพราะสุนัขป่าจะทำลายแกะทั้งฝูง สุนัขบ้าถ้ามีโอกาสสามารถฆ่าสัตว์และมนุษย์นับพัน ?ดังนั้นการเห็นอกเห็นใจสัตว์ป่าที่ดุร้ายเป็นความโหดร้ายต่อสัตว์ที่รักสงบ ฉะนั้นต้องจัดการกับสัตว์ที่เป็นภัย แต่สำหรับสัตว์ที่ดี ต้องกรุณาที่สุด ?ยิ่งกรุณามากยิ่งดี
พระอับดุลบาฮา (SWAB 159-60)
ความเอื้อเฟื้อ
จงเอื้อเฟื้อในวันที่มั่งมีและอดทนในชั่วโมงแห่งการสูญเสีย
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 138)
เราต้องเป็นประหนึ่งน้ำพุที่หลั่งน้ำออกไปอย่างไม่ขาดสาย ?และได้รับน้ำกลับมาจากแหล่งที่มองไม่เห็น การให้อย่างไม่ขาดสายเพื่อประโยชน์ของเพื่อนเราโดยไม่ติดที่กลัวความจน ?และวางใจในพระพรอันไม่รู้สิ้นจากพระผู้เป็นแหล่งของความมั่งคั่งและความดีงามทั้งปวง นี่คือความลับของการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PBA 95)
อุปนิสัยใจคอ ?ความประพฤติ กิริยามารยาท
หน้าที่ที่สำคัญที่สุดในยุคนี้คือการขัดเกลาอุปนิสัยใจคอให้บริสุทธิ์ แก้ไขกิริยา ?และปรับปรุงความประพฤติของเจ้า ผู้เป็นที่รักยิ่งของพระผู้ทรงปรานีต้องแสดงอุปนิสัยและความประพฤติดังกล่าวในหมู่ประชาชนของพระองค์ ?เพื่อว่าสุคนธรสแห่งความบริสุทธิ์ของพวกเขาจะโชยไปทั่วพิภพและปลุกผู้ที่หลับใหล เนื่องด้วยจุดประสงค์ของพระผู้แสดงธรรมของพระผู้เป็นเจ้า…คือเพื่อจะอบรมวิญญาณและขัดเกลาอุปนิสัยของมนุษย์ทุกคน
พระบาฮาอุลลาห์ (ADJ 21)
ดูกร ?ประชาชนของพระผู้เป็นเจ้า ?เราตักเตือนให้เจ้ามีมารยาท เพราะเหนืออื่นใดนั้นมารยาทคือเจ้าชายของคุณธรรมทั้งปวง ?ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่เรืองรองด้วยมารยาทและสวมภูษาแห่งความซื่อตรง
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 88)
ความประพฤติที่มีธรรมซึ่งรวมความถึง ?ความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม วาจาสัตย์ ?ความสุจริต ใจไม่มีอคติ ความเชื่อถือได้และไว้วางใจได้ ต้องเป็นลักษณะเด่นในทุกแง่ชีวิตของชุมชนบาไฮ
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (ADJ 19)
ความถ่อมตัว
ความถ่อมตัวยกมนุษย์ขึ้นสู่นภาแห่งความรุ่งโรจน์และอานุภาพ ?ขณะที่ที่ความหยิ่งทะนงฉุดเขาให้ตกต่ำและเวทนาที่สุด
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 64)
มนุษย์ทุกคนที่หยั่งรู้ ?ขณะเดินบนพื้นพิภพ จะรู้สึกอายทีเดียวเนื่องด้วยเขาตระหนักว่าแหล่งที่มาของความรุ่งเรือง ?ความมั่งคั่ง อำนาจความเจริญ ความก้าวหน้าและอานุภาพของเขา ตามที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดไว้ คือ ?พื้นดินเดียวกันนี้ที่ถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าของมนุษย์ทั้งปวง ไม่มีข้อสงสัยว่าใครก็ตามที่ตระหนักในสัจธรรมนี้ ?จะสะอาดและบริสุทธิ์พ้นจากความหยิ่ง ความจองหองและความทะนงทั้งปวง
พระบาฮาอุลลาห์ (ESW 44)
ความสุภาพ
ไม่ว่าในสภาพแวดล้อมใดก็ตาม ?เราไม่ควรมีท่าทีอื่นใดนอกจากสุภาพและถ่อมตัว
พระอับดุลบาฮา (PUP 128)
จงพูดกับเขาด้วยวาจาสุภาพ
พระอับดุลบาฮา (SDC 53)
ไม่เสแสร้ง
ดูกร ผู้ที่ดูเหมือนสะอาดแต่ในใจนั้นสกปรก เจ้าเป็นเสมือนน้ำใสแต่มีพิษ ?ซึ่งภายนอกดูเหมือนบริสุทธิ์ แต่เมื่อถูกทดสอบโดยผู้ตรวจจากสวรรค์ ไม่มีแม้แต่หยดเดียวที่ยอมรับได้ ?ใช่แล้ว ลำแสงของดวงอาทิตย์ส่องมายังธุลีและกระจกเหมือนกัน แต่แสงสะท้อนนั้นจะต่างกันดังเช่น ดวงดาวต่างกับโลก ?ต่างกันอย่างวัดไม่ได้เชียวล่ะ
พระบาฮาอุลลาห์ (HWP no.25)
ดูกร บุตรของอดัม ?วาจาและการกระทำที่ดีงามบริสุทธิ์จะขึ้นไปสูสวรรค์อันรุ่งโรจน์ ?จงพยายามให้การกระทำของเจ้าบริสุทธิ์ปราศจากธุลีแห่งอัตตาและความเสแสร้ง ?และให้เป็นที่โปรดปราน ณ ราชสำนักแห่งความรุ่งโรจน์ เพราะในไม่ช้า ณ เบื้องหน้าของพระผู้เป็นที่บูชา ?ผู้ตรวจสอบมนุษยชาติจะไม่ยอมรับสิ่งใดนอกจากคุณธรรมที่พิสุทธิ์และการกระทำที่วิมลบริสุทธิ์
พระบาฮาอุลลาห์ (HWP no.69)
ความอดทน
เจ้าจงรู้ไว้ว่าตั้งแต่โบราณกาล ?การถูกทดสอบและความทุกข์ทรมานเป็นเคราะห์ที่บังเกิดกับผู้ที่พระผู้เป็นเจ้ารักและเลือกสรร ?และคนรับใช้ที่ตัดความผูกพันจากทุกสิ่งนอกจากพระองค์…ขอพระพรจงมีแด่ผู้ยืนหยัดอดทน ผู้ที่อดทนความยุ่งยากและแร้นแค้น ผู้ที่ไม่เศร้าโศกต่อสิ่งใดก็ตามที่บังเกิดกับตน และผู้ที่เดินในหนทางแห่งการยอมจำนน
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 129)
พระพรอันยิ่งใหญ่รอคอยคนยากไร้ที่อดทนและปกปิดความทุกข์ทรมานของตน ?และความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ร่ำรวยที่แบ่งความมั่งคั่งให้กับคนขัดสนและโปรดพวกเขามากกว่าตนเอง
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 202)
หน้าที่ของเราคืออดทนในสภาพแวดล้อมเหล่านี้จนกว่าความผ่อนคลายจะมาจากพระผู้เป็นเจ้า ?พระผู้ประทานอภัย พระผู้ทรงอารี
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 117)
ความสุข
ความสุขที่แท้จริงขึ้นอยู่กับธรรมในจิตใจ ?และการเปิดหัวใจรับพรจากพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ ?หากหัวใจเมินพระพรที่พระผู้เป็นเจ้าเสนอให้ หัวใจนั้นจะมีความสุขได้อย่างไร
พระอับดุลบาฮา (PT 108)
ทุกคนสามารถมีความสุขในยามสบาย ?สุขภาพดี ประสบความสำเร็จ ยินดี ?และร่าเริง แต่ถ้าใครมีความสุขและพอใจในเวลายากลำบากและโรคภัย ?นี้คือข้อพิสูจน์ถึงความประเสริฐ
พระอับดุลบาฮา (BWF 363)
ความปีติติดปีกให้เรา ?ในยามปีติพลังงานของเราเข้มแข็งขึ้น ?สติปัญญาของเราเฉียบแหลมกว่าเดิม…แต่เมื่อความเศร้ามาเยือนเรา ความเข้มแข็งของเราจากไป
พระอับดุลบาฮา (DAL 55)
ความพอประมาณ
เป็นหน้าที่ของบรรดาผู้ที่อยู่ในอำนาจที่จะพอประมาณในทุกสิ่งอะไรที่เกินขอบเขตของความพอประมาณจะหยุดส่งผลดี
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 169)
ผู้ที่ยึดถือความยุติธรรมไม่สามารถล่วงเกินขอบเขตของความพอประมาณ ?ไม่ว่าในสภาพแวดล้อมใด…อารยธรรมที่ผู้อรรถาธิบายศิลปะและวิทยาศาสตร์คุยโตโอ้อวดอยู่บ่อยๆ หากยอมให้ก้าวข้ามขอบเขตของความพอประมาณ จะนำความชั่วร้ายมหันต์มาสู่มนุษย์ นี้คือคำเตือนสำหรับเจ้าจากพระผู้เป็นพระผู้ทรงรอบรู้ ถ้าหากเลยเถิด อารยธรรมจะเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความชั่วร้าย เช่นเดียวกับที่เป็นแหล่งของความดี เมื่อรั้งไว้อยู่ในความพอประมาณ
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 342-43)
วาจาของมนุษย์โดยเนื้อแท้นั้นใฝ่ฝันจะโน้มน้าวใจและจำเป็นต้องรู้จักพอประมาณ ?เกี่ยวกับความพอประมาณในวาจานั้น ต้องผสมผสานกับไหวพริบและสติปัญญา
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 172)
ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ?ผู้ที่พระองค์เลือกสรร และผู้มีปัญญาหยั่งรู้ ?อุปนิสัยใจคอที่ดีเลิศและน่าสรรเสริญที่สุด แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ?อุปนิสัยใจคอนั้นสืบมาจากเหตุผลและความรู้ และอยู่บนฐานของความพอประมาณโดยแท้จริง
พระอับดุลบาฮา (SDC 60)
ความสะอาด
ความสะอาด ?ความบริสุทธิ์ ?และความละเอียดอ่อน ?ยกฐานะของความเป็นมนุษย์ ?และทำให้ชีวิตที่ไม่จีรังนี้ก้าวหน้าไป ?แม้จะเป็นทางกายก็ตาม ความละเอียดอ่อนช่วยพัฒนาจิตใจดังที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ?ความสะอาดภายนอกแม้จะเป็นทางกาย แต่ก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อจิตใจ
พระอับดุลบาฮา (TAB 581)
สุขภาพ
หากสุขภาพและความผาสุกทางกายถูกใช้ไปในหนทางของอาณาจักรสวรรค์ ?นั่นเป็นที่ยอมรับและน่าสรรเสริญยิ่ง และถ้าหากถูกไปใช้เพื่อประโยชน์ของชาวโลก ?แม้ว่าจะเป็นประโยชน์ด้านวัตถุ (หรือร่างกาย) และสุขภาพนั้นช่วยให้สามารถทำความดี ?ก็เป็นที่ยอมรับเช่นกัน แต่ถ้าหากสุขภาพนั้นช่วยให้สามารถทำความดี ก็เป็นที่ยอมรับเช่นกัน ?แต่ถ้าหากสุขภาพและความผาสุกของมนุษย์ถูกใช้ไปเพื่อสนองความใคร่ ดังที่สัตว์กระทำ และเพื่อการไขว่คว้าอันชั่วร้าย ?เช่นนั้นแล้วโรคภัยย่อมดีกว่าสุขภาพดังกล่าว ไม่เพียงเท่านั้น ความตายยังเป็นที่พึงปรารถนากว่าชีวิตดังกล่าว หากเจ้าปรารถนาที่จะมีสุขภาพดี ?จงปรารถนาสุขภาพที่น่าจะช่วยให้เจ้ารับใช้อาณาจักรสวรรค์
พระอับดุลบาฮา (TAB 207)
เราทุกคนควรไปเยี่ยมผู้ป่วย ?เมื่อพวกเขาทุกข์โศกและทรมานควรมีเพื่อนมาเยี่ยมคือความช่วยเหลือและมีประโยชน์อย่างแท้จริง ?ความสุขคือยาที่ดีกว่าสำหรับผู้ป่วย..นี้มีผลมากกว่ายารักษาโรค เมื่อเจ้าไปเยี่ยมผู้ป่วยและผู้ทุกข์ทรมาน เจ้าต้องไปด้วยความรักและเสน่หา
พระอับดุลบาฮา (PUP 199)
การรับใช้
คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่การรับใช้และคุณธรรม ?มิใช่อยู่ที่ความมั่งคั่งร่ำรวยที่หรูหรา
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 138)
บุคคลที่อุทิศตนต่อการรับใช้มวลมนุษยชาติในปัจจุบัน ?คือมนุษย์ที่แท้จริง
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 167)
ความพยายามทั้งปวงที่มนุษย์ออกแรงอย่างหมดหัวใจคือการนมัสการ ?ถ้าหากความพยายามนั้นมาจากแรงจูงใจที่ประเสริฐสุดและความตั้งใจจะรับใช้มนุษยชาติ ?นี้คือการนมัสการรับใช้มนุษยชาติและบรรเทาความขัดสนของประชาชน
พระอับดุลบาฮา (PT 176)
ตลอดเวลาเจ้าจงคิดว่าจะรับใช้ทุกคนในหมู่มนุษยชาติได้อย่างไร…เจ้าจงมีความกรุณาอย่างจริงใจ ?มิใช่เพียงดูเหมือนว่ากรุณา…ขอให้เขาทำประโยชน์บางอย่างให้แก่ทุกคนที่ได้พบ และจงทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่เขา
พระอับดุลบาฮา (SWAB 3)
งาน
ทุกคนได้รับบัญชาให้ประกอบอาชีพบางอย่างเช่น ??การฝีมือศิลปะ ที่คล้ายกัน เราได้ยกฐานะของการทำงานดังกล่าวขึ้นมาเป็นการนมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นหนึ่งโดยแท้จริง
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 26)
การประกอบวิชาชีพบางอย่างเป็นที่น่าชมเชยอย่างยิ่ง ?เพราะเมื่อยุ่งอยู่กับงานผู้นั้นมีแนวโน้มจะไม่หมกมุ่นอยู่กับส่วนที่ไม่น่ารื่นรมย์ของชีวิต
พระบาฮาอุลลาห์ (TB 175)
มนุษย์ที่ต่ำที่สุดคือผู้ที่ไม่มีผลผลิตบนโลก ?แท้จริงแล้วมนุษย์ดังกล่าวนับว่าเป็นเสมือนคนตาย ?ไม่เพียงเท่านั้น ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า คนตายยังดีกว่าผู้ที่เกียจคร้านและไร้ค่า
พระบาฮาอุลลาห์ (HWP 81)
ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาอาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ?รูปแบบสูงสุดของการตัดความผูกพันในยุคนี้คือการประกอบวิชาชีพบางอย่างและเลี้ยงชีพตนเอง ?ดังนั้นบาไฮที่ดีคือผู้ที่จัดชีวิตให้อุทิศเวลาทั้งต่อการยังชีพและการรับใช้ศาสนา
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 10)
การใช้ความรุนแรง
ดูกร ประชาชน จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ?และละเว้นจากการหลั่งเลือดผู้ใด อย่าโต้เถียงกับเพื่อนบ้าน ?และจงเป็นพวกที่กระทำความดี จงระวังอย่าก่อความอลเวงบนพิภพหลังจากที่พิภพเป็นระเบียบแล้ว ?และอย่าเจริญรอยตามผู้ที่หลงทาง
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 277)
เจ้าจงรู้ไว้ว่า ?เราได้ยกเลิกกฎการใช้ดาบในการช่วยเหลือศาสนาของเรา ?และขอให้ใช้อานุภาพของวาทะของมนุษย์แทน
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 303)
เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะแย้งข้ออ้างของผู้ที่โจมตีศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ?นี้คือประกาศิตจากพระผู้ทรงอานุภาพ พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ ผู้ที่ปารารถนาจะส่งเสริมศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว ?ขอให้เขาส่งเสริมโดยปากกาและวาจา มิใช่ใช้ดาบหรือความรุนแรง
พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 329-30)
การต่อสู้และใช้กำลังแม้จะกระทำเพื่อความมุ่งหมายที่ถูกต้อง ?ก็จะไม่ก่อให้เกิดผลดี ผู้ถูกกดขี่ที่มีสิทธิต้องไม่ใช้กำลังเพื่อให้ได้สิทธินั้นมา ?เพราะความชั่วร้ายจะดำเนินต่อไป หัวใจต้องเปลี่ยนแปลง
พระอับดุลบาฮา (ABL 93)
- ปัจฉิมกถา
งานยากที่สุดคือการเป็นบาไฮที่แท้จริง
????????????งานที่ลำบากที่สุดและประเสริฐสุดในโลกคือการเป็นบาไฮแท้จริง ?ซึ่งเราจำเป็นต้องเอาชนะไม่เพียงแต่ความชั่วร้ายที่ดาษดื่นทั่วโลกแต่ยังต้องเอาชนะความอ่อนแอ ?ความผูกพันอยู่กับอดีต อคติและความเห็นแก่ตัวที่มาจากเราเองหรือรับเป็นมรดกไว้ในอุปนิสัยของเรา ?เพื่อเราจะได้แสดงเป็นตัวอย่างที่เรืองรองไม่เสื่อมคลายต่อเพื่อนมนุษย์ของเรา
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (ET 29)
เป็นเรื่องยากเป็นพิเศษที่จะปฏิบัติกฎตามต่างๆ ?ของพระบาฮาอุลลาห์ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งวิธีปฏิบัติที่ยอมรับกันนั้นต่างกับมาตรฐานของพระบาฮาอุลลาห์อย่างยิ่ง ?อย่างไรก็ตามมีกฎบางอย่างที่เป็นพื้นฐานสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของสังคมมนุษย์ซึ่งต้องค้ำจุนไว้ไม่ว่าในสภาพแวดล้อมใด ?ด้วยตระหนักถึงความอ่อนแอของมนุษย์ พระบาฮาอุลลาห์ทรงกำหนดว่า กฎอื่นๆ จะนำมาบังคับใช้ทีละน้อย แต่ก็เช่นกันเมื่อกฎเหล่านี้นำมาใช้ก็ต้องปฏิบัติตาม ?มิฉะนั้นสังคมจะไม่ได้รับการปฏิรูป แต่จะจมลงไปในสภาพที่เลวร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นงานที่ท้าทายสำหรับบาไฮที่จะต้องเชื่อฟังกฎของพระผู้เป็นเจ้าและทำให้มนุษยชาติที่เหลือยอมรับ
สภายุติธรรมสากล (LG 1983 no.711)
ท่านหวังว่าคุณจะพัฒนาเป็นบาไฮทั้งในอุปนิสัยใจคอและความเชื่อ ?จุดประสงค์ของพระบาฮาอุลลาห์คือ เราควรกลายเป็นประชาชนชุดใหม่ เป็นประชาชนที่ซื่อตรง กรุณา เฉลียวฉลาด มีวาจาสัตย์ ?และสุจริต และดำเนินชีวิตตามกฎทั้งหลายของพระองค์ที่วางไว้สำหรับศักราชใหม่ของพัฒนาการของมนุษย์ การเรียกตัวเราว่าบาไฮนั้นไม่เพียงพอ ?ชีวิตส่วนลึกที่สุดของเราต้องประเสริฐและเรืองรองด้วยการดำเนินชีวิตแบบบาไฮ
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.926)
มักเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะทำสิ่งที่แตกต่างอย่างมากกับสิ่งที่เราคุ้นเคย ?มิใช่เพราะว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องยากเป็นพิเศษ สำหรับคุณและที่จริงบาไฮเกือบทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่ที่กำลังยอมรับศาสนาอันรุ่งโรจน์นี้ ไม่สงสัยเลยว่าบัญญัติบางอย่างเช่น ?การถือศีลอด การอธิษฐานทุกวันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจและเชื่อฟังในตอนแรก แต่เราต้องคิดไว้เสมอว่าบัญญัติเหล่านี้ให้ไว้สำหรับมนุษย์ทุกคนสำหรับหนึ่งพันปีข้างหน้า สำหรับเด็กบาไฮที่ได้เห็นการปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ในบ้าน ?ก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาและจำเป็นสำหรับเขา ดังเช่นการไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ของคริสเตียนที่เคร่งครัด พระบาฮาอุลลาห์คงไม่ให้สิ่งเหล่านี้แก่เราถ้าไม่เป็นประโยชน์แก่เราอย่างมาก และเราเป็นเหมือนเด็กที่ยังอ่อนเกินไปที่จะเข้าใจว่าบิดาของเรายังมีความล้ำลึกและทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เขา ?เราต้องยอมรับและเชื่อฟังบัญญัติเหล่านี้ แม้ว่าในตอนแรกเราอาจไม่รู้สึกว่าจำเป็น เมื่อเราฟังบัญญัติเหล่านี้ เราจะค่อยๆ เห็นประโยชน์ที่เกิดกับเรา
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 36)
จงปฏิบัติตามบัญญัติของเราด้วยรักในความงามของเรา
พระบาฮาอุลลาห์ (Kitab-i-i-Aqdas)
ดังเช่นที่มีกฎต่างๆ ?ที่ควบคุมร่างกาย ซึ่งทำให้เราต้องสนองความต้องการของร่างกายด้วยอาหารบางอย่าง ?รักษาร่างกายให้อยู่ในช่วงอุณหภูมิหนึ่ง และอื่นๆ ถ้าเราต้องการหลีกเลี่ยงความพิการ ?ดังนั้นก็มีกฎที่ควบคุมวิญญาณของเราเช่นกัน กฎเหล่านี้เปิดเผยต่อมนุษยชาติในแต่ละยุคโดยพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า ?และการเชื่อฟังพระศาสดาคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์แต่ละคน และมนุษยชาติโดยส่วนรวมต้องพัฒนาอย่างเหมาะสมและกลมกลืนกัน ?เพราะต่างก็ขึ้นต่อกันและกัน ถ้าคนหนึ่งฝ่าฝืนกฎสำหรับพัฒนาจิตใจของตน เขาจะทำร้ายไม่เพียงแต่ตนเองแต่จะทำร้ายสังคมที่เขาอาศัยอยู่ด้วย ?ในทำนองเดียวกันสภาพของสังคมก็มีอิทธิพลโดยตรงต่อคนที่อาศัยอยู่ในสังคมนั้น
สภายุติธรรมสากล (LG 1983 no.710)
ต่อสู้ชีวิตเพื่อพัฒนาคุณธรรม
อะไรคือจุดมุ่งหมายของชีวิต?
พระอับดุลบาฮา : การพัฒนาคุณธรรม
พระอับดุลบาฮา (PT 177)
ชีวิตคือการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ?ไม่เพียงแต่ต่อสู้กับอำนาจทั้งหลายรอบตัวเรา ?แต่เหนือกว่าอื่นใดคือการต่อสู้กับอัตตาของเราเอง ?เราไม่สามารถหยุดพักบนไม้พายได้ เพราะถ้าเราหยุดพัก ?ในไม่ช้าเราก็จะเห็นว่าเราถูกกระแสน้ำพัดถอยกลับไป
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (PBA 87)
อย่างไรก็ตามเราไม่ควรลืมว่า ?ลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งของโลกนี้คือความลำบากและความทุกข์ทรมาน ?และการเอาชนะความยากลำบาก นี้คือหนทางที่เราได้พัฒนาศีลธรรมและวิญญาณของเรา ?ดังที่พระอับดุลบาฮากล่าวว่า : ความทุกข์โศกเป็นเหมือนร่องดินที่ถูกไถ ร่องดินยิ่งลึกเท่าไรเราก็จะได้ผลมากเท่านั้น
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LG 1983 no.1349)
ไม่มีความสุขสบายที่มั่นคงสำหรับใครในโลกนี้ ?จากกษัตริย์ลงไปถึงสามัญชนผู้ต่ำต้อยที่สุด ถ้าชีวิตนี้ให้ความแก่มนุษย์ครั้งหนึ่งความขมขื่นร้อยครั้งจะตามมา ?นี่คือสภาพของโลกนี้ ดังนั้นผู้ที่มีปัญญาจะไม่ผูกพันหรือฝากความหวังไว้กับโลกนี้ และบางชั่วขณะเขาถึงกับปรารถนาความตายอย่างแรงกล้าเพื่อจะได้เป็นอิสระจากความทุกข์โศกและความทรมานเหล่านี้ ?ดังนั้นจึงมีให้เห็นว่าภายใต้แรงกดดันที่ปวดร้าวสุดขีด บางคนได้ฆ่าตัวตาย
พระอับดุลบาฮา (SWAB 200)
เมื่อบุคลหนึ่งเป็นบาไฮ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมล็ดของวิญญาณเริ่มเติบโต ?เมล็ดนี้ต้องได้น้ำที่หลั่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งได้รับโดยอาศัยการอธิษฐาน ?ทำสมาธิ ศึกษาพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ และรับใช้ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ความจริงก็คือการรับใช้ศาสนาเป็นเหมือนคันไถที่พรวนดินที่เมล็ดถูกหว่านลงไป ?จำเป็นต้องมีการพรวนดินเพื่อจะได้ดินที่อุดมและทำให้เมล็ดเติบโตแข็งแรงกว่า
ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (LF 46)