พระปฏิญญา

?แม้ว่าจักรวาลเป็นประดุจร่างกายที่มีเส้นประสาทมากมายนับไม่ถ้วน กระนั้นเส้นเลือดใหญ่ที่ส่งชีพจร และให้พลังทุกสรรพสิ่งคืออานุภาพของพระปฏิญา?1 ?

??????????แม้ว่าเราไม่เคยทราบก็ตาม แต่พระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้าก็ดำรงอยู่ตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งเป็นที่เข้าใจชัดเจนมากขึ้นจากการเปิดเผยพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์ ?และเป็นที่เด่นชัดขึ้น เมื่อพระบาฮาอุลลาห์สถาปนาพระปฏิญญาของพระองค์ โดยการแต่งตั้งพระอับดุลบาฮาให้เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาอย่างไม่เคยมีมาก่อนในศาสนาใดๆ ในอดีต

??????????ในอดีต พระผู้เป็นเจ้าได้ทำสัญญา (ปฏิญญา) กับพระอับราฮัม2 โดยขอให้พระอับราฮัมยอมรับการเป็นศาสนทูต และพระอับราฮัมจะได้เป็นบิดาของชนหลายชาติ และก็เป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้าสัญญาไว้ พระอับราฮัมมีภรรยา 3 คน คือ ซาร่า3 ?ฮากา4 ?และคูตูรา5 ?จากซาร่าได้ให้กำเนิด ไอแซค ยาคอบ และต่อไปจนถึงพระโมเสส ส่วนพระเยซูก็สืบเชื้อสายมาจากซาร่า ไอแซค ยาคอบ เจส เดวิด ฯลฯ และโจเซฟ ภรรยาคนที่สองของพระอับราฮัมคือ ฮากา ได้ให้กำเนิดอิสมาเอล ซึ่งต่อมามารดาและบุตรคู่นี้ได้อพยพไปที่อาราเบีย และให้กำเนิดบุตรหลานผู้สืบสกุลต่อมาจนถึงพระโมฮัมหมัด และอีกหลายชั่วอายุคนต่อมาจนถึงพระบ๊อบ ส่วนบุตรชายที่เกิดจากบุตรชายคนที่สามคือคูตูรา ได้อพยพไปทางตะวันออกคือ เปอร์เซีย และให้กำเนิดบุตรหลานต่อไปจนถึงพระบาฮาอุลลาห์ นอกจากนั้นพระบาฮาอุลลาห์ยังสืบเชื้อสายมาจากซาร่า และเมื่อนับทางฝ่ายบิดา พระบาฮาอุลลาห์ยังสืบเชื้อสายมาจากยาซเดเกิด ผู้เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซอซอนิยอน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากโซราสเตอร์

??????????พระผู้เป็นเจ้าได้ทำตามพระปฏิญญาที่พระองค์สัญญาไว้กับพระอับราฮัมที่ว่า พระอับราฮัมจะได้เป็นบิดาของชนหลายชาติ (เช่น ชนชาติยิว คริสเตียน อาหรับ) โดยให้กำเนิดศาสดา 5 องค์ จากภรรยา 3 คนนั่นคือ?(ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ สืบเชื้อสายมาจากภรรยาทั้งสามคน เพราะมารดาของท่านคือบุตรสาวของพระอับดุลบาฮา และบิดาของท่านสืบเชื้อสายมาจากครอบครัวของพระบ๊อบ)

??????????นอกจากนั้นยังมีพระปฏิญญาที่ศาสดาทุกพระองค์ทำไว้กับศาสนิกชนว่า พระศาสดาองค์ใหม่จะเสด็จมา และเป็นหน้าที่ของศาสนิกชนที่จะยอมรับพระศาสดาองค์นั้น เช่น พระอับราฮัมทำพระปฏิญญาไว้ว่าพระโมเสสจะเสด็จมา ?พระโมเสสสัญญาไว้ว่า พระคริสต์จะเสด็จมา พระโมฮัมหมัดสัญญาไว้ว่าพระบ๊อบจะเสด็จมา พระพุทธเจ้าสัญญาไว้ว่าพระเมตไตรย์จะเสด็จมา และพระศาสดาทุกพระองค์ทำพระปฏิญญากับศาสนิกชนไว้ว่า พระบาฮาอุลลาห์จะเสด็จมา (พระบาฮาอุลลาห์ คือ การเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ คือการเสด็จกลับมาของอิหม่าม ฮุสเซน ของอิสลามชีอะห์ คือชาร์ บาหรอม ของศาสนาโซโรแอสเตรียน คือพระเมตไตรย์ของศาสนาพุทธ คือการเสด็จกลับมาของพระกฤษณะของชาวฮินดู) หากศาสนิกชนทั้งหลายซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญานี้ พวกเขาก็จะได้รับพรตามสัญญาจากพระผู้เป็นเจ้า ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะเกิดผลตรงกันข้าม ดังที่เราเห็นได้จากสถานการณ์ของโลกปัจจุบันที่ตกอยู่ในความวิกฤติและยุ่งยากอย่างใหญ่หลวง เพราะมนุษยชาติส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับพระบาฮาอุลลาห์ นับเป็นการผิดสัญญาต่อพระปฏิญญาที่พระศาสดาทุกพระองค์ในอดีตทำไว้

??????????ในการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์ครั้งล่าสุดนี้ พระบาฮาอุลลาห์ทรงสถาปนาพระปฏิญญารองไว้เป็นพิเศษอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในอดีต ทรงลิขิตคัมภีร์แห่งพระปฏิญญาเป็นการแต่งตั้งพระอับดุลบาฮาให้เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาของพระองค์ และบัญชาให้บาไฮทั้งหลายเชื่อฟังศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญานี้ ซึ่งปัจจุบันตกทอดมาที่สภายุติธรรมแห่งสากล จึงทำให้ศาสนาบาไฮคงความเป็นเอกภาพได้อย่างมั่นคง ไม่แตกออกเป็นนิกาย ในยุคของศาสนาอิสลามก่อนพระโมฮัมหมัดจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงแต่งตั้งอิหม่ามอาลี (เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ และแต่งงานกับลูกสาวของพระองค์คือ ฟาติมีห์) ให้เป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระองค์ การแต่งตั้งนี้กระทำด้วยวาจาต่อหน้าชาวมุสลิมกลุ่มใหญ่ แต่ครั้งนั้น อาบู บาค ผู้เป็นสาวกคนแรกและมีอิทธิพลมากที่สุด ไม่ได้อยู่ในที่ชุมนุม เขาจึงไม่ยอมรับอิหม่ามอาลีและเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกออกเป็นนิกายของศาสนาอิสลาม มุสลิมที่ยอมรับอิหม่ามอาลีได้เป็นนิกายชีอะห์ และรอคอยการเสด็จกลับมาของอิหม่ามที่สามคือ อิหม่ามฮุสเซน ส่วนชาวมุสลิมที่เชื่อฟังอาบู บาค ซึ่งต่อมาเขาได้เป็นพระเจ้ากาหลิบคนแรก ได้กลายเป็นนิกายซุนนี และรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซู ส่วนศาสนาอื่นที่ไม่มีการแต่งตั้งผู้สืบทอดศาสนา ก็แตกออกเป็นนิกายมากมาย

??????????พระปฏิญญาคือแกนของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติ เอกภาพและความสามัคคีของมนุษยชาติจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนเชื่อฟังกฎระเบียบเดียวกัน สาเหตุหนึ่งที่ประชาชนไม่เชื่อฟังกฎระเบียบ เพราะประชาชนไม่ศรัทธาเชื่อถือหรือไม่แน่ใจว่ากฎระเบียบนั้นๆ เป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมหรือยุติธรรมหรือไม่ ยุคนี้พระบาฮาอุลลาห์เสด็จมาบัญญัติกฎและวางระเบียบของโลกให้ใหม่เพื่อความสงบสุขของมวลมนุษย์ทั่วทั้งพิภพ ความซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญานัยหนึ่ง หมายถึง การเชื่อฟังและปฏิบัติตามบัญญัติของพระบาฮาอุลลาห์ และปี พ.ศ. 2535 เป็นการครบรอบหนึ่งร้อยปีของพระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์ สภายุติธรรมแห่งสากลจึงกำหนดให้ ?พระปฏิญญา? เป็นหัวข้อที่บาไฮต้องพยายามศึกษาให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง

น.พ.ธวัชชัย วิสทธิมรรค

สภายุติธรรมแห่งสากล

ศูนย์กลางบาไฮแห่งโลก

25 ธันวาคม 2530

ถึง ธรรมสภาแห่งชาติทุกแห่ง

เพื่อนบาไฮที่รัก

??????????ที่เราแนบมานี้คือ ประมวลธรรมนิพนธ์ชุดใหม่ ?พระปฏิญญา? ซึ่งแผนกค้นคว้าจัดเตรียมให้ตามที่เราขอ

??????????พระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์ ซึ่งจะมีการรำลึกครบรอบ 100 ปี ในปี พ.ศ. 2535 เป็นหัวข้อที่จะต้องตั้งใจศึกษาอยู่เสมอ บรมศาสดาผู้เปิดเผยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าในยุคนี้ ทรงสถาปนาพระปฏิญญาไว้เพื่อกำกับพลังที่ปลดปล่อยมาจากการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์ของพระองค์ โดยมาในรูปของสถาบันที่บาไฮต้องหันมาหาจึงเป็นการรับประกันการนำทางจากสวรรค์อย่างไม่ขาดสายภายหลังปรินิพพานของพระศาสดา

??????????การเข้าใจพระปฏิญาในทุกแง่นั้นสำคัญยิ่งต่อพัฒนาการของศาสนาในเวลานี้ และถูกกำหนดให้เป็นหัวข้อสำคัญในแผนงานหกปี เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประมวลธรรมนิพนธ์นี้ ซึ่งตัดตอนมาจากพระธรรมบางส่วนที่เป็นใจความสำคัญของพระปฏิญญา ไม่เพียงแต่จะช่วยให้บาไฮเข้าใจและรักพระปฏิญญาได้ลึกซึ้งกว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้บาไฮมั่นใจและจงรักภักดีต่อศาสนาและสถาบันของศาสนามากยิ่งขึ้นด้วย และเพื่อจุดประสงค์นี้ ท่านย่อมต้องการให้บาไฮทั้งหลายได้มีประมวลธรรมนิพนธ์นี้ และหากจำเป็นก็ให้แปลฉบับเต็มเป็นภาษาหลักหรือภาษาอื่นที่ใช้ในพื้นที่รับผิดชอบของท่าน หากจำเป็นต้องแปลเป็นภาษาพื้นเมืองที่ใช้กันไม่แพร่หลาย คุณอาจคัดเลือกเพียงบางตอนจากประมวลธรรมนิพนธ์นี้ แล้วแปลเป็นฉบับย่อ

?????????????????? ?ขออำนวยพรมาด้วยความรัก

?????สภายุติธรรมแห่งสากล

สำเนา : พระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า

ศูนย์กลางเผยแพร่นานาชาติ

ท่านที่ปรึกษาศาสนา

พระปฏิญญา

ธันวาคม 2530

เนื้อหารวบรวมโดย

แผนกค้นคว้า

ของสภายุติธรรมแห่งสากล

?…พระปฏิญญาในความหมายทางศาสนา คือข้อตกลงระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์ ซึ่งในข้อตกลงนี้ พระผู้เป็นเจ้าขอให้มนุษย์ประพฤติตนตามที่พระองค์ต้องการแล้วพระองค์จะให้พรเป็นการตอบแทน หรือข้อตกลงที่พระองค์ประทานผลบุญให้มนุษย์เป็นการตอบแทนที่ประพฤติตนตามที่พระองค์ขอ ตัวอย่างเช่น มีพระปฏิญญาหลักที่พระศาสดาทุกพระองค์สัญญาไว้กับศาสนิกชนว่า เมื่อถึงกำหนดเวลา พระศาสดาองค์ใหม่จะถูกส่งมา และขอให้ศาสนิกชนยอมรับพระศาสดาองค์นั้น ยังมีพระปฏิญญารองที่พระศาสดาขอให้ศาสนิกชนยอมรับผู้ที่พระองค์แต่งตั้งให้สืบทอดศาสนา ถ้าพวกเขาปฏิบัติตาม ศาสนาจะคงความเป็นเอกภาพและบริสุทธิ์ ถ้าไม่เช่นนั้นศาสนาจะแตกแยกและสูญเสียพลัง พระปฏิญญาชนิดนี้เองที่พระบาฮาอุลลาห์ทำไว้กับศาสนิชนเกี่ยวกับพระอับดุลบาฮา และพระอับดุลบาฮาให้ระบบบริหารสืบทอดต่อไป…

สภายุติธรรม (23 March 1975)

  • พระปฏิญญา : …ข้อตกลงระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์…
  1. หน้าที่ประการแรกที่พระผู้เป็นเจ้าบัญญัติไว้สำหรับบรรดาคนรับใช้ของพระองค์ คือ การยอมรับบรมศาสดาผู้เป็นอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ และเป็นแหล่งกำเนิดกฎของพระองค์ ผู้เป็นตัวแทนของความเป็นเจ้าทั้งในอาณาจักรธรรมะและสรรพภาวะ ใครที่ยอมรับพระองค์เท่ากับเข้าถึงความดีงามทั้งปวง…เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะบรรลุถึงหน้าที่อันประเสริฐสุดนี้ ที่จะต้องปฏิบัติตามทุกบัญญัติของบรมศาสดาผู้เป็นยอดปรารถนาของโลก หน้าที่สองประการนี้แยกจากกันไม่ได้ และจะไม่เป็นที่ยอมรับหากขาดข้อใดข้อหนึ่ง

บรรดาผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าประสาทธรรมทรรศนะให้ จะยอมรับเลยว่าบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าวางไว้คือ วิธีการสูงสุดสำหรับค้ำจุนระเบียบของโลกและความปลอดภัยของประชาชน…ดูกร มนุษย์ผู้มีปัญญา จงรีบดื่มให้อิ่ม! พวกที่ละเมิดพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้าโดยการฝ่าฝืนบัญญัติของพระองค์และสะบัดหน้าหนี คือผู้หลงผิดอย่างร้ายแรงในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงครอบครองทุกสรรพสิ่ง พระผู้ทรงความสูงส่ง

พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 330-1)

  1. ดังนั้นอย่าให้กิเลสพาเจ้าไป และอย่าได้ละเมิดพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้า หรือผิดสัญญาต่อพระองค์ จงหันมาหาพระองค์ด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่ ?พร้อมกับความรักสุดหัวใจและพลังวาทะทั้งหมดของเจ้า และอย่าเจริญรอยตามผู้ที่โง่เขลา…จงอย่าสลายพันธะที่เชื่อมเจ้าไว้กับพระผู้สร้าง และอย่าเป็นพวกที่หลงผิดและหลงออกไปนอกวิถีธรรมของพระองค์

พระบาฮาอุลลาห์ (GWB 328)

  1. พรสำหรับเจ้านั้นยิ่งใหญ่ เพราะว่าเจ้าซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญาและพินัยกรรมของพระผู้เป็นเจ้า…จงอุทิศตนรับใช้ศาสนาของพระผู้เป็นนายของเจ้า ระลึกถึงพระองค์ด้วยหัวใจ และสรรเสริญพระองค์อย่างที่วิญญาณที่ถือทิฐิและไม่เอาใจใส่ทุกคนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากความหลับไหล

พระบาฮาอุลลาห์ (TB 262)

  1. เจ้าต้องประพฤติตนให้เรืองรองประดุจดวงตะวันท่ามกลางวิญญาณดวงอื่น หากพวกเจ้าคนใดเข้าไปในเมืองหนึ่ง เขาควรเป็นศูนย์กลางดึงดูดหัวใจ ซึ่งเป็นผลมาจากความจริงใจของเขา ความซื่อสัตย์และความรัก ความสุจริตและภักดี มีวาจาสัตย์ และเมตตารักใคร่ต่อประชาชนทั้งปวง เพื่อว่าประชาชนในเมืองนั้นจะร้องออกมาและกล่าวว่า: ?บุคคลนี้ เป็นบาไฮอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะกิริยา ความประพฤติ ศีลธรรม บุคลิกลักษณะ และอุปนิสัยใจคอของเขา สะท้อนคุณธรรมบาไฮ? เมื่อเจ้าบรรลุถึงฐานะนี้ จึงจะกล่าวได้ว่าเจ้าซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญาและพินัยกรรมของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระปฏิญญาระหว่างพระองค์กับเราที่อยู่ในพระธรรมสวรรค์ กำหนดให้เราปฏิบัติตามบัญชาและการชี้แนะจากพระองค์

พระอับดุลบาฮา (SW AB 71)

  • ?…พระปฏิญญาหลักที่พระศาสดาทุกพระองค์สัญญาไว้กับศาสนิกชน…?

แบบแผน

  1. พระผู้เป็นนายแห่งจักรวาลไม่เคยให้พระศาสดาองค์ใดมาจุติหรือประทานคัมภีร์เล่มใดมาให้ นอกเสียจากว่าพระองค์ได้สถาปนาพระปฏิญญาของพระองค์ไว้กับมวลมนุษย์ เป็นการเรียกร้องให้พวกเขายอมรับการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์ครั้งต่อไปพร้อมกับคัมภีร์เล่มใหม่ เนื่องด้วยการหลั่งพระพรของพระองค์นั้นไม่มีสิ้นสุดและไม่มีขีดจำกัด

พระบ๊อบ (SWB 87)

  1. พระอับราฮัม ขอสันติสุขจงมีแด่พระองค์ พระองค์ทรงทำพระปฏิญญาเกี่ยวกับพระโมเสส และให้ข่าวที่น่ายินดีคือ พระโมเสสจะเสด็จมา พระโมเสสทำพระปฏิญญาเกี่ยวกับพระคริสต์ และประกาศข่าวดีว่าพระคริสต์จะเสด็จมายังโลก พระคริสต์ทำพระปฏิญญาเกี่ยวกับพระวิญญาณพาราคลีท และให้ข่าวการเสด็จมาของพระองค์ ?พระโมฮัมหมัดทำพระปฏิญญาเกี่ยวกับพระบ๊อบ และพระบ๊อบคือพระศาสดาที่พระโมฮัมหมัดสัญญาไว้ เพราะพระโมฮัมหมัดให้ข่าวการเสด็จมาของพระองค์ พระบ๊อบทำพระปฏิญญาเกี่ยวกับพระผู้ทรงความงามอันอุดมพร คือ พระบาฮาอุลลาห์ และให้ข่าวที่น่ายินดีเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระองค์ เพราะพระผู้ทรงความงามอันอุดมพร คือ บรมศาสดาที่พระบ๊อบสัญญาไว้ พระบาฮาอุลลาห์ทำพระปฏิญญาเกี่ยวกับพระศาสดาตามพันธะสัญญาที่จะมาจุติหลังจากหนึ่งพันปีหรือหลายพันปี นอกจากนี้พระองค์ยังใช้ปากกาที่ทรงอำนาจที่สุดลิขิตพระปฏิญญาและพินัยกรรมที่ยิ่งใหญ่สำหรับบาไฮทุกคน ซึ่งบัญชาให้บาไฮเชื่อฟังศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาภายหลังปรินิพพานของพระองค์ โดยไม่บิดพลิ้วแม้แต่น้อย

พระอับดุลบาฮา (BWF 35)

การเสด็จมาของพระบาฮาอุลลาห์

  1. ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ยุคนี้คือยุคที่พระองค์ทรงประกาศต่อมวลมนุษยชาติว่า พระองค์จะเปิดเผยตนเองและสาดรัศมีอันเจิดจ้าของพระองค์มายังประชาชนทั้งหมด นอกจากนี้พระองค์ยังทำพระปฏิญญากับพวกเขาในคัมภีร์ สาร และธรรมจารึกของพระองค์ เกี่ยวกับบรมศาสดาผู้เป็นอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ และทรงแต่งตั้งให้คัมภีร์บายันประกาศการมาของพระผู้แสดงธรรมที่ยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ที่สุดองค์นี้ ผู้จะมาปรากฏด้วยความอำไพอันประเสริฐสุด

พระบาฮาอุลลาห์ (PMB 275)

พระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับพระผู้แสดงธรรมองค์ต่อไป

  1. แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าจะให้ ?บรมศาสดาที่พระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ? มาจุติ และหลังจากนั้นจะส่งพระศาสดามาอีกตามที่พระองค์ปรารถนา ดังที่พระองค์ได้ส่งพระศาสดามาก่อนปฐมภูมิของคัมภีร์บายัน ที่จริงแล้วพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

พระบ๊อบ (SWB 144)

  1. ใครก็ตามที่อ้างว่าเป็นผู้เปิดเผยพระธรรมโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้าก่อนหนึ่งพันปีจะผ่านไป แน่ใจได้ว่าผู้นั้นเป็นคนหลอกลวง…หากบุคคลหนึ่งมาปรากฏ…ก่อนหนึงพันปีจะผ่านไป โดยที่แต่ละปีประกอบด้วยสิบสองเดือนตามคัมภีร์โกรอ่าน หรือสิบเก้าเดือนแต่ละเดือนมีสิบเก้าวันตามคัมภีร์บายัน และแม้ว่าบุคคลนั้นจะเปิดเผยเครื่องหมายทุกอย่างของพระผู้เป็นเจ้า ก็จงปฏิเสธเขาอย่างไม่ลังเล!

พระบาฮาอุลลาห์ (WOB 132)

  1. …หลายศตวรรษ…ไม่เพียงเท่านั้น ยุคสมัยจำนวนนับไม่ถ้วนต้องผ่านไปก่อนที่ธรรมาทิตย์จะสาดรัศมีอันเจิดจ้ากลางฤดูร้อนอีกครั้ง ?หรือปรากฏขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรุ่งโรจน์วิภาดาของวสันตฤดู…เกี่ยวกับพระผู้แสดงธรรมทั้งหลายที่จะเสด็จมาในอนาคต ?ภายใต้ร่มเงาของก้อนเมฆ??จงรู้ไว้เถิดว่าเมื่อคำนึงถึงความสัมพันธ์กับแหล่งกำเนิดแรงดลใจของพระผู้แสดงธรรมเหล่านี้ ทุกพระองค์อยู่ภายใต้ร่มเงาของพระผู้ทรงความงามนิรันดร แต่ในความสัมพันธ์กับยุคที่พระผู้แสดงธรรมเหล่านี้จะมาปรากฏ แต่ละพระองค์ ?กระทำตามที่พระองค์ปรารถนา?

พระอับดุลบาฮา (WOB 167)

  • พระปฏิญญารอง: ?…ที่พระบาฮาอุลลาห์ทำไว้กับศาสนิกชนเกี่ยวกับพระอับดุลบาฮา?

การแต่งตั้ง

  1. เป็นหน้าที่ของอัคซอน อัฟนอน และเครือญาติของเรา ที่จะหันไปหากิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จงพิจารณาสิ่งที่เราเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา: ?เมื่อมหาสมุทรแห่งการอยู่ร่วมกับเราไหลกลับไป และคัมภีร์แห่งการเปิดเผยพระธรรมของเราสิ้นสุดลง เจ้าจงหันไปหา ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระประสงค์ไว้ ผู้ซึ่งแตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณ? ผู้ที่บทกลอนศักดิ์สิทธิ์นี้อ้างถึงมิใช่ใครอื่นนอกจากกิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (พระอับดุลบาฮา) ดังนี้เราได้เปิดเผยพระประสงค์อันทรงอำนาจของเราต่อเจ้าด้วยความกรุณา และแท้จริงแล้วเราคือพระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงอานุภาพ

พระบาฮาอุลลาห์ (WOB 134)

  1. ตามพระธรรมที่ชัดเจนในคัมภีร์คีตาบี อัคดัส พระบาฮาอุลลาห์ทรงกำหนดให้ศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาเป็นผู้ตีความพระวจนะของพระองค์ พระปฏิญญานี้มั่นคงและทรงอำนาจอย่างยิ่งตั้งแต่เริ่มต้นของกาลเวลาตราบจนปัจจุบัน ไม่มียุคศาสนาใดเคยสถาปนาไว้อย่างเสมอเหมือน

พระอับดุลบาฮา (WOB 136)

  1. ปัจจุบันนี้ กิจการที่สำคัญที่สุดคือความมั่นคงในพระปฏิญญา เพราะความมั่นคงนี้ปัดเป่าความขัดแย้งพระบาฮาอุลลาห์ทรงทำพระปฏิญญาไว้ว่า พระอับดุลบาฮา คือ ผู้อรรถาธิบายคัมภีร์และเป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญา มิใช่ว่าเรา คือ พระศาสดาตามพันธสัญญาของพระบาฮาอุลลาห์ ผู้ซึ่งจะเสด็จมาหลังจากหนึ่งพันปี นี้คือพระปฏิญญาที่พระบาฮาอุลลาห์ทำไว้ หากบุคคลใดบิดพลิ้ว เขาจะไม่เป็นที่ยอมรับ ณ ธรณีประตูของพระบาฮาอุลลาห์ ในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง ต้องมาปรึกษาพระอับดุลบาฮา ทุกคนต้องคำนึงถึงความยินดีของพระองค์ ภายหลังจากพระอับดุลบาฮา เมื่อมีการจัดตั้งสภายุติธรรมแห่งสากล สภานี้จะปัดเป่าความขัดแย้ง

พระอับดุลบาฮา (SW, Nov 1913 p. 237)

  1. เนื่องด้วยตลอดยุคสมัยในอดีต ได้เกิดความขัดแย้งและแตกแขนงอย่างมหันต์ระหว่างความเชื่อของนิกายต่างๆ ทุกคนที่มีความคิดใหม่ได้อ้างความคิดนั้นไปที่พระผู้เป็นเจ้า ?พระบาฮาอุลลาห์ไม่ต้องการให้มีมูลหรือเหตุผลใดสำหรับความขัดแย้งในหมู่บาไฮ ดังนั้นพระองค์จึงลิขิตคัมภีร์แห่งพระปฏิญญาด้วยปากกาของพระองค์เอง เป็นการตรัสต่อวงศาคณาญาติของพระองค์และประชาชนทั้งปวงบนโลก โดยกล่าวว่า ?แท้จริงแล้วเราได้แต่งตั้งพระผู้เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาของเรา ทุกคนต้องเชื่อฟังพระองค์ ต้องหันไปหาพระองค์ พระองค์คือ ผู้อรรถาธิบายคัมภีร์ของเรา และพระองค์ทราบจุดประสงค์ของเรา ทุกคนต้องหันไปหาพระองค์ อะไรก็ตามที่พระองค์กล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะพระองค์รู้พระธรรมในคัมภีร์ของเราอย่างแท้จริง นอกจากพระองค์แล้วไม่มีใครรู้คัมภีร์ของเรา? จุดประสงค์ของคำแถลงนี้คือ ไม่ควรมีความร้าวฉานและแตกแขนงในหมู่บาไฮ และบาไฮควรสามัคคีและเห็นพ้องกันอยู่เสมอดังนั้น ใครก็ตามที่เชื่อฟังศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาเท่ากับเชื่อฟังพระบาฮาอุลลาห์ และใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังพระองค์เท่ากับไม่เชื่อฟังพระบาฮาอุลลาห์

??????????จงระวัง จงระวัง เพื่อว่าจะไม่มีผู้ใดวางอำนาจด้วยการพูดจากความคิดของตนเองหรือสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา ?จงระวัง จงระวัง ตามพระปฏิญญาที่ชัดเจนของพระบาฮาอุลลาห์ เจ้าไม่ควรสนใจบุคคลดังกล่าว พระบาฮาอุลลาห์ไม่อยากเข้าใกล้วิญญาณดังกล่าว

พระอับดุลบาฮา (PUP 322-23)

  1. ประการแรกและสำคัญที่สุดควรถืออยู่เสมอว่า พระองค์คือศูนย์กลางและหัวใจของพระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์ที่ห้อมล้อมทุกสรรพสิ่งอย่างไม่มีเปรียบปาน คืองานฝีมือที่ประเสริฐสุดของพระองค์ คือกระจกวิมลที่สะท้อนอาภาของพระองค์ คือแบบอย่างที่สมบูรณ์เลิศของคำสอนของพระองค์ คือผู้ตีความวจนะของพระองค์อย่างไม่มีผิดพลาด คือ พรหมกายของอุดมคติบาไฮทุกอย่าง คือ วรกายของคุณธรรมบาไฮทุกประการ คือกิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่งอกออกมาจากรากบรมโบราณ คือสาขาของกฎของพระผู้เป็นเจ้า คือชีวิตที่ ?เป็นศูนย์กลางของนามทั้งปวง? คือพลังสำคัญของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติ คือธงประจำสันติภาพอันยิ่งใหญ่ที่สุด คือ จันทราแห่งสุริยาของยุคศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ เหล่านี้ล้วนเป็นโวหารและ อภิไธยที่แสดงนัยและซ่อนความหมายที่สมจริงและลึกซึ้งที่สุดอยู่ในพระนามอันน่าพิศวง คือ ?อับดุลบาฮา? และที่เหนือกว่าบรรดาศักดิ์เหล่านี้ พระองค์ คือ ?ความลึกลับของพระผู้เป็นเจ้า? ซึ่งเป็นฉายาที่พระบาฮาอุลลาห์ขนานนามให้ และแม้ว่าพระนามนี้มิใช่เหตุผลสำหรับอ้างฐานะของพระองค์ว่าเป็นพระศาสดา ก็บ่งบอกว่าความเป็นมนุษย์ กับปัญญาและความสมบูรณ์ที่เหนือมนุษย์ ซึ่งไปด้วยกันไม่ได้ แต่กลับผสมผสานกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์อยู่ในตัวพระอับดุลบาฮาอย่างไร

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 134)

  1. พระบาฮาอุลลาห์ซึ่งเป็นผู้เปิดเผยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าในยุคนี้ เป็นแหล่งที่มาของอำนาจ เป็นต้นกำเนิดความยุติธรรม เป็นผู้สร้างระบบแห่งโลกใหม่ ผู้สถาปนาสันติภาพอันยิ่งใหญ่ที่สุด ผู้บันดาลใจและก่อตั้งอารยธรรมของโลก ผู้พิพากษา ผู้บัญญัติกฎ ผู้ประสานสามัคคีและผู้ไถ่มนุษยชาติ ผู้ประกาศการมาถึงของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนโลกมนุษย์ ผู้ร่างกฎและบัญญัติ แถลงหลักการและสถาบันต่างๆ ของอาณาจักรนั้น เพื่อจะกำกับพลังที่ปลดปล่อยมาจากการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์ของพระองค์ พระองค์จึงสถาปนาพระปฏิญญาของพระองค์ และอานุภาพของพระปฏิญญานี้ได้อภิรักษ์บูรณภาพของศาสนาของพระองค์ค้ำจุนเอกภาพและผลักดันการขยายศาสนาออกไปทั่วโลกในสมัยของพระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ พระปฏิญญานี้ยังคงให้พลังชีวิตต่อไปโดยปฏิบัติการของสภายุติธรรมแห่งสากล ซึ่งจุดประสงค์ของสภานี้ในฐานะเป็นหนึ่งในสองผู้สืบทอดต่อจากพระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮาคือ รับประกันการหลั่งอำนาจสวรรค์อย่างไม่ขาดสายจากพระผู้เป็นแหล่งกำเนิดศาสนา ปกป้องเอกภาพของบาไฮ ค้ำจุนบูรณภาพและความยืดหยุ่นของคำสอน

สภายุติธรรมแห่งสากล (UHJC 3-4)

ลักษณะพิเศษของพระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์

  1. เกี่ยวกับลักษณะพิเศษสุดของการเปิดเผยพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์ และเป็นคำสอนที่ไม่เคยมีพระศาสดาองค์ใดในอดีตให้ไว้ คือการกำหนดหน้าที่และแต่งตั้งศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญา โดยการแต่งตั้งและข้อกำหนดดังกล่าวนี้ พระองค์ได้ปกป้องและคุ้มครองศาสนาของพระผู้เป็นเจ้ามิให้เกิดความขัดแย้งและแตกแยก ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะสร้างนิกายหรือความเชื่อใหม่

พระอับดุลบาฮา (PUP 455-56)

  1. เพื่อจะกำกับพลังที่ปลดปล่อยมาจากขบวนการสวรรค์นี้ และเพื่อจะรับประกันปฏิบัติการที่กลมกลืนและต่อเนื่องภายหลังปรินิพพานของพระองค์ เครื่องมือที่บัญญัติจากสวรรค์ ประสิทธิ์ประสาทด้วยอำนาจที่โต้แย้งไม่ได้ และสืบเชื้อสายมาจากบรมศาสดาผู้เปิดเผยพระธรรมเอง จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เครื่องมือนี้พระบาฮาอุลลาห์ทรงกำหนดไว้อย่างแน่ชัดคือ สถาบันพระปฏิญญา เป็นสถาบันที่พระองค์สถาปนาไว้อย่างมั่นคงก่อนปรินิพพาน พระปฏิญญาเดียวกันนี้เองที่พระองค์คาดการณ์ไว้ในคัมภีร์คีตาบี อัคดัส และพาดพิงถึงขณะที่พระองค์กล่าวอำลาครั้งสุดท้ายต่อสมาชิกครอบครัวที่พระองค์เรียกมาที่ข้างเตียงในวันท้ายๆ ก่อนปรินิพพาน และทรงรวมเข้าไว้กับเอกสารพิเศษที่พระองค์ให้ชื่อว่า ?คัมภีร์แห่งพระปฏิญญาของเรา? และพระองค์ทรงมอบหมายคัมภีร์นี้ไว้กับบุตรชายคนโตคือพระอับดุลบาฮา ระหว่างที่พระองค์ล้มป่วยครั้งสุดท้าย

ลิขิตโดยพระหัตถ์ของพระองค์เอง…เอกสารที่พิเศษและเป็นประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งพระบาฮาอุลลาห์ให้ชื่อว่า ?ธรรมจารึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? และทรงพาดพิงถึงว่าเป็น ?คัมภีร์คริมซั่น? ใน ??สารถึงลูกสุนัขป่า? เป็นเอกสารที่หาที่เปรียมิได้ในคัมภีร์ของยุคศาสนาทั้งหลายในอดีต รวมทั้งคัมภีร์ของพระบ๊อบเอง เพราะไม่มีตอนไหนในคัมภีร์ใดที่เกี่ยวพันกับระบบศาสนาของโลก แม้แต่ในธรรมนิพนธ์ของผู้ก่อตั้งศาสนาบาบีก็ตาม ที่เราพบว่ามีเอกสารใดที่สถาปนาพระปฏิญญาที่มีอำนาจเปรียบได้กับพระปฏิญญาที่พระบาฮาอุลลาห์สถาปนาด้วยพระองค์เอง

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (GPA 237-38)

  1. แม้ว่าจะมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างยุคศาสนานี้กับยุคศาสนาก่อนๆ เพราะพระบาฮาอุลลาห์ทรงลิขิตว่ายุคนี้คือ ?กลางวันที่จะไม่ตามมาด้วยกลางคืน? พระองค์ทรงให้พระปฏิญญาของพระองค์แก่เรา ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งการนำทางสวรรค์อย่างไม่ขาดสายในโลกนี้ ศาสนาบาไฮมิใช่จะไม่มีคนทะเยอทะยานที่จะกุมอำนาจและบิดเบือนศาสนาไปตามที่ตนต้องการ แต่ในทุกกรณี พวกเขาได้ทำลายตนเองพร้อมกับความหวังของตนเองเพราะอานุภาพของพระปฏิญญา

สภายุติธรรมแห่งสากล (14 January 1979)

  • พระปฏิญญารอง : ?…ที่พระอับดุลบาฮาให้ระบบบริหารสืบทอดต่อไป…?

สองผู้สืบทอดศาสนา

  1. ดูกร มิตรสหายที่รักของเรา หลังจากมรณภาพของพระผู้ถูกประทุษร้ายนี้ อัคซอน (กิ่ง) อัฟนอน (แขนง) ของพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ พระหัตถ์ (เสาหลัก) ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าและบรรดาผู้เป็นที่รักของพระผู้ทรงความงามอับฮา มีหน้าที่หันไปหาท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ผู้เป็นกิ่งอ่อนที่งอกมาจากพฤกษาศักดิ์สิทธิ์สองต้น เป็นผลไม้ที่งอกมาจากการสมัครสมานของสองหน่อจากพฤกษชาติแห่งความวิสุทธิ์ เพราะท่านคือเครื่องหมายของพระผู้เป็นเจ้า คือกิ่งที่ได้รับเลือก คือผู้อภิบาลศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า อัคซอน อัฟนอน พระหัตถ์ศาสนาและผู้เป็นที่รักของพระองค์ทุกคน ต้องหันไปหาท่าน ท่านคือผู้อรรถาธิบายวจนะของพระผู้เป็นเจ้า และผู้ที่จะสืบทอดต่อจากท่านคือบุตรคนแรกของท่าน

พระอับดุลบาฮา (WT 11)

  1. และบัดนี้ เกี่ยวกับสภายุติธรรมแห่งสากลที่พระผู้เป็นเจ้าบัญญัติให้เป็นแหล่งกำเนิดความดีงามทั้งปวงและปราศจากความผิดพลาด สภานี้ต้องได้รับการเลือกตั้งจากการลงคะแนนเสียงอย่างทั่วถึง นั่นคือโดยบาไฮทั้งหลาย สมาชิกของสภานี้ต้องแสดงความกลัวพระผู้เป็นเจ้า และเป็นอรุโณทัยแห่งความรู้ ความเข้าใจ มั่นคงศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และเป็นผู้ปรารถนาดีต่อมวลมนุษยชาติ

พระอับดุลบาฮา (WT 14)

  1. ทุกคนต้องหันไปหาคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และสิ่งใดที่ไม่ได้บันทึกไว้แน่ชัดในคัมภีร์นั้น ต้องเสนอมายังสภายุติธรรมแห่งสากล สิ่งใดก็ตามที่สภานี้ลงมติ ไม่ว่าจะเป็นเอกฉันท์หรือโดยเสียงส่วนใหญ่ นั่นคือสัจธรรมและเจตนาของพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้จริง

พระอับดุลบาฮา (WT 19)

  1. ด้วยวาทะที่เน้นไว้อย่างชัดเจน พระองค์ (พระบาฮาอุลลาห์ และพระอับดุลบาฮา) ยังได้แต่งตั้งสถาบันคู่คือ ศาสนภิบาลและสภายุติธรรมแห่งสากลให้เป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อ ซึ่งถูกกำหนดให้นำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ เผยแพร่กฎ ปกป้องสถาบัน ปรับศาสนาอย่างซื่อสัตย์และหลักแหลมให้เข้ากับความต้องการของสังคมที่ก้าวหน้า และสืบทอดมรดกที่ไม่มีเสื่อมถอยนี้ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามที่ผู้ก่อตั้งศาสนามอบไว้ให้แก่โลก

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 19-20)

  1. ภายใต้พระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้า ในสมัยที่เป็นศาสนภิบาล ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ คือศูนย์อำนาจที่ทุกคนต้องหันไปหา…สถานภาพเดียวกันนี้เป็นของสภายุติธรรมแห่งสากลเมื่อสัมพันธ์กับบาไฮทั้งหลหาย

สภายุติธรรมแห่งสากล (9 November ?1981)

อำนาจ

  1. กิ่งอ่อนที่ศักดิ์สิทธิ์คือท่านศาสนภิบาลของพระผู้เป็นเจ้า และสภายุติธรรมแห่งสากลที่จะสถาปนาโดยการเลือกตั้งอย่างเป็นสากล ต่างก็อยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของพระผู้ทรงความงามอับฮา ภายใต้กำบังและการนำทางที่ไม่มีผิดพลาดของพระศาสดาผู้ประเสริฐ (ขอให้ชีวิตของเราสละเพื่อทั้งสองพระองค์) อะไรก็ตามที่พวกเขาตัดสินเป็นสิ่งที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ใครที่ไม่เชื่อฟังพวกเขาเท่ากับไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า ใครที่ประท้วงพวกเขาเท่ากับประท้วงพระผู้เป็นเจ้าใครที่ต่อต้านท่านศาสนภิบาลเท่ากับต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า ใครที่โต้เถียงสภายุติธรรมแห่งสากลเท่ากับโต้เถียงพระผู้เป็นเจ้า ใครที่แย้งท่านศาสนภิบาลเท่ากับแย้งพระผู้เป็นเจ้า ใครที่ปฏิเสธท่านก็เท่ากับปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าใครที่ไม่เชื่อท่านเท่ากับไม่เชื่อพระผู้เป็นเจ้า ใครที่ปลีกตัวหนีไปจากท่าน ที่จริงแล้วได้ปลีกตัวหนีไปจากพระผู้เป็นเจ้า

พระอับดุลบาฮา (WT 11)

  1. …เป็นที่ประจักษ์และชัดเจนอย่างไม่มีข้อสงสัยว่า ท่านศาสนภิบาลถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ตีความหมายของพระวจนะ และสภายุติธรรมแห่งสากลได้รับอำนาจในการออกกฎเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่มิได้เปิดเผยไว้ชัดเจนในพระธรรมคำสอน การตีความของท่านศาสนภิบาลซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายในขอบเขตของตนมีอำนาจผูกมัดเช่นเดียวกับการออกกฎของสภายุติธรรมแห่งสากล ผู้ซึ่งมีสิทธิพิเศษเพียงผู้เดียวในการประกาศคำตัดสินสุดท้ายเกี่ยวกับกฎและบัญญัติที่พระบาฮาอุลลาห์มิได้เปิดเผยไว้ชัดเจน ทั้งคู่ไม่สามารถก้าวก่ายขอบเขตอันศักดิ์สิทธิ์ของกันและกัน จะไม่ลดทอนอำนาจของกันและกันตามที่กำหนดไว้อย่างแน่ชัด ซึ่งต่างก็ได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากสวรรค์

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 149-50)

  1. ในการบริหารกิจการของศาสนา ในการออกกฎหมายที่จำเป็นเพื่อเสริมกับกฎในคัมภีร์คีตาบี อัคดัส ควรระลึกไว้ตามที่วจนะของพระบาฮาอุลลาห์แสดงนัยอย่างชัดเจนว่า สมาชิกสภายุติธรรมแห่งสากลไม่ขึ้นกับบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นตัวแทนอยู่ พวกเขาไม่ถูกควบคุมด้วยความรู้สึกความคิดเห็นทั่วไป และแม้แต่ความเชื่อมั่นของมวลชนผู้ซื่อสัตย์หรือบรรดาผู้ที่เลือกพวกเขาขึ้นมาโดยตรง พวกเขาต้องปฏิบัติตามที่มโนธรรมสั่งการด้วยการอธิษฐาน แท้จริงแล้วพวกเขาต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพการณ์ในชุมชน ต้องชั่งใจอย่างเที่ยงธรรมต่อความถูกผิดของเรื่องต่างๆ ที่เสนอมาเพื่อพิจารณา แต่ต้องรักษาสิทธิ์ของพวกเขาเองในการตัดสินใจอย่างอิสระ ?แท้จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะดลใจพวกเขาในสิ่งที่พระองค์ปรารถนา? คือคำรับประกันที่โต้แย้งไม่ได้ของพระบาฮาอุลลาห์ ด้วยประการฉะนี้ สมาชิกสภายุติธรรมแห่งสากล มิใช่บรรดาผู้ที่เลือกตั้งพวกเขาโดยตรงหรือโดยทางอ้อม คือผู้รับการนำทางจากสวรรค์ ซึ่งในเวลาเดียวกันเป็นโลหิตแห่งชีวิต และเป็นผู้คุ้มครองสุดท้ายของการเปิดเผยศาสนานี้

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 153)

อสัญกรรมของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ

  1. เมื่อครั้งอสัญกรรมของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ที่รักยิ่งของเราเป็นที่ประจักษ์จากสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่แน่ชัดในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์1 ว่า เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะแต่งตั้งผู้สืบทอดต่อตามข้อกำหนดในพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา

สภายุติธรรมแห่งสากล (WG 44)

1 : ท่านโชกิ เอฟเฟนดิไม่มีลูก และอัคซอนที่มีชีวิตอยู่ทุกคนได้ละเมิดพระปฏิญญา

  1. หลังจากอธิษฐานและศึกษาพระธรรมศักดิ์สิทธิ์อย่างรอบคอบเกี่ยวกับปัญหาผู้สืบทอดศาสนาต่อจากท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้เป็นผู้อภิบาลศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า และหลังจากปรึกษาหารือกันยาวนานรวมทั้งพิจารณาทรรศนะของพระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าที่อาศัยอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สภายุติธรรมแห่งสากลพบว่าไม่มีทางที่จะแต่งตั้ง หรือออกกฎให้มีการแต่งตั้งศาสนภิบาลคนที่สองให้สืบทอดต่อจากท่านโชกิ เอฟเฟนดิได้

สภายุติธรรมแห่งสากล (WG 11)

สภายุติธรรมแห่งสากล

  1. พระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์นั้นไม่มีขาดตอน อานุภาพของพระปฏิญญาที่ห้อมล้อมทุกสรรพสิ่งนั้นละเมิดไม่ได้ สองลักษณะพิเศษของพระปฏิญญานี้ที่ต่างจากพระปฏิญญาทั้งหมดในอดีต ยังคงมีอิทธิพลอยู่และไม่เปลี่ยนแปลง พระธรรมต้นฉบับดั้งเดิม ซึ่งตีความโดยพระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ผู้ได้รับการนำทางจากสวรรค์ ยังคงอยู่ไม่ผันแปร ไม่ถูกมนุษย์ปั้นแต่งให้เป็นความเชื่อใหม่ๆ อนุมานหรือตีความโดยพลการ การนำทางจากพระผู้เป็นเจ้าซึ่งช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในกิจการทั้งหมดของมนุษยชาติ หลั่งไหลมาทางสถาบันที่พระบาฮาอุลลาห์ก่อตั้งและประสาทด้วยอำนาจสูงสุดและการนำทางอย่างไม่ขาดสาย และพระอับดุลบาฮาทรงลิขิตไว้ว่า ?ทุกเรื่องต้องเสนอมายังสถาบันนี้? เราเห็นสัจธรรมได้ชัดเจนเพียงไรเมื่อพระบาฮาอุลลาห์ยืนยันว่า ?พระหัตถ์ที่ทรงอำนาจได้สถาปนาศาสนาของพระองค์ไว้บนฐานที่มั่นคง พายุแห่งการวิวาทของมนุษย์ไม่สามารถบ่อนทำลายรากฐาน และทฤษฎีที่เพ้อฝันของมนุษย์ไม่สามารถทำลายโครงสร้างของศาสนานี้?

สภายุติธรรมแห่งสากล (WG 13)

  1. สภายุติธรรมแห่งสากล ซึ่งท่านศาสนภิบาลกล่าวไว้ว่าชนรุ่นหลังจะถือว่าเป็น ?ที่พึ่งสุดท้ายสำหรับอารยธรรมที่จวนจะพังทลาย? ในขณะนี้ไม่มีท่านศาสนภิบาลแล้ว จึงเป็นสถาบันเดียวในโลกที่ได้รับการนำทางอย่างไม่มีผิดพลาดที่ทุกคนต้องหันไปหา และมีความรับผิดชอบในการรับประกันเอกภาพและความก้าวหน้าของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าตามที่พระวจนะระบุไว้

สภายุติธรรมแห่งสากล (WG 90)

  1. ความไม่ผิดพลาดของสภายุติธรรมแห่งสากล ซึ่งปฏิบัติการภายในขอบเขตที่ถูกกำหนดไว้ ไม่ขึ้นอยู่กับการมีท่านศาสนภิบาลเป็นสมาชิกอยู่ด้วย…

??????????อย่างไรก็ตาม นอกจากหน้าที่ในฐานะที่เป็นสมาชิกและเป็นหัวหน้าของสภายุติธรรมแห่งสากล ท่านศาสนภิบาลเมื่อปฏิบัติหน้าที่ภายในขอบเขตของท่าน มีสิทธิและหน้าที่ในการ ?นิยามขอบเขตของการออกกฎ? ของสภายุติธรรมแห่งสากล กล่าวคือ ท่านมีอำนาจในการระบุว่า เรื่องใดมีอยู่แล้วหรือไม่มีในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์ และอยู่ในอำนาจของสภายุติธรรมแห่งสากลหรือไม่ที่จะออกกฎเกี่ยวกับเรื่องนั้น

??????????ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า : เมื่อไม่มีท่านศาสนภิบาล สภายุติธรรมแห่งสากลอาจจะหลงออกไปนอกขอบเขตของตนและกระทำผิดพลาดได้หรือไม่ ณ ที่นี้เราต้องระลึกถึงสามสิ่ง

  1. ระหว่าง 36 ปี ของการเป็นศาสนภิบาล ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้ให้คำนิยามไว้นับไม่ถ้วนเกี่ยวกับขอบเขตดังกล่าวของสภายุติธรรมแห่งสากล เป็นการเพิ่มเติมคำนิยามที่พระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮาให้ไว้ ดังที่ประกาศต่อบาไฮทั้งหลายแล้ว สภายุติธรรมแห่งสากลจะไม่ออกกฎเกี่ยวกับเรื่องใดก่อนที่จะศึกษาธรรมนิพนธ์และการตีความเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างรอบคอบเสียก่อน
  2. สภายุติธรรมแห่งสากลซึ่งมั่นใจในการนำทางจากพระผู้เป็นเจ้า ตระหนักดีถึงการไม่มีท่านศาสนภิบาลอยู่ด้วย และจะลงมือในเรื่องการออกกฎก็ต่อเมื่อแน่ใจในขอบเขตรับผิดชอบของตน เป็นขอบเขตที่ท่านศาสนภิบาลได้อธิบายไว้อย่างมั่นใจว่า ?นิยามไว้ชัดเจน?
  3. เราต้องไม่ลืมคำแถลงของท่านศาสนภิบาลเกี่ยวกับสองสถาบันนี้ว่า : ?ทั้งคู่ไม่สามารถก้าวก่ายขอบเขตอันศักดิ์สิทธิ์ของกันและกัน?

สภายุติธรรมแห่งสากล (WG 82-4)

  1. นอกเหนือจากหน้าที่ของการเป็นผู้ออกกฎ สภายุติธรรมแห่งสากลยังได้รับมอบหน้าที่ทั่วไปในการปกป้องและบริหารศาสนา ไขปัญหาที่ไม่กระจ่าง และตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง

สภายุติธรรมแห่งสากล (7 December 1969)

  1. ตามถ้อยคำของท่านศาสนภิบาล สภายุติธรรมแห่งสากล ?ได้รับสิทธิเพียงผู้เดียวในการออกกฎเกี่ยวกับเรื่องที่มิได้เปิดเผยไว้ชัดเจนในธรรมนิพนธ์บาไฮ? คำประกาศของสภายุติธรรมแห่งสากล ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้โดยสภายุติธรรมแห่งสากลเอง จะช่วยเสริมและประยุกต์ใช้กฎของพระผู้เป็นเจ้า แม้ว่าไม่ได้รับมอบหน้าที่ในการตีความ สภายุติธรรมแห่งสากลก็อยู่ในฐานะที่สามารถทำทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อสถาปนาระบบแห่งโลกของพระบาฮาอุลลาห์บนพิภพนี้ เอกภาพของคำสอนคงอยู่ได้ เพราะมีพระธรรมต้นฉบับในคัมภีร์ การตีความของพระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ อีกทั้งข้อห้ามโดยเด็ดขาดมิให้อ้างการตีความของตนว่า ?เชื่อถือได้? หรือ ?ได้รับการดลใจ? หรือก้าวก่ายหน้าที่ของท่านศาสนภิบาล เอกภาพของระบบบริหารคงอยู่ได้โดยอำนาจของสภายุติธรรมแห่งสากล

สภายุติธรรมแห่งสากล (9 March 1965)

  1. ในศาสนาบาไฮมีศูนย์กลางอำนาจสองแห่งที่บาไฮต้องหันไปหา เพราะว่าในความจริงแล้ว ผู้ตีความพระวจนะก็คือ สาขาที่แตกมาจากศูนย์กลางนั้น นั่นคือพระวจนะเอง คัมภีย์คือบันทึกวจนะของพระบาฮาอุลลาห์และผู้ตีความที่ดีรับแรงดลใจจากสวรรค์ คือกระบอกเสียงของคัมภีร์ พระองค์เท่านั้นที่มีอำนาจยืนยันว่าคัมภีร์หมายความว่าอะไร ดังนั้น ศูนย์กลางหนึ่งคือคัมภีร์กับผู้ตีความ อีกศูนย์กลางหนึ่งคือสภายุติธรรมแห่งสากลที่พระผู้เป็นเจ้าคอยนำทางให้ตัดสินเกี่ยวกับเรื่องที่มิได้เปิดเผยไว้ชัดเจนในคัมภีร์ แบบแผนของศูนย์กลางและความสัมพันธ์ระหว่างศูนย์กลางนี้ปรากฎชัดเจนในทุกระยะของพัฒนาการของศาสนา ในคัมภีร์คีตาบี อัคดัส พระบาฮาอุลลาห์ทรงบอกว่า ภายหลังปรินิพพานของพระองค์ ให้บาไฮหันไปหาคัมภีร์และ ?ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระประสงค์ไว้ ผู้ซึ่งแตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณนี้? ในคีตาบี อัคห์ (คัมภีร์แห่งพระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์) พระองค์กล่าวไว้ชัดเจนว่าการพาดพิงนี้หมายถึงพระอับดุลบาฮา ในคัมภีร์คีตาบี อัคดัส พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญญัติสถาบันสภายุติธรรมแห่งสากล และทรงประสาทสถาบันนี้ด้วยอำนาจที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้ ในพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา พระองค์ทรงสถาปนาศาสนภิบาลไว้อย่างแน่ชัด ซึ่งท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวว่า วจนะในคัมภีร์คีตาบี อัคดัส คาดการณ์ศาสนภิบาลนี้ไว้ชัดเจน พระอับดุลบาฮาทรงชี้แจงและยืนยันอำนาจของสภายุติธรรมแห่งสากล และให้บาไฮหันไปหาคัมภีร์เช่นกัน : ?ทุกคนต้องหันไปหาคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และสิ่งใดที่ไม่ได้บันทึกไว้แน่ชัดในคัมภีร์นั้นต้องเสนอมายังสภายุติธรรมแห่งสากล? และในตอนจบของพินัยกรรม พระองค์กล่าวว่า : ?ทุกคนต้องแสวงหาการนำทางจากศูนย์กลางของศาสนาและสภายุติธรรมแห่งสากล ผู้ที่หันไปหาสิ่งอื่นที่จริงแล้วเขาหลงผิดอย่างร้ายแรง?

สภายุติธรรมแห่งสากล (7 December 1969)

  • การตอบสนองพระปฏิญญารับรองว่า ?…ศาสนาจะคงความเป็นเอกภาพและบริสุทธิ์?
  1. อานุภาพของพระปฏิญญาจะคุ้มครองศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ให้ปลอดภัยจากข้อกังขาของประชาชนที่หลงผิด อานุภาพนี้คือ ปราการที่แข็งแกร่งและเสาหลักที่มั่นคงของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ปัจจุบันนี้ไม่มีอานุภาพใดสามารถอนุรักษ์ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของโลกบาไฮ นอกจากพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้า หาไม่แล้วความขัดแย้งประดุจมรสุมจะรุมล้อมโลกบาไฮ เป็นที่ประจักษ์ว่าแกนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติคืออานุภาพของพระปฏิญญาและไม่มีสิ่งอื่นใดอีก…ดังนั้นในตอนเริ่มต้น บาไฮต้องมั่นคงในพระปฏิญญา เพื่อว่าอำนาจของพระบาฮาอุลลาห์จะห้อมล้อมพวกเขาอยู่รอบด้าน และหมู่เทวินทร์จะค้ำจุนและช่วยเหลือพวกเขา และคำแนะนำของพระอับดุลบาฮาซึ่งเป็นเสมือนภาพที่สลักไว้บนศิลา จะคงอยู่ในจารึกของหัวใจทุกดวงอย่างถาวรไม่รู้เลือน

พระอับดุลบาฮา (TDP 49)

  1. ดังนั้นจงก้าวไปด้วยความั่นใจ และเผยแพร่สุคนธรสสวรรค์ สรรเสริญพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า และมั่นคงในพระปฏิญญา เจ้าจงวางใจว่าหากวิญญาณดวงหนึ่งลุกขึ้นอย่างพากเพียรที่สุด เปล่งเสียงเรียกจากอาณาจักรสวรรค์ และมุ่งมั่นเผยแพร่พระปฏิญญา หากเขาเป็นมดตัวน้อย เขาก็จะได้รับอำนาจจนสามารถขับไล่ช้างที่น่าสะพรึงกลัวให้ออกไปนอกสมรภูมิ และหากเขาเป็นแมลงเม่าที่ปวกเปียก เขาก็จะตัดขนของแร้งตะกละออกเป็นเสี่ยงๆ

พระอับดุลบาฮา (SW AB 209)

  1. ความก้าวหน้าของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าสะสมพลังขับเคลื่อนทวีมากขึ้น และเรารอคอยด้วยความมั่นใจได้ว่า วันนั้นจะมาถึงตามเวลาที่เหมาะสมของพระผู้เป็นเจ้า คือวันที่ชุมชนบาไฮจะได้ผ่านขั้นตอนต่างๆ ตามที่ผู้อภิบาลกำหนดไว้ และจะได้ก่อคฤหาสถ์ที่งดงามในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนพิภพที่ทรมานนี้ ซึ่งมนุษยชาติจะได้สิ้นสุดความสับสน โกลาหล และความพินาศที่ตนเองเป็นผู้ก่อ ความเกลียดชังและความรุนแรงในเวลานี้จะเปลี่ยนไปเป็นสำนึกในภราดรภาพและสันติภาพตลอดไป ทั้งหมดนี้จะสัมฤทธิ์ผลภายในพระปฏิญญาของพระบิดาผู้ทรงอนันต์ พระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์

สภายุติธรรมแห่งสากล (Ridvan 1973)

  1. บาไฮต้องเชื่อมั่นว่าศาสนาอยู่ในมือของพระผู้เป็นเจ้าอย่างปลอดภัย พระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์ไม่มีเสื่อม เชื่อมั่นในความสามารถของสภายุติธรรมแห่งสากลที่จะปฏิบัติหน้าที่ ?ภายใต้การคุ้มครองดูแลของพระผู้ทรงความงามอับฮา ภายใต้กำบังและการนำทางที่ไม่มีผิดพลาดของศาสดาผู้ประเสริฐ?

สภายุติธรรมแห่งสากล (28 May 1975)

  • อานุภาพของพระปฏิญญา
  1. ปัจจุบันพลังชีพจรในเส้นเลือดของพิภพคือพลังของพระปฏิญญา ซึ่งเป็นพลังที่เป็นเหตุแห่งชีวิต ใครก็ตามที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังนี้ ความสดชื่นและความสุนทรของชีวิตจะปรากฏชัดในตัวเขา เขาได้รับชีวิตใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เกิดใหม่อีกครั้ง และเป็นอิสระจากการกดขี่ ความประมาทและความหยาบที่บั่นทอนวิญญาณ และเข้าถึงชีวิตนิรันดร์

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าที่เจ้ามั่นคงในพรปฏิญญาและพินัยกรรม และกำลังหันไปหาธรรมาทิตย์ของโลก คือพระบาฮาอุลลาห์

พระอับดุลบาฮา (SW, October 1923, n. 225)

  1. เป็นที่ชัดเจนไร้ข้อกังขา…ว่าแกนของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติมิใช่อื่นใดนอกจากอานุภาพของพระปฏิญญา

อานุภาพของพระปฏิญญาเป็นประดุจความร้อนของดวงอาทิตย์ที่กระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการของทุกสรรพสิ่งบนโลก ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของพระปฏิญญาคือผู้อบรมปัญญา ดวงจิต หัวใจและวิญญาณของมนุษย์

พระอับดุลบาฮา (GPB 238, 239)

  1. ปัจจุบันนี้พระผู้เป็นนายแห่งกองทัพสวรรค์คือผู้ปกป้องพระปฏิญญา อำนาจของอาณาจักรสวรรค์คุ้มครองพระปฏิญญา ดวงวิญญาณของเทพเทวัญเสนอการรับใช้ และเทพธิดาบนสวรรค์ประกาศและแพร่กระจายพระปฏิญญาไปทั่วสารทิศ หากพิจารณาด้วยธรรมทรรศนะ จะเห็นได้ว่าเมื่อวิเคราะห์ถึงขั้นสุดท้าย พลังทั้งหมดในจักรวาลหนุนพระปฏิญญา

พระอับดุลบาฮา (SW AB 228)

  1. ไม่มีอานุภาพใดสามารถขจัดความเข้าใจผิด นอกจากอานุภาพของพระปฏิญญา อานุภาพของพระปฏิญญาห้อมล้อมทุกสรรพสิ่ง แก้ไขความยุ่งยาก เพราะปากกาแห่งความรุ่งโรจน์ประกาศไว้ชัดเจนว่า ความเข้าใจผิดอะไรก็ตามที่อาจเกิดขึ้น ควรเสนอมายังศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญา

พระอับดุลบาฮา (Recent Translation)

  1. หากมิใช่เพราะอานุภาพคุ้มครองของพระปฏิญญาที่ปกป้องปราการศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ภายในวันเดียวจะเกิดนิกายนับพันในหมู่บาไฮดังที่เกิดขึ้นในยุคก่อนๆ แต่ในยุคศาสนาที่ได้รับพรพิเศษนี้ เพื่อเห็นแก่สถาพรภาพของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อหลีกเลี่ยงการพิพาทใน

    หมู่ประชาชนของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความงามอันอุดมพรจึงใช้ปากกาที่ทรงอำนาจที่สุดลิขิตพระปฏิญญาและพินัยกรรม

พระอับดุลบาฮา (BWF 357-58)

  1. ออกเรือด้วยปฏิบัติการเหล่านี้2 ฝ่าทะเลคลื่นที่ทรมานอย่างไม่มีสิ้นสุด นำร่องโดยอำนาจของพระอับดุลบาฮา มีความริเริ่มอย่างกล้าหาญและพลังชีวิตอันล้นพ้นของเหล่าสาวกที่ถูกทดสอบอย่างสาหัสเป็นลูกเรือ เรือแห่งความรอดพ้นของพระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์ เริ่มตั้งแต่วันเหล่านั้นได้แล่นไปตามวิถีอย่างสม่ำเสมอ ไม่สะทกสะท้านเคราะห์ร้ายอันขมขื่นที่โหมกระหน่ำมาประดุจมรสุม และยังคงจะโหมกระหน่ำต่อไป เมื่อพระปฏิญญานี้คืบหน้าไปสู่ที่พักพิงที่สงบสุขและปลอดภัยตามพันธสัญญา

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (WOB 84)

2 : เหตุการณ์นี้สัมพันธ์กับการแนะนำศาสนาในประเทศตะวันตก

  1. พระปฏิญญา คือ ?แกนของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติ? เพราะพระปฏิญญาอภิรักษ์เอกภาพและบูรณภาพของศาสนา และคุ้มครองศาสนามิให้แตกแยกโดยบุคคลที่มั่นใจว่าความเข้าใจของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นชะตาที่บังเกิดกับศาสนาทั้งปวงในอดีต นอกจากนี้ พระปฏิญญายังฝังตรึงอยู่ในธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์เอง ดังนั้น ดังที่คุณเห็นได้ชัดเจน การยอมรับพระบาฮาอุลลาห์ต้องยอมรับพระปฏิญญาของพระองค์ การปฏิเสธพระปฏิญญาของพระองค์เท่ากับปฏิเสธพระองค์

สภายุติธรรมแห่งสากล (3 January 1982)