สภายุติธรรมแห่งสากล
ศูนย์กลางศาสนาบาไฮแห่งโลก
สำนักเลขาธิการ วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2522
ถึง ธรรมสภาบาไฮแห่งชาติทุกแห่ง
เพื่อนบาไฮศาสนิกชนที่รัก
การจัดหาและการเผยแพร่หนังสือเกี่ยวกับศาสนาบาไฮ เพื่อให้มีจำนวนเพียงพอสำหรับผู้อ่านเป็นโครงการหนึ่งในหลายๆ โครงการของแผนงานเจ็ดปี สภายุติธรรมแห่งสากลได้พิจารณาแผนงานนี้แล้ว จึงได้ขอให้เราถ่ายทอดความคิดเห็นมายังท่านทั้งหลาย
สภายุติธรรมแห่งสากลหวังว่าธรรมสภาบาไฮแห่งชาติทุกแห่งจะจัดพิมพ์พระธรรมบางบทของพระบาฮาอุลลาห์ พระบ๊อบ และพระอับดุลบาฮา ให้บาไฮศาสนิกชนในประเทศของตนได้มีโอกาสใช้ศึกษา ดังมีธรรมลิขิตว่า ศาสนิกชนแห่งพระนามอันยิ่งใหญ่นี้ควรจะได้ท่องพระธรรมทุกวัน หากบาไฮศาสนิกชนจำนวนนับหมื่นแสนคนไม่มีพระธรรมเหล่านี้ในภาษาที่ตนเองเข้าใจแล้ว เขาจะเจริญภาวนาพระธรรมทุกวันได้อย่างไร เมื่อหัวใจของบาไฮศาสนิกชนเปิดรับคำสั่งสอนอันบริสุทธิ์เหล่านี้ ชุมชนบาไฮจะมั่นคงและแข็งแรงขึ้น
โดยหลักการนี้ สภายุติธรรมแห่งสากลจึงได้ขอให้คณะกรรมการเผยแพร่ศาสนานานาชาติจัดเตรียมประมวลพระธรรมบางบทที่จัดพิมพ์ไว้ พระธรรมเหล่านี้ลิขิตขึ้นโดยพระผู้เป็นศูนย์กลางของศาสนา มีเนื้อหากว้างขวางง่ายแก่การเข้าใจ ผู้อ่านจะได้รับแรงบันดาลใจ เพิ่มพูนความศรัทธาและความเข้าใจ
ทางคณะกรรมการได้รวบรวมประมวลพระธรรมดังกล่าวไว้แล้วและจะแยกส่งให้ท่านทางไปรษณีย์อากาศ ขอท่านโปรดเข้าใจว่าสภายุติธรรมแห่งสากลเพียงแต่เสนอแนะเพื่อท่านจะพิจารณานำไปใช้ มิได้หมายความว่าจะให้ท่านนำไปใช้แทนพระธรรมที่ท่านอาจจะเตรียมไว้ใช้ก่อนหน้านี้แล้ว เป็นเพียงตัวอย่างที่ท่านสามารถถือเป็นแนวทางในการจัดเตรียมหนังสือบาไฮซึ่งเป็นงานด้านสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงขอให้ท่านพิจารณาเลือกแปล มากหรือน้อยย่อมแล้วแต่ความต้องการ ท่านอาจจะเพิ่มเติมบทอื่นๆ ที่เห็นว่าเหมาะสมสำหรับศาสนิกชนในท้องถิ่นของท่าน นำมาใช้ประกอบพร้อมกันกับบทที่เสนอให้นี้ก็ได้ โปรดพิมพ์และจัดจำหน่ายแก่เพื่อนศาสนิกชนในราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะกำหนดได้โดยด่วน
สภายุติธรรมแห่งสากลหวังว่า ศาสนิกชนผู้รับใช้ศาสนาในทุกดินแดนจะได้ศึกษาพระธรรมลิขิตของพระผู้เป็นศูนย์กลางของศาสนามากขึ้น หวังว่าเพื่อนทั้งหลายจะซาบซึ้งในพระวจนะอันทรงความศักดิ์สิทธิ์และเกิดความบันดาลใจให้อนุภาพของพระธรรมอันทรงศีลประเสริฐนี้ชักพาวิถีชีวิต และนำทางผู้ที่อุทิศตนรับใช้ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า
ด้วยความรักและปรารถนาดี
สำนักเลขาธิการ
สำเนาส่ง: ศูนย์กลางเผยแพร่ศาสนานานาชาติ
ที่ปรึกษาศาสนา
สำนักพิมพ์บาไฮ
ประมวลพระธรรมบางบทของ
พระอับดุลบาฮา
(1) ดูกร ปวงประชาชาวโลก ดวงตะวันแห่งสัจธรรมได้รุ่งขึ้นมาฉายให้แก่ผืนพิภพ สาดรัศมีมาชำระล้างจิตวิญญาณของมนุษย์โดยทั่วถึงกันแล้ว ดอกผลอันบังเกิดจากแสงสูรย์นี้น่าสรรเสริญยิ่ง พยานหลักฐานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นผลสืบเนื่องมา จากพระเมตตานี้มีปรากฏให้เห็นนานัปการ ปรากฏการณ์เหล่านี้คือความเมตตาอันพิสุทธิ์ เป็นความกรุณาอันเที่ยงแท้ เป็นดวงประทีปแก่พิภพและปวงประชาชาวโลก เป็นความสมัครสมานและไมตรีจิตมิตรภาพ เป็นความรักใคร่กลมเกลียว เป็นความเมตตารักใคร่และความสามัคคีกันอย่างแท้จริง เป็นการสิ้นสุดลงซึ่งความแปลกหน้าและการที่ทุกคนในโลกนี้มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสมฐานะ ถึงพร้อมด้วยเสรีภาพ
พระผู้ทรงความงามอันอุดมพรได้ทรงตรัสไว้ว่า ?เจ้าทั้งหลายคือผลไม้ที่ผลิออกจากต้นเดียวกัน เป็นใบไม้บนกิ่งเดียวกัน ?พระองค์ทรงเทียบให้เราเห็นว่า โลกเรานี้เปรียบประดุจดังพฤกษาโดดเดี่ยวต้นหนึ่ง มนุษย์ชาติทั้งหลายเป็นทั้งใบ ดอก และผลของต้นพฤกษชาติต้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่กิ่งก้านต้องสะพรั่งด้วยดอก ใบและผลต้องงอกงาม ดอก ใบ จะเจริญเติบโตได้ปานใด หรือผลจะหวานเพียงไหนนั้นขึ้นอยู่กับการเชื่อมประสานทุกส่วนของพฤกษาแห่งโลกต้นนี้
ด้วยประการฉะนี้ จึงจำเป็นที่มวลมนุษย์ชาติจะต้องอุปถัมภ์ค้ำจุนซึ่งกันและกันอย่างขันแข็ง มุ่งมั่นเสาะแสวงหาชีวิตอันเป็นนิรันดร และด้วยเหตุผลประการเดียวกันนี้อีกเช่นกันที่ศาสนิกชนในโลกอันผันแปรนี้กลับกลายเป็นความเมตตา เป็นพระพรที่ถูกส่งลงมาจากอาณาจักรแห่งรูปธรรมและนามธรรม ขอให้ศาสนิกชนเหล่านั้นจงชำระล้างสายตาให้บริสุทธิ์ ให้มีทัศนคติว่า ?มวลมนุษย์ทั้งหลายนี้เปรียบเสมือนใบ ดอกและผลของต้นไม้แห่งการดำรงอยู่ ?ขอให้ทุกคนจงสนใจประกอบกุศลกรรมต่อเพื่อนมนุษย์ ให้ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลแก่กัน สำนึกเช่นนี้ควรมีทุกลมหายใจเข้าออก จงอย่าเห็นใครเป็นศัตรู อย่ามุ่งร้ายใคร ขอให้คิดว่ามวลมนุษย์นั้นคือเพื่อนของเรา ให้คำนึงว่าคนต่างถิ่นคือมิตร คนแปลกหน้าคือสหาย จงละวางอคติ อย่าตั้งข้อจำกัดใดๆ
ในยุคนี้ คนที่เป็นที่โปรดปราน ณ เบื้องที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า ได้แก่ผู้ที่ส่งถ้วยแห่งความซื่อสัตย์ผ่านไปให้คนอื่นอย่างทั่วถึง ผู้ที่มอบมณีรัตน์แห่งความเมตตาให้แก่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรู ผู้ที่ยื่นมือช่วยเหลือปรปักษ์ที่พลาดพลั้งตกต่ำลง ผู้ที่เป็นปิยมิตรกับศัตรูคู่อาฆาต เหล่านี้ คือคำสอนของพระผู้ทรงอุดมพร เป็นคำแนะนำของพระผู้ทรงพระนามอันยิ่งใหญ่
ดูกร ปิยมิตร โลกเรานี้กำลังตกอยู่ท่ามกลางสงคราม และมนุษย์ชาติกำลังต่อสู้กับความเหนื่อยยาก กำลังรณรงค์อยู่กับความตาย ราตรีแห่งความเกลียดชังแผ่ปกคลุมไปทั่ว แสงสว่างแห่งความศรัทธาจางหายไป ปวงประชาชาติและญาติร่วมโลกกำลังลับเขี้ยวเล็บพร้อมจะโถมถลาเข้าต่อสู้กัน รากแก้วของมนุษย์ชาติกำลังถูกกัดกร่อนลง คนนับจำนวนหมื่นแสนต้องซัดเซพเนจร ทรัพย์ สมบัติถูกริบ ทุกๆ ปีจะเห็นคนจำนวนมหาศาลต้องนอนจมกองเลือดอยู่ในสนามรบซึ่งคลุ้งไปด้วยฝุ่น กระโจมแห่งชีวิตและความรื่นรมย์ต้องถูกพับลง พวกนายพลที่ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ต่างพากันยกปริมาณโลหิตที่ศัตรูต้องหลั่งให้มาโอ้อวดกัน แข่งขันกันว่าใครจะได้เป็นผู้ที่พัดกระพือความรุนแรงให้บังเกิดขึ้นต่อไป นายพลคนหนึ่งกล่าวว่า ?ข้าได้ตัดหัวคนทั้งชาติด้วยดาบเล่มนี้ ?อีกคนหนึ่งกล่าวว่า ?ข้าได้โค่นชาติทั้งชาติลง ?ส่วนอีกคนหนึ่งคุยว่า ?ข้าได้โค่นรัฐบาลลง ?มนุษย์ภาคภูมิใจและสรรเสริญการกระทำเยี่ยงนี้ ทั่วทุกแห่งหนชิงชังความรักและความเที่ยงธรรม ต่างพากันประณามความสมัครสมานสามัคคี เหยียดหยามการเทิดทูนบูชาสัจจะ
ศาสนาของพระผู้ทรงอุดมพรเรียกร้องให้มนุษย์ชาติไปสู่วิถีแห่งความรักและความปลอดภัย สู่ความสามัคคีปรองดอง สู่สันติสุข ศาสนานี้สถาปนาอุโบสถบนภูมิธรรมอันสูงส่งของโลก อุดมด้วยคำแนะนำให้ประชาชาติต่างๆ ถือปฏิบัติตาม ดูกร ศาสนิกชนอันเป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า จงรู้คุณค่าของศาสนานี้ จงเชื่อฟังหลักธรรมคำสั่งสอน จงเดินไปตามถนนที่สร้างไว้ให้อย่างเที่ยงตรงและพร้อมกันนั้น จงชี้เส้นทางสายนี้ให้แก่ผู้อื่นด้วย จงเปล่งเสียงร้องเพลงประจำทิพย์สถาน จงแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้ทรงไว้ซึ่งความรักออกไปให้กว้างไกล เพื่อว่าโลกเรานี้จะได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปเป็นอีกโลกหนึ่ง และแล้วแสงสว่างจะอาบแผ่นดินอันมืดมนนี้ พร้อมกันนั้นก็จะปลุกซากศพของมนุษย์ให้ฟื้นคืนชีพอีกวาระหนึ่ง จากนั้นทุกคนก็จะร้องขอชีวิตอันเป็นอมตะต่อพระอัสสาสะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า
ในไม่ช้า ชีวิตอันผันผ่านไปอย่างรวดเร็วของเจ้าก็จะถึงจุดอวสาน ความสุขหรรษาที่โลกซึ่งเปรียบประดุจดังกองสวะอำนวยให้ ไม่ว่าจะเป็นความเกริกเกียรติ ความร่ำรวยหรือความสุขสบาย สิ่งเหล่านี้จะมลายไปโดยไม่เหลือแม้แต่เงา ดูกร ประชาชาวโลก จงสำเหนียกความแล้วจงเชิญชวนให้มนุษย์ชาติเจริญรอยตามแบบฉบับของเทพยาดาที่สถิตอยู่เบื้องบน จงเป็นบิดาที่มีจิตเปี่ยมไปด้วยความรักลูกกำพร้า เป็นที่พึ่งพาแก่คนที่สิ้นหนทาง เป็นคลังสมบัติของคนยากจน เป็นโอสถสำหรับคนที่กำลังเจ็บป่วย จงอนุเคราะห์คนที่ถูกกดขี่ เป็นผู้อภิบาลคนที่ตกเป็นเบี้ยล่าง จงครุ่นคิดหาโอกาสบริการรับใช้มนุษย์ทุกคน จงอย่าให้ความสนใจกับความรังเกียจเดียดฉันท์ การปฏิเสธ การดูหมิ่น การเป็นปรปักษ์ และความอยุติธรรม จงปฏิบัติไปในทางตรงกันข้าม ความกรุณาของเจ้านั้นต้องกลั่นมาจากจิตใจ มิใช่เพียงแต่แสดงออกโดยผิวเผินเท่านั้น ขอให้ศาสนิกชนผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าจงสนใจปฏิบัติตนให้ได้ตามนี้คือ จงเป็นความเมตตา เป็นความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้าต่อมนุษย์ ขอให้เขาจงปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงามต่อคนทุกคนที่เขาพบเห็น จงกระทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ขอให้เขาช่วยส่งเสริมนิสัยใจคอของแต่ละคนให้ดีขึ้น ให้ช่วยขัดเกลาความรู้สึกนึกคิดของเพื่อนมนุษย์ หากกระทำได้ตามนี้ แสงสว่างแห่งการนำทางก็จะฉายประกายออกมา และพระพรของพระผู้เป็นเจ้าก็จะแผ่ปกเกล้ามนุษย์ทุกคน เหตุที่ได้อรรถาธิบายธรรมปฏิบัติข้อนี้ก็เพราะว่า ความรักนั้นไม่ว่าจะสถิตอยู่ ณ ที่ใด ย่อมได้ชื่อว่าเป็นดวงประทีป ส่วนความเกลียดชังนั้นไม่ว่าจะสิงอยู่ ณ ที่ใด ย่อมได้ชื่อว่าเป็นความมืดมิดอยู่นั้นเอง ดูกร ปิยมิตรของพระผู้เป็นเจ้า จงเพียรพยายามกำจัดความมืดมนนี้ตลอดไปชั่วกาลนาน ทั้งนี้เพื่อให้ความลึกลับที่ยังแฝงอยู่ได้ปรากฏให้เห็น และความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ในแก่นสาระของสรรพสิ่งทั้งจะได้เผยโฉมออกมา
(2) ดูกร ปวงประชาแห่งราชอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าในสวรรค์ จงดูซิว่ามีมนุษย์จำนวนมหาศาลเพียงไรที่อุทิศทั้งชีวิตให้แก่การทำบุญ เพียรพยายามระงับความต้องการทางโลกีย์ หวังว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าสถานพิมาน แต่แล้วต่างก็ประสบกับความผิดหวัง ในขณะที่ตัวของเจ้าเองนั้นกลับได้รับรางวัลด้วยการได้เข้าไปสู่สรวงสวรรค์ในลักษณะที่ไม่ต้องลงแรง โดยปราศจากความทนทุกข์ทรมาน และโดยไม่ต้องหักห้ามใจของตนเองแต่อย่างใดเลย
แม้กระทั่งในยุคของพระเยซูคริสต์เจ้านั้น ปรากฏว่าพวกยิวที่เคร่งศาสนาและมีศรัทธาแก่กล้านั้นกลับไม่ได้รับส่วนแบ่งจากสายธารแห่งธรรม ผู้ที่ได้รับกลับได้แก่ ปีเตอร์ จอห์น และ แอนดรู ผู้ซึ่งไม่เคยเคร่งครัด ในทางสักการบูชา ไม่เคยบำเพ็ญพรตมาก่อนเลย ดังนั้น จงตั้งจิตน้อมขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงสวมมงกุฎอันรุ่งเรืองเป็นนิจกาลแก่เจ้ากับทั้งยังอนุญาตให้เจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นด้วย
ถึงเวลาแล้วที่เจ้าควรจะมีความมั่นคงและเจริญทางธรรมทุกวัน ควรจะน้อมตนเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งเป็นนายของเจ้าทุกเวลา กระทำตนให้เป็นที่ดึงดูดจิตใจ มีความผุดผ่องสดใส จนกระทั่งถ้อยทำนองที่เจ้าขับขานสรรเสริญพระผู้เป็นที่รักจะไปก้องกังวานในหมู่เทพยาดาซึ่งสถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์เบื้องบน และพร้อมกันนั้นเจ้าแต่ละคนก็จะได้เป็นหนึ่ง ดังนกไนติงเกลในสวนกุหลาบของพระผู้เป็นเจ้า จะได้มีส่วนสรรเสริญพระผู้เป็นนายแห่งเทพธิดา จะได้เป็นครูของมนุษย์ร่วมโลก ธรรมปฏิบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกซึ่งความขอบคุณในพระมหากรุณาที่พระองค์ทรงประทานให้
(3) บริการที่เราให้ต่อมนุษย์นั้นเปรียบเสมือนเป็นการรับใช้ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า หนึ่งในบรรดาคำสั่งสอนหลักของพระผู้เป็นเจ้าก็คือ ให้มีความเห็นอกเห็นใจคนตกทุกข์ได้ยาก
(4) ดูกร ผู้ที่เป็นความรักอันเรืองรอง ดูกร คนรับใช้ของพระผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ ทุกครั้งที่ราตรีแห่งอวิชชามืดมนอันไร้ซึ่งธรรม ความมืดมิดอันเนื่อง มาจากการถูกปิดกั้นออกจากพระผู้เป็นเจ้าได้ก่อตัวคลุมโลกทั้งโลกไว้ แสงอรุณอันสดใสก็จะฉายมาจากฟากฟ้าทิศตะวันออก และแล้วดวงตะวันแห่งสัจธรรม และความสง่างามแห่งอาณาจักรทิพย์สถานก็สาดแสงเหนือโลกตะวันตกและตะวันออก บรรดาศาสนิกชนที่ประจักษ์ในธรรมต่างรื่นเริงกับข่าวดีพากันอุทานด้วยความปิติยินดีว่า ?เราช่างมีบุญอะไรเช่นนี้ ?จากนั้นเขาก็ได้ร่วมรู้เห็นเป็นพยานในแก่นแท้ของสรรพสิ่งทั้งปวง ต่างได้ค้นพบความลี้ลับในอาณาจักรแห่งสุขาวดี ได้หลุดพ้นจากความคิดเพ้อฝัน เป็นอิสระจากความสงสัย ศาสนิกชนทั้งหลายที่กล่าวมานี้จะได้เห็นแสงแห่งธรรมความชื่นบานที่เขาได้จากการดื่มน้ำอมฤตจากถ้วยแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้านั้นทำให้เขาลืมโลกและตัวเองอย่างสนิท ต่างร่ายอย่างเริงร่ารีบพากันไปสู่สถานะของผู้สละชีวิตเป็นพลีให้แก่ศาสนา และเมื่อวาระของผู้ที่สละชีวิตให้ความรักมาถึง ผู้ที่พลีชีพนั้นจะสลัดศีรษะและหัวใจทิ้งไปอย่างหมดเยื่อใย
บรรดาผู้ที่ลืมตาแต่แลไม่เห็นต่างพากันประหลาดใจในความเคลื่อนไหวนี้ พากันร้องถามว่า ?แสงสว่างอยู่ที่ไหน ?และ ?เราไม่เห็นแสงสว่างอะไรที่ไหนเลย เราไม่เห็นดวงตะวันขึ้น นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นเพียงความคิดเพ้อฝันเท่านั้น ?จากนั้นเขาก็หลบหนีหายไปในความมืดมิดราวกับค้างคาว มีความคิดตามประสาของตนว่า ระดับสันติภาพและความปลอดภัยที่ตนมีอยู่นั้นเพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้เปรียบประดุจดังเป็นกาลแรกอรุณรุ่ง ความร้อนของดวงตะวันแห่งความจริงที่กำลังเคลื่อนคล้อยนั้นยังไม่ถึงระดับขีดสุด ถ้าดวงอาทิตย์ อยู่ในตำแหน่งเที่ยงวันเมื่อไร เมื่อนั้น เพลิงที่แผดเผาจะร้อนจัดเสียจนกระทั่งแม้แต่สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ใต้ดินยังถูกปลุกให้ตื่น แม้ว่าสรรพสัตว์เหล่านี้ไม่สามารถจะแลเห็นแสงสว่างได้ แต่พลังความร้อนนั้นก็แผ่ให้สัตว์ทุกตัวต้องอยู่ในอาการกระสับกระส่ายทุรนทุราย
ดังนั้นจึงขอให้บรรดาผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าจงตั้งจิตขอบพระทัยพระองค์ ที่ตัวเจ้าเองนั้นได้หันหน้าสู่แสงประทีปของโลกและได้ประจักษ์ความงามในยุคแรกเริ่มของศาสนานี้ เจ้าแต่ละคนนั้นได้รับแบ่งปันแสงธรรม ต่างชื่นชมยินดีในพระพรอันสถิตสถาพรชั่วกัลปาวสานที่ได้รับมา ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความขอบคุณตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณนี้ขอเจ้าจงอย่าหยุดพักแม้แต่สักนาทีเดียว จงอย่านั่งเงียบเฉยอยู่เสีย แต่จงนำข่าวดีจากแดนสุขาวดีไปบอกเล่าให้มนุษย์คนอื่นได้สดับรับฟัง จงแผ่กระจายพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวาง
จงปฏิบัติตามคำแนะนำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้าดังนี้ จงประพฤติตนด้วยความเฉลียวฉลาด ตั้งอยู่ในภูมิธรรมอันสูงส่ง ทั้งนี้เพื่ออำนวยให้วิญญาณอันมี ชีวิตอยู่ได้สถิตอยู่กับโลกเรานี้ และพร้อมกันนั้น ก็จะเป็นเครื่องช่วยพัฒนาให้มนุษย์ชาติซึ่งเปรียบเสมือนยังอยู่ในวัยเด็กได้เจริญขึ้นสู่ระดับความเป็นผู้ใหญ่ด้วย ตราบเท่าที่เจ้าทำได้ จงจุดเทียนแห่งความรักในการพบปะกันทุกครั้ง ยังความเบิกบานหรรษาแก่ดวงใจทุกดวงด้วยความอ่อนหวานละมุนละไม จงใส่ใจรับรองคนแปลกหน้าเหมือนดังที่เจ้าให้ความสนใจต่อเครือญาติของเจ้าเอง จงแสดงความรักใคร่เมตตาที่เจ้ามีแก่มิตรสนิทต่อคนแปลกหน้า หากมีใครมาวิวาทกับเจ้า เจ้าก็จงหาทางเป็นมิตรกับเขาเสีย จงเป็นขี้ผึ้งสมานแผลแก่ผู้ที่เสียดแทงหัวใจของเจ้า สำหรับผู้ที่บริภาษภาษาและเยาะเย้ยเจ้า จงพบปะกับเขาด้วยความรัก จงสรรเสริญผู้ที่ทับถมความผิดแก่เจ้า จงตอบแทนผู้ที่วางยาพิษเจ้าด้วยการให้น้ำผึ้งชนิดเลิศ จงสนองผู้ที่ขู่เข็ญชีวิตเจ้าด้วยการให้ยาซึ่งจะรักษาเขาตลอดไปชั่วนิรันดร หากตัวเขานั้นคือความเจ็บปวด เจ้าก็จงทำตัวให้เป็นโอสถ หากเขาเป็นคมหนาม เจ้าก็จงเป็นดอกกุหลาบ เป็นสมุนไพรที่หวานซึ้งใจ การกระทำและคำพูดของเจ้าจะยังทำให้โลกอันมืดมิดนี้สว่างไสวขึ้นในที่สุด จะแปรให้แผ่นดินอันคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นละอองกลับเป็นสวรรค์ จะเปลี่ยนคุกนรกแห่งนี้ให้กลายเป็นปราสาทราชวังของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อว่าสงครามและการต่อสู้รณรงค์กันจะผ่านพ้นไปและไม่หวนกลับมาอีก และแล้วความรักและความไว้วางใจกันก็จะปักกระโจมบนยอดสูงสุดของพิภพ นี่คือแก่นแห่งคำตักเตือนของพระผู้เป็นเจ้า สรุปเป็นคำสอนในยุคของบาฮา
(5)?ทั้งๆ ขณะที่พระคริสต์ได้ปรากฏพระองค์ขึ้นเมื่อยี่สิบศตวรรษที่ผ่านมาแล้วนั้น ชาวยิวต่างก็เฝ้ารอคอยการเสด็จมาของพระองค์อย่างกระตือรือร้น พร่ำสวดมนต์วิงวอนด้วยน้ำตาอยู่ทุกวันว่า ?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดเร่งให้การเสด็จมาของพระมาซีฮาใกล้เข้ามาด้วยเถิด ?แต่ครั้นเมื่อดวงอาทิตย์แห่งสัจจะ (พระเยซู) เริ่มส่องแสง พวกเขาก็พากันปฏิเสธทั้งยังลุกขึ้นต่อสู้เป็นศัตรูกับพระองค์ และในที่สุด ก็ตรึงพระผู้เป็นธรรมของพระผู้เป็นเจ้าเสียที่ไม้กางเขน ทั้งประณามพระองค์ว่าเป็น บีลเซบาบ ซึ่งเป็นคำเรียกดวงวิญญาณที่ชั่วร้าย ดังที่ได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ พวกเขาอ้างว่า ?ตามพระคัมภีร์เก่ากล่าวไว้ว่าการเสด็จมาของพระมาซีฮานั้นจะต้องมีเครื่องหมายหลายอย่างที่พิสูจน์ได้ ผู้ใดก็ตามที่อ้างตัวว่าเป็นพระมาซีฮา ผู้นั้นคือพระปลอม เครื่องหมายข้อหนึ่งก็คือ พระมาซีฮาจะต้องเสด็จมาจากที่ๆ ไม่มีผู้ใดทราบ แต่นี่เราก็รู้กันดีว่าเขา (พระเยซู) มาจากที่ไหน จะเป็นไปได้อย่างไรที่สิ่งวิเศษจะปรากฏขึ้นที่เมืองนาซาเร็ท ข้อสอง พระองค์จะต้องเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ นั้นคือ จะต้องทรงเป็นนักรบที่มีอนุภาพ แต่พระมาซีฮาผู้นี้ไม่มีแม้แต่ไม้เท้าถือเขาจะเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงอานุภาพได้อย่างไร ข้อสาม พระองค์จะต้องประทับอยู่บนบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด และทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับกษัตริย์ดาวิด แต่ชายผู้นี้นอกจากจะอยู่ห่างไกลบัลลังก์ แล้วยังไม่มีแม้แต่เสื่อสักผืนพอที่จะรองนั่ง ข้อสี่ พระองค์จะทรงกระทำให้ทุกๆ คนเชื่อฟังบทบัญญัติพระคัมภีร์โทร่า (พระคัมภีร์เก่า) แต่เขาผู้นี้สิกลับประกาศยกเลิกบทบัญญัติเสียหลายประการ ทั้งยังฝ่าฝืนข้อปฏิบัติในวันซะบาโต (วันพระ) อีกด้วย แม้บทบัญญัติแห่งพระคัมภีร์โทร่าจะได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ผู้ใดก็ตามที่อ้างตัวเป็นพระศาสดา สำแดงตัวเป็นผู้วิเศษและฝ่าฝืนวันซะบาโตจะต้องถูกประหารชีวิต อีกข้อหนึ่งก็คือในยุคของพระองค์จะเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม ซึ่งจะรวมความรักจากมนุษย์ไปจนถึงมวลหมู่สัตว์ เป็นต้นว่า หนูก็จะอยู่ร่วมรูเดียวกับงูได้ นกเล็กๆ ก็จะอยู่ร่วมรังเดียวกับนกอินทรีย์ได้ กวางจะอาศัยอยู่ในท้องทุ่งเดียวกับสิงโตได้ และลูกแพะก็จะดื่มน้ำพุในแอ่งเดียวกับสุนัขป่าได้เช่นกัน แต่ยุคของชายผู้นี้กลับเต็มไปด้วยความ อยุติธรรมและการกดขี่ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงตรึงพระองค์เสียที่ไม้กลางเขน อีกข้อหนึ่งก็คือ ในยุคของพระมาซีฮา บรรดาชาวยิวจะมีความสมบูรณ์พูนสุขและมีชัยชนะเหนือมนุษย์ทั่วโลก แต่นี่พวกเขากลับต้องมีสภาพต่ำต้อย ต้องตกเป็นทาสในอาณาจักรโรมัน ฉะนั้น ชายผู้นี้จะเป็นพระมาซีฮา ผู้ทรงสัญญาว่าจะเสด็จมาแห่งพระคัมภีร์โทร่าได้อย่างไร
พวกเขาพากันขัดแย้งต่อดวงอาทิตย์แห่งสัจจะดังนี้ แม้ว่าพระคริสต์ก็คือพระผู้ที่ปวงประชากรเฝ้ารอคอยอยู่โดยแท้จริง พวกเขาตรึงพระผู้เป็นธรรมของพระผู้เป็นเจ้าที่ไม้กางเขนก็เพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของเครื่องหมายเหล่านั้น บัดนี้บาไฮศาสนิกชนได้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อพระคริสต์เสด็จมาปรากฏพระองค์นั้น เครื่องหมายเหล่านี้ได้บังเกิดขึ้นจริงๆ แต่มิใช่อย่างที่ชาวยิวเข้าใจ คำกล่าวในพระคัมภีร์เก่าเป็นแต่เพียงการเปรียบเทียบ เป็นต้นว่า เครื่องหมายข้อที่กล่าวถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่นั้น ผู้นับถือศาสนาบาไฮกล่าวว่า อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระคริสต์ก็คือ อำนาจแห่งสวรรค์ซึ่งเป็นอำนาจที่ยั่งยืนชั่วนิรันดร มิใช่อำนาจยิ่งใหญ่แบบนโปเลียนซึ่งสิ้นสุดลงในระยะเวลาอันสั้น อำนาจของพระคริสต์ ได้ยืนยงมาเกือบสองพันปีแล้วและยังคงอยู่ในปัจจุบัน และพระองค์จะถูกเชิญให้สถิตอยู่บนบัลลังก์ตลอดไป
ในทำนองเดียวกัน เครื่องหมายทั้งหมดก็ได้บังเกิดขึ้นให้ปรากฏแล้ว แต่ชาวยิวก็มิได้เข้าใจ แม้ศตวรรษที่ 20 ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้วนับตั้งแต่พระคริสต์ได้มาปรากฏพระองค์พร้อมด้วยรัศมีภาพแห่งสวรรค์ แต่ชาวยิวก็ยังคงรอคอยการเสด็จมาของพระมาซีฮา และยังคงถือว่าพวกตนกระทำถูก คิดว่าพระคริสต์นั้นคือพระศาสดาเทียมเท็จ
(6) ?ดูกร ใบไม้บนต้นพฤกษาแห่งชีวิต พฤกษาแห่งชีวิตที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น คือองค์พระศาสดาบาฮาลุลลาห์ บรรดาธิดาในแดนสุขาวดีนั้นคือใบไม้ที่เจริญอยู่บนต้นไม้อันอุดมพรนั้น เมื่อเจ้าได้สดับความจริงข้อนี้แล้วก็จงตั้งจิตขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าที่เจ้าได้มีส่วนเกี่ยวพันกับพฤกษาต้นนั้น และแล้วเจ้าจะได้เจริญงอกงาม อ่อนไหวและสดใส
ประตู่สู่วิมานได้เปิดกว้างออกแล้ว และดวงวิญญาณที่พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดปราณจะได้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารของพระองค์ ต่างมีส่วนได้รับโภชนาจากงานเฉลิมฉลองในทิพย์สถานแห่งนั้น จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าที่เจ้าได้มาร่วมโต๊ะเสวยและได้รับแบ่งปันอาหารแห่งสวรรค์อันอุดมด้วยความเอื้ออารีนี้ด้วย ณ บัดนี้ เจ้ากำลังธุระรับใช้อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า และได้มีโอกาสคุ้นเคยกับรสสุคนธ์อันหวานหอมจากสรวงสวรรค์อับภาด้วย
เมื่อได้ตระหนักในความข้อนี้แล้วก็ขอให้เจ้าจงใช้ความพากเพียรในการแนะแนวทางแก่ปวงประชาชน และจงบริโภคขนมปังซึ่งส่งมาจากแดนสวรรค์ การปฏิบัติเช่นนี้ตรงตามความหมายแห่งพระวจนะของพระเยซูคริสต์ที่ว่า ?ตัวเรานี้คือขนมปังเป็นๆ ที่ลงมาจากวิมาน ใครก็ตามที่ได้บริโภคขนมปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไปชั่วกัปชั่วกัลป์
(7) ดูกร บาทบริจาริกาผู้ซึ่งอ่อนไหวประดุจดังยอดไม้สดและอ่อนละมุลยามเมื่อต้องสายลมแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้า เราได้อ่านจดหมายที่รจนาถึงความรักอันท่วมท้นการอุทิศตนอย่างเต็มที่และการเฝ้าระลึกถึงแต่พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าแล้ว
จงพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้า จงละวางความปรารถนาส่วนตัวของเจ้าและจงยึดเจตจำนงของพระองค์ไว้ให้มั่น จงสละเสียซึ่งความต้องการของตน ให้ถือพระราชประสงค์ของพระองค์เป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อให้ตัวอย่างในด้านการเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใส ความผ่องแผ้ว และความมีภูมิธรรมของเจ้าได้ปรากฏแก่บาทบริจาริกาคนอื่นๆ
ดูกร บาทบริจาริกา จงรับรู้ไว้ว่า ในสายพระเนตรของพระบาฮาอุลลาห์นั้น ระดับสตรีเท่าเทียมบุรุษ พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามจินตนาการและให้เหมือนกับพระองค์เอง นั้นก็คือ ทั้งบุรุษและสตรีต่างก็คือผู้เผยพระนามและพระกิตติคุณของพระองค์ ในแง่ของจิตใจและวิญญาณ ไม่มีความแตกต่างกันในระหว่างทางเพศทั้งสองนี้ บุรุษหรือสตรีคนใดก็ตามที่ได้เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าต่างได้ชื่อว่าเป็นที่โปรดปราณของพระองค์ด้วยกันทั้งสิ้น ขอให้เจ้าจงตรองดูว่า ภายในร่มโพธิ์สมภารของบาฮานั้น มีบาทบริจาริกาที่เด็ดเดี่ยวเปี่ยมด้วยน้ำใจที่เสียสละจำนวนมหาศาลเพียงไรที่ได้พิสูจน์ตนให้เห็นแล้วว่าสตรีนั้นเหนือกว่าบุรุษ มีชื่อเสียงก้องโลกล้ำหน้าบุรุษ
อย่างไรก็ดี พระธรรมบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าได้ระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสภายุติธรรมแห่งสากลไว้ว่า สภายุติธรรมแห่งสากลนั้นจะต้องประกอบด้วยคณะกรรมการที่เป็นบุรุษล้วน ในไม่ช้า พระอัจฉริยะที่แฝงไว้ในพระธรรมบัญญัติข้อนี้ จะเป็นที่เปิดเผยให้เห็นอย่างกระจ่างแจ้งประดุจดังดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
สำหรับบาทบริจาริกาคนอื่นๆ ที่มีจิตผูกพันอยู่กับเสาวคนธ์อันเป็นทิพย์นั้น ขอให้เจ้าจงจัดงานธรรมสันทนาการจากนั้นจงจัดตั้งธรรมสภา ทั้งนี้เพราะธรรมสภาเหล่านี้คือหลักเบื้องมูลฐานที่จะช่วยแพร่สุคนธ์รสของพระผู้เป็นเจ้า ช่วยเชิดชูพระวจนะของพระองค์ ผดุงไว้ซึ่งดวงประทีปแห่งพระเมตตา ประกาศศาสนาตลอดจนกระทั่งสนับสนุนพระธรรมคำสั่งสอนที่ปรากฏอยู่ในพระธรรมบัญญัติของพระองค์ ขอให้เจ้าตรึกตรองดูว่าจะหาพระเมตตาที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้จากที่ใดอีก ธรรมสภาเหล่านี้ได้รับความช่วยเหลือจากพระจิตวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า มีพระอับดุลบาฮาเป็นผู้ปกป้อง ผงาดปีกครอบคลุมคุ้มครองอยู่เหนือธรรมสภาเหล่านั้น จะมีพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกหรือ ธรรมสภาเปรียบประดุจดังดวงประทีปอันโชติช่วง เป็นอุทยานแห่งสรวงสวรรค์ เป็นแหล่งที่อำนวยให้เสาวคนธ์อันทรงความศักดิ์สิทธิ์ได้แพร่ขจรไปทั่วอาณาบริเวณ เป็นโคมไฟแห่งความรอบรู้ที่ฉายแสงอาบสรรพสิ่งทั้งปวง ชีวิตจิตใจหลากไหลมาจากธรรมสภาเหล่านั้น ธรรมสภาคือแหล่งกำเนิดความก้าวหน้าแก่มนุษย์ตลอดเวลาภายใต้ทุกสถานการณ์ จะหาความเมตตาที่มหาศาลกว่านี้ได้จากที่ไหนอีก
(8) ความจำเป็นเบื้องต้นและพื้นฐานที่ธรรมสภาพึงจะมีก็คือ คณะกรรมการธรรมสภาจะต้องปรึกษาหารือกันด้วยเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ด้วยจิตใจที่ผ่องแผ้ว ปลดตนเองจากสิ่งทั้งปวงนอกจากพระองค์ มีจิตผูกพันอยู่กับรสสุคนธ์อันเป็นทิพย์ ให้ความอ่อนน้อมถ่อมตนของกรรมการธรรมสภาเด่นอยู่ในบรรดาบุคคลที่พระองค์ทรงโปรดปราณ มีความอดทนและฟันฝ่าความยุ่งยาก อุทิศตนถวายแทบธรณีอันประเสริฐของพระองค์ หากกรรมการทุกท่านได้รับความช่วยเหลือให้มีคุณสมบัติตามที่กล่าวไว้นี้ เขาจะได้รับชัยชนะจากแดนสุขาวดีที่มองไม่เห็นอย่างแน่นอน
(9) กรรมการ?จะต้องปรึกษาร่วมกันในลักษณะที่ไม่เปิดโอกาสให้ความรู้สึกที่ไม่ดีหรือความปรปักษ์ต่อกันกำเนิดขึ้น ความรู้สึกที่ดีต่อกันนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกรรมการทุกท่านแสดงความคิดเห็นของตนโดยอิสรเสรีและพิจารณาเรื่องที่กำลังหยิบขึ้นมานั้นด้วยเหตุผลของตนเอง หากมีผู้คัดค้าน เจ้าของความคิดเห็นจะต้องไม่รู้สึกกระทบกระเทือนใจ ทั้งนี้เพราะถ้าหากปราศจากการถกกันแล้ว แนวทางที่ถูกต้องย่อมไม่ปรากฏออกมาให้เห็นประกายแสงแห่งความจริงเป็นผลของการปะทะกันของแนวความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ หากภายหลังเปิดอภิปรายแล้ว มีการลงมติเป็นเอกฉันท์ การตัดสินใจของกรรมการทั้งชุดย่อมได้ชื่อว่าถูกต้องและชอบทำแล้ว แต่ถ้าหากปรากฏว่า หลังอภิปรายที่ประชุมยังคงมีความคิดเห็นแตกแยกกันออกไปเป็นหลายแนวทางอยู่อีกก็ขอให้ถือมติของเสียงส่วนใหญ่
(10) ต่อคำถามของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องการจัดงานเลี้ยงฉลองทุกเดือนบาไฮนั้น ขอเฉลยว่า งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่อกระชับความรักและไมตรีจิตมิตรภาพ เป็นโอกาสที่เราจะได้ตั้งจิตอธิษฐานอัญเชิญพระผู้เป็นเจ้าให้สถิตอยู่ในใจ ทั้งยังจะได้วิงวอนพระองค์ด้วยหัวใจที่สำนึกผิด งานนี้สนับสนุนให้ศาสนิกชนบำเพ็ญแต่กุศลกิจ
ในงานนี้ บาไฮศาสนิกชนควรตั้งจิตให้มั่นอยู่ในพระผู้เป็นเจ้า เป็นโอกาสที่เราจะได้สรรเสริญพระองค์ ได้อ่านบทอธิษฐานและคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นช่วงเวลาที่บาไฮศาสนิกชนจะได้ปฏิบัติตนด้วยความรักใคร่ต่อกัน
(11) งานฉลองสิบเก้าวันนี้ยังให้ความรื่นเริงเบิกบานบังเกิดขึ้นในความคิดและจิตใจ หากงานเลี้ยงฉลองนี้ดำเนินไปอย่างถูกวิธีแล้ว จิตวิญญาณของเพื่อนบาไฮศาสนิกชนจะได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ในทุกๆ สิบเก้าวัน ดวงจิตของเขาเหล่านั้นจะเปี่ยมไปด้วยพลังที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของพิภพนี้
(12) ดูกร นกน้อยที่ร้องเพลงรำพันถึงความงามแห่งสวรรค์อับพา ในยุคของศาสนาที่ยังใหม่และทรงไว้ซึ่งความอัศจรรย์นี้ ม่านแห่งความเชื่อถือโชคลางได้ถูกฉีกทำลายลงแล้ว และอคติที่ประชาชาติตะวันออกยึดถืออยู่ก็ถูกตำหนิเช่นกัน ชาติบางชาติในโลกซีกตะวันออกประณามดนตรีว่าเป็นสิ่งที่เลวทราม มาในยุคใหม่ของศาสนานี้ พระศาสดาผู้ทรงเรืองรองด้วยรังสีได้ทรงลิขิตไว้ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ประกาศระบุเกี่ยวกับเรื่องดนตรีไว้ว่า ดนตรีนั้นไม่ว่าจะร้องหรือบรรเลงก็ตาม ต่างก็เป็นอาหารแห่งดวงจิตและวิญญาณทั้งสิ้น ศิลปะดุริยางค์นั้นจัดเป็นหนึ่งในบรรดาศิลปะที่มีค่าควรแก่การได้รับการยกย่องอย่างสูง ดนตรีให้ความทะยานใจแก่ผู้เศร้าโศก ดูกร ชานาท?เมื่อเจ้าได้สดับตามนี้แล้ว จงบรรเลงและขับร้องดนตรีสรรเสริญพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าในงานพบปะสังสรรค์ด้วยถ้อยทำนองอันไพเราะ เพื่อผู้ที่ฟังจะได้หลุดพ้น เป็นอิสระจากโซ่ตรวนแห่งภาระความผูกพันและความเศร้า ส่งให้จิตวิญญาณได้โลดแล่นด้วยความหรรษาสู่อาณาจักรแห่งความเรืองรองด้วยสำนึกอันอ่อนน้อมถ่อมตน
(13) จงเพียรพยายามอย่างสุดหัวใจเพื่อให้ความสมัครสมานระหว่างชนผิวขาวและผิวดำบังเกิดขึ้นได้ และเพื่อพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ความสามัคคีในทัศนะของศาสนาบาไฮนั้นไม่เปิดช่องให้แก่ข้อจำกัดทางสีผิว สามัคคีธรรมนั้นอยู่ที่จิตใจเป็นหลัก ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า ขอให้หัวใจของศาสนิกชนไม่ว่าจะมาจากโลกซีกตะวันออก ตะวันตก จากเหนือ หรือใต้ ไม่ว่าจะเป็น คนเยอรมัน คนฝรั่งเศส คนญี่ปุ่น คนอเมริกา ผิวขาว ผิวดำ ผิวแดง ผิวเหลืองหรือผิวน้ำตาล ขอให้จิตใจของมนุษย์ชาติเหล่านี้จงประสานสัมพันธ์กัน ในศาสนาบาไฮความแตกต่างกันทางด้านผิวพรรณ ประเทศชาติ หรือเชื้อชาตินั้นไม่ใช่เป็นสิ่งสำคัญ ตรงกันข้าม สามัคคีธรรมของศาสนาบาไฮนั้นกลับพิชิตอคติเหล่านี้และพร้อมกันนั้นก็ได้ยกเลิกจินตนาการและความเพ้อฝันทิ้งไปจนหมดสิ้น
(14) ดูกร ศาสนิกชนผู้มีหัวใจอันผ่องแผ้ว เจ้านั้นเปรียบประดุจดังแก้วตา เป็นต้นกำเนิดแห่งแสงสว่างโดยแท้ ทั้งนี้เพราะรัศมีความรักของพระผู้เป็นเจ้าได้ทอดอาบอัตตาภายในของเจ้า และเจ้าก็ได้หันหน้าไปยังแดนสุขาวดีของพระองค์แล้วเช่นกัน
ความจงเกลียดจงชังระหว่างชนชาติผิวดำและผิวขาวในประเทศอเมริกานั้นเป็นไปอย่างรุนแรงมาก เราได้ตั้งความหวังไว้กับเดชานุภาพของทิพย์สถานว่า พลานุภาพอันเป็นทิพย์นั้นจะช่วยประสานมิตรภาพระหว่างชนทั้งสองผิวพรรณนี้ ขอมหิทธานุภาพนี้จงเป็นเสมือนยาระงับความเจ็บไข้ให้แก่เขา
จงอย่าดูคนที่สีผิว แต่จงมองให้ทะลุถึงหัวใจของเขา ถ้าจิตใจคนไหนผ่องแผ้ว คนๆ นั้นก็สมควรจะได้เข้าเฝ้าแทบธรณีที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า หากหัวใจของคนไม่ว่าจะเป็นของคนขาวหรือคนดำก็ตามเกิดขุ่นมัว คนๆ นั้นก็ได้ชื่อว่าไม่ได้ให้ความสนใจใยดีต่อพระผู้เป็นเจ้า
(15) ดูกร บาทบริจาริกาของพระผู้เป็นเจ้า เราได้รับและได้อ่านข้อความในจดหมายของเจ้าโดยตลอดแล้ว
เนื่องจากในวาระสุดท้ายของชีวิตนั้น ร่างกายคนเราต้องตาย ดังนั้นในทัศนะของคนส่วนใหญ่ เขาจึงมีความคิดว่าการสมรสเป็นเพียงความสัมพันธ์ทางสรีระ เป็นความสมานฉันท์กันเพียงชั่วคราวเท่านั้น
แต่ในทัศนะของบาไฮศาสนิกชนนั้น การสมรสเป็นความสมัครสมานกันทางด้านร่างกายและจิตใจ ทั้งนี้เพราะความเปล่งปลั่งสดใสของสามีภรรยานั้นบังเกิดขึ้นจากน้ำอมฤตถ้วยเดียวกัน ทั้งคู่มีใบหน้าอันประกอบขึ้นจากพระพักตร์อันงดงามหาที่ติมิได้ของพระองค์ เป็นความงามอันน่าพิศวงและตื่นตาตื่นใจ คู่สามีภรรยานี้ดำเนินชีวิตและโลดแล่นไปตามกระแสพระบารมีเดียวกัน ต่างได้รับความผ่องใสจากกระแสความรุ่งเรืองสายเดียวกันความเกี่ยวพันระหว่างบุคคลทั้งสองนี้ทรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นสายสัมพันธ์ที่ยืนยงอยู่ชั่วนิรันดร ด้วยประการฉะนี้จึงควรที่สามีภรรยาจะพึงพอใจในความผูกพันอันแน่นแฟ้นยืนนานที่เขาทั้งสองมีต่อกันในโลกของธรรมชาติ หากการสมรสนั้นประกอบด้วยจิตใจและร่างกายเป็นหลัก เขาจึงจะมีความสัมพันธ์อันเที่ยงแท้ต่อกัน และแล้วการสมรสนั้นจะดำเนินไปอย่างตลอดรอดฝั่ง แต่ถ้าสามีภรรยาจำกัดความเกี่ยวพันให้อยู่แต่โลกีย์วิสัย เขาก็จะรักกันได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม และแล้วชีวิตสมรสนั้นก็จะอับปางลงด้วยการต้องแยกทางกันเดินอย่างแน่นอน
ดังนั้น เมื่อบาไฮศาสนิกชนตัดสินใจเข้าสู่ชีวิตสมรส นั่นย่อมหมายความว่า ความสัมพันธ์ที่เขาทั้งสองมีต่อกันนั้นต้องเที่ยงแท้แน่นอน ความสุขทางด้านจิตวิญญาณนั้นต้องมีควบคู่กับความสุขทางร่างกาย เพื่อว่าความสัมพันธ์นั้นจะแนบแน่นไปชั่วชีวิต และยั่งยืนต่อไปอีกในทุกภพของพระผู้เป็นเจ้า ที่เป็นเช่นนี้เพราะความเป็นเอกภาพอันแท้จริงนั้นคือรังสีแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง
ในทำนองเดียวกัน เมื่อศาสนิกชนมีความศรัทธาอย่างแท้จริงเขาก็จะได้บรรลุสู่ระดับการได้มีความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณต่อกัน และความนุ่มนวลที่เขาแสดงต่อกันนั้นคือคุณสมบัติที่ไม่อาจหาจากโลกนี้ได้ ศาสนิกชนทั้งหมดนี้จะเบิกบานสดใสด้วยความดื่มด่ำในความรักอันเป็นทิพย์นี้ และความสามัคคีตลอดจนความสัมพันธ์ที่เขามีต่อกันนี้ก็จะยั่งยืนนานตลอดไปชั่วกัลปาวสาน บุคคลที่ละแล้วซึ่งความสนใจตนเองและนำตนให้หลุดพ้นเป็นอิสระจากโซ่ตรวนที่ล่ามมนุษย์ไว้ บุคคลเหล่านี้จะเรืองรองผ่องใสด้วยแสงธรรมแห่งความเป็นเอกภาพและจะได้บรรลุสู่ความสมานฉันท์ในโลกอันเป็นอมตะอย่างแน่นอน
(16) ต่อคำถามของเจ้าที่เกี่ยวข้องกับการสมรสภายใต้พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ก่อนอื่น เจ้าจะต้องเลือกบุคคลที่ต้องใจเสียก่อน จากนั้นจึงจะขึ้นอยู่กับบิดามารดาว่าจะยินยอมรับบุคคลนั้นหรือไม่ บิดามารดาไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจก่อนที่เจ้าจะเลือกใคร
(17) การสมรสของบาไฮนั้นบังเกิดขึ้นจากการที่บุคคลสองฝ่ายตกลงปลงใจยอมรับซึ่งกันและกัน ตลอดจนมีความรู้สึกนึกคิดและจิตใจอันปลอดจากสิ่งยึดเหนี่ยวทั้งปวง บุคคลทั้งสองจะต้องดูแลเอาใจใส่รักใคร่กันให้มากที่สุด เพื่อว่าจะได้เรียนรู้ถึงอุปนิสัยใจคอของกันและกัน จากนั้น สัญญาอันผูกพันคนทั้งสองก็จะเป็นพันธนาการที่ยืนยาวต่อไปชั่วนิรันดร บุคคลทั้งสองจะต้องมีอุดมคติร่วมกันดังนี้คือ ?เราทั้งสองจะเป็นทั้งเพื่อนและคู่ชีวิตที่รักกันตลอดไปชั่วกาลนาน .
การสมรสในศาสนาบาไฮมีลักษณะดังนี้คือ สามีและภรรยาจะต้องสมัครสมานกันทั้งร่างกายและจิตใจ คู่ชีวิตทั้งสองจะต้องช่วยเสริมระดับจิตวิญญาณของกันและกัน และร่วมสมานสุขกันต่อไปอีกในทุกๆ ภพของพระผู้เป็นเจ้า นี่คือการสมรสในทัศนะของศาสนาบาไฮ
(18) ดูกร บาทบริจาริกาของพระผู้เป็นเจ้า ธรรมสภาที่เจ้าดำเนินการจัดตั้งในเมืองอันเจริญรุ่งเรืองแห่งนั้นนับเป็นการประกอบศาสนกิจอันอุดมด้วยมงคลอย่างยิ่ง ความเพียรพยายามของเจ้านั้นนับว่าเกินหน้าใคร เจ้าได้ยืนหยัดขึ้นรับใช้แทบพระธรณีที่ประทับอันศักดิ์สิทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าทรงสบพระทัยในกุศลกิจของเจ้ายิ่งนัก และพระองค์ได้ทรงประทานพรให้เจ้าอย่างท้วมท้นแล้ว บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่เจ้าทั้งหลายจะต้องประชุมร่วมกันในธรรมสภาแห่งนั้นด้วยจิตที่กระตือรือร้น พร้อมกันนั้นจงตั้งใจศึกษาพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และสำรวมจิตใจให้อยู่กับการระลึกถึงพระผู้เป็นนาย จงนำข้อถกเถียงและข้อที่พระองค์ทรงพิสูจน์แล้วมาใช้ให้เป็นประโยชน์ จงให้คำแนะนำแก่สตรีในถ้องถิ่นนั้น จงให้การอบรมยุวธิดาและเด็กๆ เพื่อว่ามารดาทั้งหลายจะได้เริ่มให้การศึกษาแก่บุตรธิดาตั้งแต่เขายังอ่อนวัยได้อย่างทั่วถึง นอกเหนือจากนี้ มารดายังจะได้ปลูกฝังนิสัยและศีลธรรมอันดีงามแก่ลูกๆ ชักนำให้เขามีคุณธรรม ป้องกันมิให้นิสัยอันน่าตำหนิก่อตัวขึ้น ใช้ระบบการศึกษาแบบบาไฮเป็นแบบอย่างในการเลี้ยงดูเขา หากกระทำได้ดังนี้ ทารกอันอ่อนวัยเหล่านั้นก็จะได้รับการฟูมฟักอยู่ในอ้อมอกแห่งความรู้ของพระผู้เป็นเจ้า และเติบโตอยู่ภายใต้ความรักของพระองค์ จากนั้นเขาก็จะเจริญเติบโต ปรากฏความงามสะพรั่งตา จะได้เรียนรู้ถึงความเที่ยงธรรมและศักดิ์ศรีแห่งการเกิดมาเป็นมนุษย์ การตั้งอยู่ในปณิธานและมีเจตจำนงที่จะเพียรพยายามตลอดจนกระทั่งเตรียมผจญอุปสรรคที่ขวางหน้า และแล้วเขาก็จะได้เรียนรู้ว่าการจะปฏิบัติสิ่งใดให้สำเร็จลุล่วงไปได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยความวิริยะอุตสาหะ จักต้องใฝ่ความก้าวหน้า มีภูมิธรรมสูง มีความตั้งใจอย่างเลิศลอย ดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง หากกระทำได้ตามนี้ กิจการงานทุกสิ่งที่เขาดำเนินก็จะประความสำเร็จ
ขอให้ผู้เป็นบิดามารดาทั้งหลายจงตระหนักว่า สิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวโยงไปถึงการศึกษาของเด็กย่อมมีความสำคัญเป็นอันดับแรก ขอให้มารดาทั้งหลายจงทุ่มเทความเพียรพยายามส่งเสริมการศึกษาให้แก่บุตรธิดาของตน ทั้งนี้เพราะเป็นการง่ายที่จะดัดกิ่งไม้ที่ยังเขียวและอ่อนให้เจริญไปในทิศทางที่เจ้าต้องการ หน้าที่การอบรมบุตรจึงตกเป็นของมารดาซึ่งเปรียบประดุจเป็นคนสวนที่จะบำรุงรักษาพฤกษชาติของตน จงพากเพียรปลูกฝังความศรัทธาและคุณธรรมความดีให้บังเกิดขึ้นในตัวเด็กทุกเช้าค่ำ สอนให้เด็กมีความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ให้มีความรักในองค์พระศาสดาให้มีคุณลักษณะและนิสัยอันดีงามพร้อมทุกประการ เมื่อเด็กประพฤติดี มารดาจะต้องสรรเสริญชมเชยและให้กำลังใจแก่เขา และเมื่อใดก็ตามที่เด็กแสดงนิสัยไม่ดีออกมาแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย ขอให้มารดาจงอธิบายให้เด็กเข้าใจพร้อมทั้งทำโทษเขา จงลงโทษเด็กให้สมเหตุสมผล การว่ากล่าวด้วยวาจาก็นับว่าเพียงพอแล้ว ไม่อนุญาตให้เฆี่ยนตีหรือประจานเด็ก เพราะการลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวมีแต่จะทำให้เด็กกลายเป็นคนดื้อดึง
(19) ความแตกต่างระหว่างอารยะธรรมด้านวัตถุซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันกับอารยะธรรมทางธรรมซึ่งนับเป็นคุณประโยชน์ที่หลั่งไหลมาจากสภายุติธรรมบาไฮนั้นอธิบายได้ดังนี้คือ อารยะธรรมทางด้านวัตถุนั้นอาศัยอำนาจกฎหมายลงโทษและอาญาบ้านเมืองเป็นเครื่องมือเหนี่ยวรั้งมิให้ประชาชนประกอบอาชญากรรม ทั้งๆ ที่กฎหมายที่ลงโทษทัณฑ์นั้นมีขอบข่ายขยายกว้างขวางออกไปทุกที แต่เจ้าเองก็ได้ประจักษ์แก่ตาตนเองแล้วว่า ไม่มีตัวข้อกฎหมายที่ให้รางวัลแก่คนเลย ตึกหลังมหึมาได้สร้างไว้ทั่วทุกเมืองในทวีปยุโรปและอเมริกา ซึ่งเอาไว้สำหรับเป็นที่คุมขังอาชญากร
อารยะธรรมทางด้านธรรมนั้นฝึกฝนไม่ให้คนในสังคมประกอบอาชญากรรม จะมียกเว้นก็แต่คนจำพวกที่ละเลยไม่สนใจเท่านั้น วิธีที่ใช้ป้องกันอาชญากรรมด้วยการลงโทษทัณฑ์อย่างรุนแรงกับวิธีการอบรมบ่มนิสัยให้กระจ่างและฝึกฝนจิตใจคนให้ดีนั้นให้ผลแตกต่างกันมาก เพราะผู้ที่ผ่านการอบรมบ่มนิสัยนั้นย่อมจะรังเกียจการประพฤติผิดทางอาญา เป็นความรังเกียจที่ปราศจากความเกรงกลัวว่าจะถูกลงโทษหรือถูกแก้แค้นแฝงอยู่ และพร้อมกันนั้นก็จะเห็นว่าการกระทำความผิดอันอุกฉกรรจ์เช่นนั้นจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตน ส่งผลให้ผู้ละเมิดการกระทำผิดต้องได้รับโทษอันบังเกิดจากการขาดมโนธรรมที่รู้สำนึกว่าตนได้กระทำผิดไปแล้วนั่นเอง แต่คุณธรรมความดีอันสมบูรณ์ของเขาจะกลายเป็นที่บูชา เขาจะอุทิศชีวิตจิตใจประกอบแต่กุศลกิจที่จะนำแสงสว่างมาสู่โลก และจะตั้งใจประกอบคุณงามความดีอันเป็นที่ยอมรับ ณ พระธรณีของพระผู้เป็นเจ้าต่อไป
บัดนี้ เจ้าก็ได้ประจักษ์ความแตกต่างระหว่างอารยะธรรมที่บังเกิดจากทางโลก และทางธรรมแล้ว ความเจริญทางวัตถุนั้นจะอาศัยการบีบบังคับและการลงโทษเป็นเครื่องมือที่เหนี่ยวรั้งให้มนุษย์ก่อการร้าย ยังยั้งมิให้เขาก่ออันตรายต่อสังคม ทั้งยังป้องกันมิให้เขาประกอบอาชญากรรมอีกด้วย หันมาดูทางด้านอารยะธรรมทางธรรม จะพบว่า คนที่ใฝ่ในธรรมนั้นจะมีจิตใจที่ปรับไว้อย่างดีปราศจากความกลัวโทษทัณฑ์ เขาจะหลีกเลี่ยงการกระทำผิด และเห็นว่าการกระทำผิดนั้นส่งผลให้ผู้ถูกกระทำต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เขาจะแสวงหาคุณธรรมความดีด้วยความกระตือรือร้น ด้วยดวงจิตที่แจ่มใสเพื่อจะได้อำนวยความเจริญก้าวหน้าให้บังเกิดแก่มนุษย์ และสาดรัศมีส่องข้ามพิภพต่อไป
(20) ด้วยเหตุที่เด็กบาไฮถูกเลี้ยงดูในอ้อมอกแห่งความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เด็กบาไฮจะต้องนำเด็กอื่นๆ ในด้านการศึกษาสาขาวิชาศิลปะและวิทยาศาสตร์
ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ใช้เวลาศึกษาเนื้อหาวิชาความรู้ใดในหนึ่งปี เด็กบาไฮจะสามารถศึกษาวิชานั้นสำเร็จในหนึ่งเดือน พระอับดุลบาฮาตั้งความปรารถนาไว้ด้วยความรักที่จะได้เห็นเยาวชนบาไฮแต่ละคนมีสติปัญญาฉลาดปราดเปรื่องโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เยาวชนบาไฮเหล่านั้นจะต้องทุ่มเทความพยายาม พลังและความภาคภูมิทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อให้ได้มาซึ่งความเชี่ยวชาญทางศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่กล่าวมานี้
(21) ดูกร บรรดามิตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงความบริสุทธิ์ทรงความยิ่งใหญ่ อุปนิสัยอันผ่องแผ้วบริสุทธิ์ควรแก่การสักการนั้นเป็นคุณธรรมของผู้ที่อุทิศแล้วซึ่งสิ่งทั้งปวง เป็นคุณสมบัติประจำใจที่เป็นไท ความสมบูรณ์เพียบพร้อมนั้นคือการปราศจากมลทินและการปลดตนให้เป็นอิสระจากความด่างพร้อยทั้งปวง บุคคลใดก็ตามที่มีจิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์ เขาย่อมจะกลายเป็นศูนย์รวมที่สะท้อนแสงแห่งพระธรรมที่เผยไว้
วิถีชีวิตของมนุษย์นั้นประกอบด้วยความบริสุทธิ์เป็นอันดับแรก ลำดับต่อไปก็คือต้องมีความผ่องแผ้ว จิตใจที่สะอาดและเป็นอิสระ ร่องลำธารจะต้องสะอาดก่อนที่จะรองรับสายธารทิพย์ที่หลากไหลมา สายตาอันบริสุทธิ์ที่ชื่นชมภาพนิมิตอันน่าปิติของพระผู้เป็นเจ้าย่อมตระหนักในความหมายของภาพที่ได้ประจักษ์นั้น โสตสัมผัสอันบริสุทธิ์จะได้ดอมดมกลิ่นกลิ่นสุคนธ์ที่ขจรมาจากสวนกุหลาบแห่งความกรุณาของพระองค์ หัวใจที่สุกใสจะส่องสะท้อนโฉมหน้าแห่งสัจจะอันสง่างาม
ด้วยประการฉะนี้ พระธรรมคำสั่งสอนในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์จึงเปรียบประดุจดังธารา แม้กระทั่งในพระคัมภีร์กุรอ่านก็มีข้อลิขิตว่า ?และเราได้หลั่งน้ำทิพย์อันบริสุทธิ์ลงมาจากสวรรค์ ?ในทำนองเดียวกันพระคัมภีร์ศาสนาคริสต์กล่าวไว้ว่า ?ถ้าหากมนุษย์มิได้ผ่านการล้างบาปด้วยน้ำและพระจิต เขาก็จะไม่ได้เข้าสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ?ธรรมลิขิตเหล่านี้ชี้ให้เราได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า พระธรรมคำสั่งสอนใดๆ ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าล้วนเป็นแหล่งที่มาแห่งพระกรุณาธิคุณ เป็นพิรุณแห่งความเมตตาและเป็นเครื่องชำระล้างหัวใจของมนุษย์ให้สะอาดหมดจด
ความหมายของอรรถาธิบายที่เราแสดงไว้นี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า ในทุกแง่ทุกมุมของชีวิตนั้น ความบริสุทธิ์อันน่านับถือและความสะอาดหมดจดจะยกสถานะของมนุษย์ให้สูงขึ้น และจะช่วยพัฒนาแก่นแท้แห่งชีวิตจิตใจของมนุษย์ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า แม้กระทั่งในโลกแห่งวัตถุนี้ ความสะอาดทางร่างกายที่เราเห็นว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางด้านสรีระนั้นยังมีอิทธิพลต่อสุภาพของจิตวิญญาณอีกด้วย ความสะอาดเปรียบประดุจดังเสียงหวานเสนาะ เป็นดุริยางค์อันไพเราะ แม้เสียงจะเป็นคลื่นในอากาศซึ่งมากระทบกับโสตประสาท และแม้ว่าคลื่นเสียงจะบังเอิญเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่อยู่ในรูปของคลื่นอากาศ กระนั้นก็ดีขอให้เจ้าจงสังเกตดูว่าเสียงนั้นไพเราะจับใจผู้ฟังเพียงไร เสียงดนตรีอันไพเราะเปรียบเสมือนเป็นปีกของจิตใจ ยังให้จิตวิญญาณหวั่นไหวด้วยความปิติ ความมุ่งหมายที่ได้แสดงอรรถาธิบายนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความสะอาดทางด้านสรีระและทางวัตถุนั้นมีผลต่อจิตวิญญาณในทำนองเดียวกับที่ดนตรีมีต่อจิตใจของมนุษย์นั่นเอง
จงหันมาพิจารณาดูว่า ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้านั้น พระองค์ทรงโปรดปราณความสะอาดหมดจดเพียงไร ขอให้สังเกตดูว่าพระศาสดาทั้งหลายได้ทรงตรัสย้ำถึงความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเพียงไร พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกศาสนามีบทบัญญัติห้ามมิให้บริโภคหรือใช้ของที่ไม่สะอาด บทบัญญัติบางข้อกำหนดห้ามเรื่องนี้ไว้อย่างตายตัวและมีผลใช้บังคับมนุษย์ทุกคน ใครก็ตามที่ละเมิดพระบัญญัติที่พระศาสดาวางไว้ให้ ย่อมเป็นบุคคลที่พระผู้เป็นเจ้าทรงรังเกียจ นอกเหนือจากนั้นจะต้องถูกศาสนิกชนทั่วไปประณามอีกด้วย ที่กล่าวมานั้นคือตัวอย่างข้อห้ามบางข้อที่ระบุไว้อย่างเด็ดขาด มีการกระทำที่น่ารังเกียจซึ่งถือเป็นบาปมหันต์อีกหลายอย่างที่น่าละอายจนไม่สมควรเอ่ยกล่าวถึง
ยังมีสิ่งต้องห้ามอีกหลายประการซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างทันตาเห็น แต่มีพิษภัยที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า การกระทำใดๆ ที่ก่อผลดังกล่าวนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นที่น่ารังเกียจ น่าตำหนิและน่าชิงชังยิ่งนัก แม้ว่าพระคัมภีร์ยังมิได้ระบุห้ามประพฤติผิดศีลในข้อนี้ก็ดี การหลีกเลี่ยงไม่นำตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพื่อธำรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ สะอาดพลานามัยอันสมบูรณ์ การอิสระจากสิ่งเสพติดเหล่านั้นย่อมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
หนึ่งในบรรดาสิ่งต้องห้ามที่กล่าวมาแล้วก็คือ การสูบบุหรี่ซึ่งทั้งสกปรก ส่งกลิ่นน่ารักเกียจ เป็นการเพาะนิสัยที่เป็นโทษ พิษภัยของการสูบบุหรี่นั้นค่อยๆ เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้ว ส่วนประกอบของบุหรี่ที่ได้ผ่านการวิจัยจากนายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งยังได้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่าเป็นพิษต่อร่างกาย และผู้ที่สูบบุหรี่เองก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคหลายชนิด ด้วยประการฉะนี้จึงกล่าวได้ว่า การสูบบุหรี่เป็นภัยต่อสุขภาพอนามัยอย่างยิ่ง
เมื่อสมัยแรกเริ่มที่พระบ๊อบประกาศเทศนาพระธรรมนั้นพระองค์ทรงประกาศห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาดและบรรดาศาสนิกชนทั้งหมดก็ปฏิบัติตาม แต่เนื่องจากว่าผู้ที่อดบุหรี่ถูกก่อกวน ถูกทารุณและบางครั้งถูกประทุษร้ายจนถึงแก่ความตาย ดังนั้นพระบ๊อบจึงอนุญาตให้ศาสนิกชนอำพรางความเชื่อถือของตนได้ ศาสนิกชนที่ไม่ประสงค์จะประกาศศาสนาของตนจึงสูบบุหรี่ต่อไป ครั้นต่อมา เมื่อถึงสมัยที่มีพระราชบัญญัติพระมหาคัมภีร์อัคดัส พระคัมภีร์เล่มนี้ก็มิได้ระบุห้ามการสูบบุหรี่ไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น ศาสนิกชนโดยทั่วไปจึงยังไม่อดบุหรี่อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ดี พระบาฮาอุลลาห์ได้ทรงตรัสถึงความน่ารังเกียจของบุหรี่ไว้เสมอ แม้ว่าในอดีต พระบาฮาอุลลาห์จึงมีเหตุผลพอที่จะสูบบุหรี่ซึ่งทรงสูบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อเมื่อถึงเวลาอันสมควร พระองค์ก็ทรงอดอย่างเด็ดขาด บรรดาศาสนิกชนที่เคร่งครัดในศีลปฏิบัติต่างก็พากันอดบุหรี่ตามเบื้องยุคลบาทของพระองค์
อรรถาธิบายนี้หมายจะแสดงให้เห็นว่า ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า การสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจน่าขยะแขยงสกปรกอย่างยิ่งและระดับอันตรายที่มีต่อสุขภาพนั้นสูงมากหรือน้อยตามปริมาณที่สูบ ทำให้เสียทั้งเงินและเวลา และผู้สูบเองยังต้องตกเป็นทาสสิ่งเสพติดอันเป็นภัยร้ายแรงนี้ด้วย ผู้ที่มั่นคงในพระปฏิญญาย่อมเห็นแล้วว่า ไม่ว่าจะมองทางด้านเหตุผลหรือประสบการณ์ การติดบุหรี่เป็นนิสัยที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง และการอดให้ได้นั้นจะนำมาซึ่งความปลอดโปร่งใจและสุขสงบแก่มนุษย์ทั้งปวง นอกเหนือจากนี้ยังจะทำให้ปากสะอาด นิ้วมือปราศจากคราบ ผมปลอดจากกลิ่นที่น่ารังเกียจ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศาสนิกชนที่ได้สดับความนี้แล้วจะหาทางละทิ้งนิสัยอันเป็นภัยนี้ให้ได้ภายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งอย่างแน่นอน
ส่วนสำหรับฝิ่นนั้น เป็นยาเสพติดที่ทั้งน่าสกปรกและน่าประณามยิ่งนัก พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องเราให้พ้นจากโทษความทุกข์ที่ผู้เสพติดจะต้องได้รับ พระมหาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ระบุห้ามเสพย์ไว้อย่างชัดแจ้งตายตัว สมควรที่ผู้เสพย์จะต้องได้รับคำประณามอย่างรุนแรง ได้ผ่านการพิสูจน์ตามหลักเหตุผลแล้วว่า การสูบฝิ่นทำให้จิตใจไม่ปกติ และประสบการณ์เท่าที่ผ่านสายตาเรามานั้นเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่า คนที่ติดฝิ่นนั้นถูกตัดขาดออกจากสภาพความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องเราให้ออกห่างจากการกระทำผิดอย่างน่ารังเกียจเยี่ยงนี้ ทั้งที่เพราะการสูบฝิ่นมีผลถอนรากถอนโคนความเป็นมนุษย์มีโทษทำให้ผู้เสพย์ต้องตกอยู่ในสภาพเสียผู้เสียคนตลอดไป ฝิ่นเกาะกินจิตวิญญาณ ทำลายสำนึกผิดชอบชั่วดีของผู้เสพย์จนหมดสิ้น ทั้งยังทำให้จิตใจเลื่อนลอย ความสามารถในการรับรู้เสื่อมถอยลง พิษของฝิ่นแปรให้ชีวิตเปลี่ยนเป็นความตายและกลืนกินพลังธรรมชาติในร่างกายด้วย ความทุกข์ทรมานที่อุบัติจากการสูบฝิ่นนั้นไม่มีสิ่งใดเกิน สวัสดิ์มงคลนั้นมีแด่ผู้ที่ไม่เคยเอ่ยอ้างถึงนามของมัน ฉะนั้นแล้ว จงตรึกตรองดูเถอะว่าเคราะห์กรรมที่จะตกแก่ผู้ที่เสพย์นั้นมหาศาลและร้ายแรงเพียรไร
ดูกร บรรดาผู้ที่เป็นปิยมิตรของพระผู้เป็นเจ้า ตลอดชั่วอายุขัยของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงประณามการใช้ความรุนแรง ใช้กำลังบีบบังคับขู่เข็ญหรือกดขี่กัน กระนั้นก็ดี วิถีทาง ทั้งหมดที่มีอยู่นั้นจะต้องนำมาใช้ป้องกันมิให้มีการสูบฝิ่น เผื่อว่าบางทีอาจช่วยให้มนุษย์ชาติรอดพ้นจากโรคระบาดอันร้ายแรงนี้ได้ มิฉะนั้นแล้ว ความหายนะและความทุกข์ยากจะตกแก่ผู้ที่ละเลย ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ที่ตนพึงมีต่อพระผู้เป็นเจ้า
ข้าแต่พระผู้ทรงกรุณา ขอพระองค์ทรงประทานสิ่งที่จะยังความบริสุทธิ์และความสะอาดหมดจดแก่บาไฮศาสนิกชน ขอให้พวกเขาปลอดจากมลทิน ให้รอดพ้นจากสิ่งเสพย์ติดทั้งมวล ขอทรงปกป้องมิให้เขากระทำสิ่งที่น่ารังเกียจ ขอทรงปลดปล่อยให้เขาหลุดพ้นจากโซ่ตรวนแห่งนิสัยอันชั่วร้าย เพื่อว่าเขาจะได้ดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ เป็นอิสระ มีความสุขสมบูรณ์และสะอาดหมดจด มีค่าควรแก่การรับใช้ ณ แทบพระธรณีอันศักดิ์สิทธิ์ สมควรได้ชื่อว่ามีสายสัมพันธ์กับพระองค์ ขอให้เขารอดพ้นจากการต้องตกเป็นทาสของสุรา ยาสูบ ขอพระองค์ทรงช่วยเหลือปกป้องเขาให้พ้นจากยาฝิ่น ซึ่งมีแต่จะนำความคลุ้มคลั่งมาให้ และให้เขาได้รื่นรมย์กับรสสุคนธ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อว่าเขาจะได้ดื่มน้ำทิพย์จากถ้วยแห่งความรักอันลึกลับ และได้มีโอกาสสัมผัสกับความปิติแห่งการได้อยู่ใกล้ชิดกับอาณาจักรของพระผู้ทรงเรืองรอง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามพระดำรัสของพระองค์ที่ได้ทรงตรัสไว้ว่า ?ทรัพย์สมบัติที่เจ้าเก็บไว้ในกรุนั้นไม่สามารถดับกระหายแห่งความรักของเราได้ ดูกร พนักงานรินน้ำ จงนำถ้วยน้ำอมฤตแห่งจิตวิญญาณที่บรรจุน้ำทะเลจนเปี่ยมล้นมาให้เรา
ดูกร ผู้ที่เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า ประสบการณ์เท่าที่ผ่านมานั้นเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า การอดบุหรี่ เลิกดื่มสุราเมรัย และเลิกสูบฝิ่นนั้นให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายทางด้านสุขภาพพลานามัย ความสดใสกระปรี้กระเปร่า ความกว้างขวางฉับไวทางด้านความคิดความอ่านและความแข็งแรงมากมายพียงไร ถ้าปัจจุบันนี้มีชนชาติหนึ่งซึ่งพร้อมใจกันหลีกเลี่ยงไม่สูบบุหรี่ ไม่ติดสุรายาเมา ไม่ตกเป็นทาสยาเสพย์ติด ชนชาตินี้จะถูกจัดอยู่ในระดับเหนือกว่าชนชาติอื่นทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านพละกำลัง พลานามัยที่แกร่งกล้า สุขภาพ ความสวยงามลำพังคนเพียงคนเดียวของชนชาตินี้สามารถรับมือคนชาติอื่นได้ถึง 10 คน นี่คือสภาพความเป็นจริงของคนทั้งชาติที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ถ้าเทียบกันตัวต่อตัวแล้ว ชนในชาตินี้มีความเหนือกว่าชนชาติอื่นในทุกทาง
ขอให้เจ้าจงวิริยะอุตสาหะให้กับความบริสุทธิ์สดใสและความน่าเคารพซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พระอับดุลบาฮาเทิดทูนไว้จงเป็นเครื่องเชิดชูบาไฮศาสนิกชนให้เด่นแตกต่างไปจากผู้อื่น เพื่อบาไฮศาสนิกชนจะได้ชื่อว่ามีการกระทำที่ประกอบด้วยคุณงามความดีล้ำหน้ามนุษย์ทั้งปวง จะสำแดงให้โลกทั้งโลกได้ประจักษ์ในความเป็นต่อทางด้านสุขภาพพลานามัยที่ปรากฏภายนอกและจิตใจที่แฝงอยู่ภายใน จะได้เป็นผู้นำบรรดาผู้ที่ตระหนักถึงความสำคัญทางด้านความบริสุทธิ์ผ่องแผ้วสะอาดหมดจดและการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และด้วยการวางตนให้เป็นไทจากทาสของสิ่งเสพย์ติด ผนวกกับสติปัญญาและการควบคุมหักห้ามจิตใจของตนเอง เขาจะล้ำหน้าบรรดาผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ มีอิสระและเลิศด้วยปัญญาทั้งปวง
(22) การรักษาพยาบาลคนไข้ให้หายจากความเจ็บป่วยนั้นทำได้สองทาง ทางที่หนึ่งก็คือ การรักษาทางร่างกาย ส่วนอีกทางหนึ่งก็คือ การรักษาทางด้านจิตใจ การรักษาทางด้านร่างกายนั้นเป็นหน้าที่ของแพทย์ และการรักษาทางด้านจิตใจนั้นทำได้ด้วยการตั้งจิตระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าและน้อมจิตอธิษฐานถึงพระองค์ ควรใช้ทั้งสองวิธีนี้บำบัดอาการป่วยไข้
โรคอันมีสมมุติฐานทางกายควรได้รับการรักษาจากนายแพทย์ประกอบกับการสั่งยาทางด้ายเภสัชกรรม ความเจ็บไข้ทางด้านจิตใจหายขาดได้ด้วยการบำบัดทางจิตเวช ด้วยประการฉะนี้ เราจะพบว่า วิธีการทางจิตเวชสามารถนำไปใช้บำบัดอาการทางจิตใจที่ผ่านการกระทบกระเทือนอันเนื่องมาจากความทุกข์ทรมาน ความกลัว การฝังใจ การรักษาด้วยวิธีนี้ให้ผลดีกว่าการรักษาทางกายภาค อย่างไรก็ดีการรักษาทั้งสองวิธีนี้สามารถใช้ควบคู่กันไปได้เพราะไม่มีผลขัดกันและเนื่อง จากการรักษาทางกายภาคนั้นเป็นวิทยาการที่อุบัติขึ้นจากพระกรุณา พระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเปิดเผยความรู้ทางการแพทย์ศาสตร์เพื่อยังคุณประโยชน์ให้แก่มนุษย์ทางด้านการรักษาพยาบาล เจ้าจึงควรยอมรับวิธีการบำบัดทางกายภาคนี้ด้วย แม้กระนั้นก็ดี เจ้าก็ควรจะให้ความสนใจกับการรักษาทางด้านจิตเวชในน้ำหนักที่เท่ากันเพราะการรักษาทางจิตใจนี้ให้ผลเยี่ยมยอดด้วยเช่นกัน
บัดนี้ ก็มาถึงประเด็นที่ว่า ถ้าเจ้าปรารถนาใคร่จะรู้วิธีการรักษาเยียวยาคนไข้ให้หายขาดจากโรคภัยทั้งยังมีอายุวัฒนะอันเป็นพลานามัยของโลกทิพย์ด้วยนั้น เราใคร่ขอแถลงว่า การบำบัดด้วยวิธีเช่นนั้นมีอุดมอยู่แล้วในศาสนโอวาทของพระผู้เป็นเจ้าขอให้เจ้าจงให้ความสนใจศึกษาดู
(23) ดูกร บรรดาผู้เป็นที่รักของมนุษย์ชาติ เราได้รับจดหมายของเจ้าแล้ว ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงอำนวยความสุขสมบูรณ์ให้แก่เจ้าจงได้รับคำสรรเสริญ จดหมายที่เจ้าตอบมาฉบับที่แล้วบ่งบอกถึงความรักความรู้สึกดี ที่มีต่อกันระหว่างเจ้ากับบรรดามิตรสหายนั้นได้ก่อตัวขึ้นแล้ว
จำเป็นที่ทุกคนจะต้องมองดูเฉพาะจุดอันน่านิยมชมเชยซึ่งมีปรากฏในมนุษย์ทุกคน ถ้าหากปฏิบัติได้ตามนี้ คนทุกคนย่อมสามารถเป็นมิตรกับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกทั้งมวลได้ แต่ถ้าหากว่าเราเฝ้ามองดูแต่ความผิดพลาดของเขาเพียงด้านเดียว แน่นอนการที่จะเป็นมิตรที่ดีต่อกันย่อมไม่มีทางเป็นไปได้
มีอุทาหรณ์เรื่องหนึ่งในสมัยของพระเยซูคริสต์ ขอชีวิตจิตใจของพิภพนี้จงเป็นพลีแด่พระองค์ เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งพระองค์ทรงดำเนินผ่านซากสุนัขตัวหนึ่งซึ่งกำลังส่งกลิ่นเหม็นน่าดูน่าขยะแขยง ขากำลังเน่าเปื่อยเสื่อมสลายไป ผู้ที่ร่วมขบวนตามเสด็จท่านหนึ่งเอ่ยว่า ?กลิ่นช่างเหม็นร้ายแรงอะไรเช่นนี้ ?และอีกท่านหนึ่งก็กล่าวเสริมว่า ?ช่างน่าคลื่นไส้อาเจียน น่ารังเกียจเสียจริง ?โดยสรุปแล้ว ผู้ตามเสด็จแต่ละคนต่างก็เสริมเพิ่มเติมตั้งข้อรังเกียจกันอย่างยืดยาว
เมื่อพระเยซูคริสต์ได้ทรงสดับฟังดังกล่าวแล้ว พระองค์จึงดำรัสขึ้นว่า ?แต่ขอให้เราดูฟันของมันซิ ช่างขาววาววับอะไรเช่นนั้น
สายพระเนตรซึ่งมีม่านบังบาปของพระเยซูคริสต์เจ้าไม่เคยเพ่งพิศมองซากอันน่ารังเกียจนั้นแม้สักขณะจิตเดียว ฟันนั้นเป็นเพียงอวัยวะส่วนหนึ่งของซากสุนัขที่ไม่มีวันเน่าเสื่อมสลายลง และพระเยซูคริสต์เจ้าทรงพิศดูแต่เฉพาะความแวววาวนั้น
ดังนั้น เมื่อเราเพ่งดูผู้อื่น จำเป็นที่เราควรจะมองแต่ส่วนที่ดีเลิศของเขา มิใช่เสาะหาจุบกพร่องของเขาเท่านั้น
ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า ขอให้การช่วยส่งเสริมความสุขสวัสดีให้บังเกิดแก่มนุษย์ชาติพร้อมกับการช่วยเกื้อกูลให้เขาพ้นจากความผิดพลาดนั้นเป็นจุดมุ่งหมายของเจ้า ความตั้งใจอันเลิศนี้จะนำมาซึ่งคุณประโยชน์อันใหญ่หลวง
(24) ต่อคำถามของเจ้าที่ว่า วิญญาณทุกดวงจะคงกระพันอยู่ชั่วนิจนิรันดรโดย ทั่วถึงกันหรือไม่นั้น ขอให้เจ้าจงรับรู้ไว้ว่าเฉพาะดวงวิญญาณที่หายใจรับกระแสจิตแห่งชีวิตของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะคงความเป็นอมตะ ส่วนดวงวิญญาณอื่นๆ จะปราศจากชีวิตจิตใจและดับดิ้นไปตามเทศนาธรรมของพระเยซูคริสต์เจ้า ที่ทรงแสดงไว้ในพระคริสต์ธรรม ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดตาให้จะได้เห็นตำแหน่งระดับต่างๆ ที่ดวงวิญญาณจะได้ครองหลังจากที่ละจากร่างกายนี้ไป เขาจะได้พบดวงวิญญาณที่มีชีวิตจิตใจจะรุ่งโรจน์อยู่ในอาณาบริเวณที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า ส่วนดวงวิญญาณที่ดับจะร่วงสู่ห้วงเหวแห่งอเวจี
จงรับรู้ไว้ว่า ดวงวิญญาณที่ถูกปั้นแต่งให้เป็นไปตามคุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้า กล่าวคือ เมื่อแรกถือกำเนิดขึ้นมานั้น แต่ละดวงจะมีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง จากนั้นจึงจะแตกต่างกันไปตามกรรมดีหรือกรรมชั่วที่มนุษย์แต่ละคนนั้นได้ประกอบขึ้นในโลกนี้ จริงอยู่ธาตุแท้ของสรรพสิ่งทั้งหลายที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นมีตำแหน่งหรือระดับเหลื่อมล้ำกัน ทั้งนี้เป็นไปตามระดับสมรรถนะของแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง กระนั้นก็ดี คนแต่ละคนล้วนแต่มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา ความด่างพร้อยนั้นบังเกิดขึ้นภายหลัง
ถึงแม้ว่าระดับความสามารถของสิ่งต่างๆ จะแตกต่างกัน แต่สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นล้วนแต่มีคุณประโยชน์ทั้งสิ้น ขอให้เราพิจารณาดูส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ ดูแขนขา อวัยวะต่างๆ ดูตา หู ประสาทสัมผัสทางด้านการดมกลิ่น ชิมรส ดูมือดูเล็บ เราจะพบว่า แม้อวัยวะเหล่านั้นจะดูแตกต่างกัน ความสามารถเฉพาะส่วนต่างๆ เหล่านั้นกลับช่วยเสริมสัมพันธ์ถึงกันหมด หากส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่องล้มเหลว อวัยวะส่วนนั้นต้องได้รับการรักษา ถ้าไม่มีทางรักษา ต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นทิ้งเสีย
(25) ในยุคนี้ ใครก็ตามที่บรรลุอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและได้รับชีวิตนิรันดร คนๆ นั้นจะได้ล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ ทั้งๆ ที่กำลังมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งวัตถุนี้ ในขณะที่ร่างกายของเขายังคงอยู่บนพื้นพิภพ จิตวิญญาณของเขากลับได้ท่องไปในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งนี้เพราะเมื่อความคิดของคนเรากว้างขวางและจิตใจผ่องแผ้วแล้ว พลังอันโลดแล่นก็จะบังเกิดขึ้นมาขับเคลื่อนมนุษย์ไปสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
(26) ดูกร คนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า จงอย่าเศร้าใจในความทุกข์ยากและความหายนะที่รุมล้อมเจ้าอยู่ ชะตานั้นถูกกำหนดไว้แก่มนุษย์ เพื่อมนุษย์จะได้ละวางจากโลกอันปราศจากความเที่ยงแท้แน่นอน โลกที่เขายึดอยู่นี้ หลังจากที่มนุษย์เราผ่านความทุกข์ยากแสนสาหัสและบังเกิดความครั่นคร้ามแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์ก็จะใฝ่หาอาณาจักรถาวรอันปลอดจากความทุกข์และความวิบัติทั้งหลายทั้งปวง นี่คือความเป็นไปของคนมีปัญญา เขาย่อมไม่ดื่มน้ำจากถ้วยที่มีตะกอนขม ในทางตรงกันข้ามเขาจะแสวงหาถ้วยที่บรรจุน้ำบริสุทธิ์ใสสะอาดและจะไม่ลองลิ้มน้ำผึ้งที่มียาพิษเจือปนอยู่
ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้าที่ให้เจ้าได้ผ่านการถูกทดสอบ ถูกทรมานมาแล้ว จงมีความอดทนและขอให้ตั้งอยู่ในความกตัญญูรู้คุณ จงตั้งจิตสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า พร้อมทั้งพากเพียรให้ตนเองได้ครองลักษณะนิสัยอันประกอบด้วย เมตตาธรรม ให้มีความสดชื่นผ่องใสให้อุดมไปด้วยคุณธรรมความดีซึ่งเป็นคุณลักษณะประจำอาณาจักรของพระผู้เป็นนาย จงพยายามให้ทรรศนะของตนที่มีต่อความสุขสบายในโลกปรากฏเด่นแตกต่างจากค่านิยมในความคิดคำนึงของคนทั่วไป จงมั่นคงและยึดมั่นอยู่ในพระปฏิญญาพร้อมทั้งช่วยประกาศศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า
ธรรมปฏิบัติที่กล่าวมานี้คือที่มาแห่งความสูงส่งของมนุษย์เป็นผลบุญที่ช่วยให้เขาได้ประสบแต่ความรุ่งเรืองให้เขาได้รอดพ้นจากอบายมุขทั้งปวง
(27) จงดำเนินชีวิตอยู่ในบาทวิถีของพระผู้เป็นเจ้า อย่าพูดถ้อยคำที่เกินความเข้าใจ คำพูดเช่นนั้นเปรียบประดุจดังของหวานเลี่ยนที่ใช้ป้อนเด็กทารก แม้อาหารนั้นจะอร่อยถูกปาก หายากและเลิศรสปานใดก็ตาม กระเพาะของทารกน้อยนั้นก็ไม่อาจย่อยได้ ดังนั้นจงใช้คำพูดให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้รับฟัง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์รับรู้นั้นมิได้หมายความว่าจะเปิดเผยได้หมด ส่วนที่เปิดเผยได้นั้นก็มิได้หมายความว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะถูกกาลเทศะทุกข้อไป และการพูดที่ต้องตามกาลเทศะนั้น ต้องใช้คำพูดที่ผู้รับฟังสามารถเข้าใจได้ ?นี่คือวิธีการพูดอันเลิศด้วยปัญญา เป็นแนวทางที่เจ้าสามารถนำไปใช้ในธุรกิจทุกประเภท หากเจ้าต้องการคนที่พูดจริงทำจริงในทุกสถานการณ์ ก็จงอย่าละเลยความเป็นจริงข้อนี้เสีย จงวินิจฉัยอาการของโรคให้ออกเสียก่อนที่จะระบุโรค จากนั้นจึงสั่งยารักษาให้ นี่คือวิธีการอันดีเลิศของนายแพทย์ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือเยี่ยม
(28) จำเป็นที่หัวใจของผู้ที่เผยแพร่ศาสนาต้องระอุด้วยเพลิงแห่งความรัก คำพูดของเขาจึงจะมีอานุภาพประดุจดังเปลวไฟที่จะเผาผลาญม่านเมฆแห่งกิเลสและความเห็นแก่ตัวให้มอดมลายไป นอกเหนือจากนี้เขายังต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด ให้ความประพฤติที่แสดงออกนั้นเป็นคติสอนใจผู้อื่น ทั้งยังจะต้องลบล้างความสนใจเฉพาะแต่ตัวเองให้หมดสิ้นไป เขาจะต้องปลงในความไม่จีรังยั่งยืน จากนั้นจึงจะสามารถเผยแพร่ศาสนาด้วยถ้อยทำนองประดุจดังดุริยางค์ที่บรรเลงโดยเทพธิดา หาไม่แล้ว การสอนของเขาจะไร้ผล
(29) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ขอทรงโปรดประทานแสงสว่างแก่ใบหน้าของผู้ที่รักพระองค์อย่างแท้จริง ขอให้เทพธิดาแห่งชัยชนะอันเที่ยงแท้อุปถัมภ์ค้ำจุนเขา ให้เท้าของเค้าเดินอย่างมั่นคงแน่วแน่อยู่บนหนทางตรงของพระองค์ และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันมีมาแต่โบราณของพระองค์ ขอทรงเปิดประตู่แห่งพระพรให้ประจักษ์แก่เขาเหล่านั้น เพราะว่าขณะนี้เขากำลังใช้จ่ายทรัพย์สินที่พระองค์ประทานให้ในวิถีธรรมของพระองค์ เพื่อใช้ปกปักษ์รักษาศาสนาของพระองค์และเพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งการระลึกถึงพระองค์และการอุทิศชีวิตจิตใจด้วยความรักของพระองค์ เขามิได้ยึดครองสมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ แต่สละให้เพื่อเป็นเครื่องบูชาความงามของพระองค์ เพื่อค้นหาวิถีทางทำให้พระองค์มีความยินดี
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอทรงดลบันดาลให้เขาได้รับส่วนแบ่งอย่างมากมาย ได้รับชดเชยตามพระราชกำหนดและได้รับรางวัลอย่างแน่นอน
แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงค้ำจุน พระผู้ทรงช่วยเหลือ พระผู้ทรงเมตตากรุณา พระผู้ทรงประทานพรตลอดกาล
(30) ถ้อยคำที่อธิษฐานด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและด้วยความศรัทธาอันแรงกล้านี้ยังความชื่นชมยินดีแก่พระผู้เป็นคนรับใช้นี้อย่างยิ่ง เสมือนหนึ่งอำนวยให้ผู้ที่อธิษฐานได้เข้าเฝ้าพระอับดุลบาฮาอย่างใกล้ชิดตามลำพัง
พระองค์คือพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์เหนือสิ่งอื่นใด
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอยกมือนมัสการพระองค์ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและด้วยน้ำตาที่นองหน้า ขอจรดศีรษะลงสู่ธุลี ณ เบื้องที่ประทับของพระองค์ ความประเสริฐของพระองค์นั้นเหนือเกินความรอบรู้ของเหล่านักปราชญ์ เหนือเกินคำที่จะสดุดียกย่องพระองค์ ขอทรงโปรดมองดูคนรับใช้ที่กำลังเข้าเฝ้าหน้าที่ประทับของพระองค์ด้วยความเมตตา ให้เขาได้ดำดิ่งลงสู่ห้วงมหาสมุทรแห่งพระกรุณาอันไม่รู้สิ้นของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย นี่คือคนรับใช้ที่ยากไร้และต่ำต้อยของพระองค์ เป็นผู้ที่ถูกจองจำและกำลังวิงวอนต่อพระองค์ ความเป็นไปของเขาอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ คนรับใช้ผู้นี้กำลังเจริญภาวนาถึงพระองค์ด้วยความศรัทธาและด้วยน้ำตาต่อหน้าที่ประทับของพระองค์ กำลังอธิษฐานและวิงวอนพระองค์ขอความสดุดีพระองค์ดังนี้
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอทรงประทานกระแสพระบารมีให้ข้าพเจ้าได้รับใช้บรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ ขอทรงประทานพลังให้ข้าพเจ้ารับใช้พระองค์ ให้ดวงหน้าของข้าพเจ้าสดใสด้วยแสงบูชาในราชสำนักอันศักดิ์สิทธิ์และด้วยการอธิษฐานต่ออาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ขอทรงโปรดช่วยให้ข้าพเจ้าสละความเห็นแก่ตัวไว้ ณ ปากประตูสู่วิมาน ภายในราชฐานอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ขอพระองค์ทรงช่วยให้ข้าพเจ้าละกิเลสจากสิ่งทั้งมวล ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้ดื่มน้ำจากถ้วยแห่งความไม่เห็นแก่ตัว ให้ได้สวมใส่อาภรณ์แห่งการไม่คำนึงถึงตนเอง และขอให้ได้ดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรแห่งความไม่เห็นแก่ตัวนั้น ขอให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนธุลีดินในบาทวิถีของผู้ที่พระองค์ทรงรัก ข้าแต่พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ในสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด ข้าพเจ้าขอพลีวิญญาณให้แก่โลกที่เจริญขึ้นด้วยรอยเท้าบนวิถีธรรมของผู้ที่พระองค์ทรงเลือกไว้
คนรับใช้ผู้นี้ขอวิงวอนพระองค์ทั้งเช้าและเย็นด้วยบทอธิษฐานนี้ โปรดให้ความปรารถนาของเขาสัมฤทธิ์ผล โปรดดลบันดาลให้จิตใจของเขาสดใส ให้ใจของเขาเบิกบาน ขอทรงโปรดปกป้องแสงธรรมดวงนี้ไว้ เพื่อเขาจะได้สามารถรับใช้ศาสนาและศาสนิกชนของพระองค์
พระองค์คือพระผู้ทรงให้ พระผู้ทรงมีพระทัยเมตตา พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงปรานี
บทความที่คัดเลือกมาจากหนังสือชื่อ
คำเฉลยปัญหาบางข้อ
(31) สำหรับพระบ๊อบ?ขอวิญญาณของเราจงเป็นค่าไถ่สำหรับพระองค์ด้วยเถิด เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์ขณะทรงมีพระชนมายุย่างเข้า 25 พรรษานั้น พระองค์ทรงยืนหยัดประกาศศาสนา เป็นที่ยอมรับกันในหมู่ชาวมุสลิมนิกายชีไฮท์ว่า พระองค์ไม่เคยทรงได้รับการศึกษาจากโรงเรียนใดมาก่อน ทั้งไม่เคยได้รับความรู้จากครูคนใด ความจริงข้อนี้ชาวเมืองชีราสต่างเป็นพยานรับรอง กระนั้นก็ดี เมื่อวาระที่พระองค์จะต้องปรากฏองค์เด่นต่อหน้าฝูงชนโดยฉับพลันมาถึง ความปราดเปรื่องอันสุดสมบูรณ์ที่ทรงแสดงออกนั้นก็คือคุณสมบัติประจำพระองค์ แม้พระองค์จะเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่ง แต่ความรอบรู้ของพระองค์ยังคงความฉงนฉงายแก่บรรดาอิหม่าม?ของประเทศเปอร์เซียในสมัยนั้นยิ่งนัก พระองค์ทรงปกป้องศาสนาตามลำพังในท่ามกลางหมู่ชาวเปอร์เซียซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านหลงใหลคลั่งไคล้ศาสนาได้อย่างไม่น่าเชื่อ พระผู้กระเดื่องพระนามองค์นี้ทรงยืนหยัดประกาศศาสนาด้วยพลานุภาพที่ยังความสั่นสะเทือนให้บังเกิดแก่บรรดาผู้ที่ประคับประคองศาสนา ทั้งยังส่งอิทธิพลครอบคลุมไปถึงแนวศีลธรรม สภาวะของบุคคล อุปนิสัยและจารีตประเพณีของชาวเปอร์เซีย พร้อมกันนั้นพระองค์ก็ทรงสถาปนากฎระเบียบข้อบังคับและศาสนาใหม่ขึ้น พระองค์ทรงผจญกับบรรดารัฐบุรุษ นักบวชเกือบทุกรูปรวมทั้งข้าราชกาลที่ร่วมกันลุกฮือขึ้นมาหมายทำลายล้างพระองค์ให้พินาศลง พระองค์ทรงเผชิญกับเขาเหล่านั้นอย่างโดดเดี่ยว ยังความสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศเปอร์เซีย
บรรดาผู้ที่ทำงานเพื่อประชาชน รวมทั้งพระอิหม่ามและประชาชนทั่วไป ต่างพากันสละชีวิตให้ศาสนาด้วยความยินดี เร่งรุดสู่ตะแลงแกง เพื่อพลีชีพให้แก่ศาสนาอย่างไม่รอช้า
รัฐบาล ประชาชาติ นักปราชญ์ราชบัณฑิตและบุคคลสำคัญของประเทศ ต่างมุ่งหมายจะดับแสงธรรมอันบรรเจิดดวงนี้ แต่หาได้เป็นผลสำเร็จไม่ ในเบื้องท้ายที่สุด ก็ถึงวาระที่ดวงจันทร์ของพระองค์ได้โผล่ขึ้นเหนือฟากฟ้า ดวงดาราได้ฉายแสง ฐานแห่งพระธรรมได้สถิตสถาพรอยู่อย่างมั่นคง และเบื้องบูรพาทิศอันเป็นที่รุ่งพระธรรมได้ฉายแสงเจิดจ้า พระองค์ทรงประทานความรู้ทางธรรมแก่เหล่ามหาชนที่อับปัญญา บังเกิดเป็นผลอันยิ่งใหญ่ที่สะท้อนถึงแนวความคิด ศีลธรรม จารีตประเพณีและสถานะของชาวเปอร์เซียในสมัยนั้น พระองค์ทรงประกาศข่าวดีเกี่ยวกับการจะมาปรากฏของดวงอาทิตย์แห่งบาฮาให้ศานุศิษย์ทราบ ให้เขาตระเตรียมความเชื่อไว้ให้พร้อมเมื่อศุภวาระนั้นมาถึง
การมาปรากฏของสัญลักษณ์ รวมทั้งผลอันยิ่งใหญ่ การก่อกำเนิดอิทธิพลที่มีผลต่อจิตใจและความคิดอ่าน การปลูกฝังรากฐานอันเจริญงอกงาม การจัดว่างหลักอันจะนำไปสู่ความสำเร็จและความรุ่งเรืองโดยพ่อค้าวาณิชอันอ่อนวัยพระองค์นี้ เป็นเครื่องพิสูจน์อยู่ในตัวแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระอาจารย์ที่สมบูรณ์แบบ บุคคลที่ทรงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรมทุกคนย่อมไม่ลังเลที่จะยอมรับความจริงข้อนี้
(32) พระบาฮาอุลลาห์?ทรงปรากฏพระองค์ในยุคที่อาณาจักรเปอร์เซียกำลังจมอยู่ในห้วงแห่งความมืดมน กำลังดำดิ่งลงในเหวแห่งอวิชชา พากันหลงทางอยู่ในความคลั่งไคล้ศาสนาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยว่า ท่านจะต้องศึกษาประวัติศาสตร์ของทวีปยุโรป ได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและทัศนะคติของชาวเปอร์เซียเมื่อศตวรรษที่ล่วงมาแล้ว ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องยกขึ้นมาทบทวนอีก กล่าวโดยสรุปก็คือ เปอร์เซียซึ่งในอดีตเคยรุ่งเรือง อารยธรรมที่เคยได้ชื่อว่าสูงส่งนั้นกลับกลายเสื่อมสลายลง มองไปที่ใดล้วนเห็นแต่ความหายนะยุ่งเหยิง ประชากรสูญเสียแม้กระทั่งเกียรติภูมิของตน เปอร์เซียตกต่ำลงสู่ระดับที่ยังความ เศร้าสลดใจแก่บรรดาชาวต่างประเทศที่ได้มีโอกาสไปเยือน
การปรากฏพระองค์ของพระบาฮาอุลลาห์นั้นตกอยู่ในช่วงวิกฤตการณ์นี้พอดี พระบิดาของพระองค์มิได้เป็นพระอิหม่ามแต่เป็นพระอัครมหาเสนาบดีในสมัยนั้น ชาวเปอร์เซียต่างตระหนักในความจริงที่ว่า พระบาฮาอุลลาห์ไม่เคยได้รับการศึกษาจากสถานศึกษาใด มิได้สังคมกับพระอิหม่ามหรือคบหากับนักปราชญ์ราชบัณฑิตท่านใดเลย ชีวิตในช่วงแรกของพระองค์ผ่านพ้นไปด้วยความสุขอย่างท่วมท้น มิตรสหายและบุคคลที่พระองค์ทรงสมาคมด้วยนั้นมิใช่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ แต่เป็นชาวเปอร์เซียที่มีตำแหน่งสูง
ทันที่พระบ๊อบประกาศศาสนา พระบาฮาอุลลาห์ทรงตรัสว่า ?มหาบุรุษท่านนี้คือเทพเจ้าแห่งความเที่ยงธรรม จำเป็นที่ทุกคนจะต้องมีความเชื่อถือศรัทธาในพระองค์ ?จากนั้น พระบาฮาอุลลาห์ก็ทรงยื่นพระหัตถ์เข้าช่วยเหลือพระบ๊อบ ทั้งๆ ที่ทรงตระหนักในความจริงที่ว่า พระอิหม่ามในกรมศาสนาบีบบังคับให้รัฐบาลเปอร์เซียทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อต้านพระบ๊อบ เท่านั้นยังไม่พอ ยังออกหมายสั่งให้สังหารหมู่ ปล้นสะดม ประหารชีวิตและขับไล่บ๊อบศาสนิกชนเหล่านั้นอีกด้วย กระนั้นก็ดี พระบาฮาอุลลาห์ยังคงยืนยันข้อพิสูจน์และแสดงหลักให้เห็นสัจธรรมแห่งคำสอนของพระบ๊อบ บ๊อบศาสนิกชนในหลายจังหวัดถูกฆ่าถูกเผา ถูกปล้น แม้กระทั่งเด็กและสตรีก็ถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งๆที่เหตุการณ์ร้ายแรงถึงป่านนี้กำลังดำเนินอยู่ พระบาฮาอุลลาห์ก็ยังทรงยืนหยัดขึ้นประกาศพระวจนะของพระบ๊อบอย่างแข็งขันและโดยปราศจากความสะทกสะท้านหวั่นไหว พระองค์ไม่เคยหลบซ่อนผู้ใด ทรงดำรงพระชนม์อย่างเปิดเผยในท่ามกลางเหล่าผู้ที่ตั้งตนเป็นศัตรูนั่นเอง พระบาฮาอุลลาห์ทรงสาระวนอยู่กับการแสดงข้อเท็จจริงและข้อพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า พระองค์คือพระผู้นำพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้ามาแจ้ง พระองค์ทรงรอดพ้นจากเคาระห์กรรมอันมหันต์ที่รุมล้อมพระองค์ในหลายวาระและหลายโอกาส พระชนม์ของพระองค์เสี่ยงกับการถูกปลงพระชนม์อยู่ตอลดเวลา
พระบาฮาอุลลาห์ทรงถูกตีตรวน พวกเขาขังพระองค์ไว้ในคุกใต้ดิน ทรัพย์สมบัติและมรดกมูลค่ามหาศาลของพระองค์ถูกปล้น บางส่วนถูกอายัดไว้ ทรงถูกเนรเทศจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งถึงสี่ครั้งด้วยกัน และท้ายที่สุดทรงได้หยุดพักเมื่อเดินทางไปสู่ที่คุมขังซึ่งมีชื่อว่า ?มหาคุก
ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงตกอยู่ในความทุกข์ยากถึงเพียงนี้ แต่พระองค์ก็ยังทรงประกาศความยิ่งใหญ่ของศาสนาอย่างไม่หยุดยั้ง คุณธรรมความดีตลอดจนความรอบรู้ที่ทรงแสดงออกประกอบกับความเพียบพร้อมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะประจำพระองค์นั้นยังความอัศจรรย์ใจให้แก่ชาวเปอร์เซียยิ่งนัก พระปรีชาญาณของพระองค์มากพ้นคำพรรณนา บรรดานักปราชญ์นักวิชาการไม่ว่ามิตรหรือศัตรูที่หลั่งไหลมาจากเมืองเตหราน แบกแดด คอนแสตนติโนเปิล รูเมเลีย แม้กระทั่งจากเมืองอัคคาที่เข้าเฝ้าทูลถามปัญหาข้อข้องใจต่อพระองค์ต่างได้รับความพอใจในคำเฉลยที่พระองค์ทรงไขให้ทุกข้อไป คำเล่าลือเกี่ยวกับความสมบูรณ์เพียบพร้อมอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้จากพระบาฮาอุลลาห์เพียงองค์เดียวนั้นผ่านหูบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้บ่อยครั้ง
บ่อยครั้งทีเดียวที่พระอิหม่ามของศาสนาอิสลาม ศาสนาจารย์ของศาสนายิว ชาวคริสต์เตียนและผู้ทรงคุณวุฒิชาวยุโรปได้ร่วมสโมสรกันในเมืองแบกแดดด้วยไมตรีจิตมิตรภาพอันอุดมพร แต่ละคนต่างก็มีปัญหาใคร่ทูลถามพระบาฮาอุลลาห์ แม้ว่าคนที่มาเข้าเฝ้าจะแตกต่างกันโดยลักษณะจารีต ขนบธรรมเนียมประเพณี แต่หลังจากที่ได้ฟังคำเฉลยซึ่งมีเหตุผลเพียงพอและให้ความกระจ่างดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปด้วยความพอใจ แม้กระนั้นก็ตาม บรรดาพระอิหม่ามชาวเปอร์เซียซึ่งประจำอยู่ที่เมืองคาบิลาและนาจาฟได้แต่ตั้งมูลลา ฮาซัน อามู ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลมาเข้าเฝ้ายังพระตำหนักของพระบาฮาอุลลาห์ ทูลถามคำถามหลายข้อซึ่งพระบาฮาอุลลาห์ก็ได้ทรงเฉลยให้ มูลลา อาซัน อามู กราบบังคมทูลว่า ?บรรดาพระอิหม่ามทั้งหลายต่างยอมรับว่า พระบาฮาอุลลาห์ทรงเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและทรงความรู้อย่างไม่มีข้อแม้ ต่างมีความเห็นพ้องกันเป็นเอกฉันท์ว่า จักหาใครเทียบเสมอพระองค์ในด้านความรอบรู้มิได้ นอกเหนือจากนี้ยังปรากฏแน่ชัดแล้วว่าพระองค์มิได้เคยทรงได้รับการศึกษา มิเคยได้รับความรู้อันเป็นเลิศนี้จากที่ใดเลย ?แต่ยังมีสิ่งที่พระอิหม่ามยืนยันขอจากพระองค์อีกก็คือ ?คำเฉลยที่เราได้รับมานั้นไม่อาจยังความพอใจให้แก่เราได้ และถ้าจะดูในด้านความเที่ยงธรรมและอัจฉริยะภาพของพระองค์ คุณสมบัติเหล่านี้ก็มิใช่เป็นเพียงสิ่งที่โน้มน้าวให้เรายอมรับพระราชศาสนกิจของพระองค์ได้ ดังนั้น เราจึงทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏแก่สายตา เพื่อความสงบและความพอใจจะได้บังเกิดแก่เรา
พระบาฮุลลาห์ทรงตรัสว่า ?เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะขอเช่นนี้ได้เพราะแท้ที่จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้าต่างหากที่สามารถทดสอบสรรพสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นมา สรรพสิ่งเหล่านั้นหามีสิทธิ์ทดสอบพระผู้เป็นเจ้าไม่ แต่เอาเถิด เรายอมรับคำขอข้อนี้ แต่ขอให้เจ้ารู้ไว้อย่างหนึ่งว่า ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้ามิใช่มโหรสพที่เปิดแสดงให้คนชมทุกโมงยาม มิใช่เครื่องบันเทิงใจที่หมุนเวียนแสดงตามคำที่ทุกคนขอทุกๆ วันเพราะถ้าเป็นไปได้ตามที่กล่าวมานี้ ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าก็จะกลับกลายเป็นของเด็กเล่นไป
ขอให้พระอิหม่ามจงประชุมปรึกษาหารือกันเลือกปาฏิหาริย์ที่จะให้เราแสดงหนึ่งอย่าง และให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยว่า หลังจากการแสดงปาฏิหาริย์จบแล้ว เขาจะต้องไม่มีความสงสัยในตัวเราต่อไปอีกและทั้งหมดจะต้องยอมรับว่าพระธรรมของเราเป็นสัจจะ จงให้พวกเขาปิดผนึกกระดาษแผ่นนี้แล้วจึงนำกลับมามอบให้แก่เรา เงื่อนไขที่เราวางไว้ก็คือ ถ้าเราได้แสดงปาฏิหาริย์แล้ว พวกเขาจะต้องสิ้นสงสัย แต่ถ้าเราไม่สามารถแสดงได้เราก็จะยอมรับข้อกล่าวหาที่ว่า เราคือพระศาสดาเทียมเท็จ เมื่อฮาซัน อามู ได้สดับดังนั้น ก็ผงกศีรษะขึ้นทูลว่า ?ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าก็หมดคำกราบบังคมทูลแล้ว ?ขาดคำ ฮาซัน อามู ก็ก้มลงจุมพิตพระชงฆาของพระบาฮาอุลลาห์ทั้งๆ ที่ตนมิได้เป็นศาสนิกชนของพระองค์ และแล้วก็จากไปประกาศเชิญชวนให้พระอิหม่ามมาประชุมรับฟังพระราชสาส์นอันศักดิ์สิทธิ์ฉบับนั้น หลังจากที่พระอิหม่ามหารือกันแล้วต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ?บุคคลท่านนี้ต้องเป็นผู้วิเศษอย่างแน่แท้ ถ้าเรารับคำ บางทีเขาอาจจะแสดงปาฏิหาริย์ได้ แล้วพวกเราจะต่อปากคำอีกไม่ได้ ?เมื่อลงความเชื่อเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าต่อความให้ยาวออกไปอีก
อาซัน อามู ได้กล่าวอ้างอิงเรื่องนี้ในที่ประชุมหลายโอกาสหลังจากที่เขาเดินทางจากจังหวัดคาบิลา เขาก็เดินทางต่อไปยังจังหวัดเคอร์มันชาห์และกรุงเตหะราน ป่าวประกาศความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปทั่วทุกแห่งหน พร้อมทั้งพูดชี้ให้คนทั่วไปเห็นความขลาดและความขยาดล่าถอยของบรรดาพระอิหม่ามเหล่านั้น
โดยสรุปแล้ว บรรดาปรปักษ์ในดินแดนภาคพื้นบูรพาต่างตระหนักดีในความเกรียงไกร ความยิ่งใหญ่ ความรอบรู้และคุณธรรมของพระบาฮาอุลลาห์ แม้บุคคลเหล่านี้จะตั้งตนเป็นศัตรูกับพระองค์ แต่พวกเขาก็มิวายจะกล่าวขวัญกันว่าพระองค์คือ ?พระบาฮาอุลลาห์ผู้ทรงกระเดื่องพระนาม”
ขณะเมื่อแสงแห่งพระธรรมดวงนี้กำลังส่องประกายเจิดจรัสเหนือฟากฟ้าเปอร์เซียนั้น ประชาชนทั่วไปรวมทั้งรัฐมนตรี พระอิหม่าม และชนชั้นต่างๆ กลับต่อต้านพระองค์ ติดตามจองล้างจองผลาญพระองค์ด้วยความอาฆาตพยาบาทกล่าวประณามพระองค์ว่า ?บุคคลนี้ไม่เพียงแต่กระทำการกำจัดศาสนากฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังตั้งใจทำลายล้างประเทศชาติและอาณาจักรทั้งหมดด้วย ?พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเคยได้รับคำกล่าวเช่นนี้มาก่อนแล้ว มาถึงยุคพระบาฮาอุลลาห์ พระองค์ทรงต้านทานมหาชนเหล่านี้โดยปราศจากผู้ช่วยเหลือ โดยไม่แสดงความอ่อนแอให้ปรากฏเลยแม้แต่น้อย ในที่สุด บรรดาฝูงชนเหล่านี้ต่างปรารภขึ้นว่า ?ตราบใดที่บุคคลคนนี้ยังอยู่ในเปอร์เซีย ตราบนั้นจะหาความสงบสุขในดินแดนนี้มิได้ ควรที่เราจะต้องเนรเทศเขาไปเสียให้พ้นเพื่อแผ่นดินเปอร์เซียจะคืนกลับสู่ความเงียบสงบดังเดิม
ฝูงชนร่วมกันใช้มาตรการรุนแรงกำจัดพระบาฮาอุลลาห์ด้วยการบีบบังคับให้พระองค์ขอเดินทางออกจากเปอร์เซีย ต่างพากันคิดว่า แสงแห่งพระธรรมจะดับลงได้ด้วยวิธีนี้ แต่การณ์ปรากฏเป็นไปในทางตรงกันข้าม กล่าวคือ ศาสนาเริ่มแผ่ขยายเพลิงแห่งพระธรรมส่องแสงแรงกล้ามากขึ้น ศาสนาบาไฮเริ่มแผ่กระจายไปทั่วดินแดนเปอร์เซียเป็นประเทศแรก ส่วนการที่ศาสนาได้ไปเผยแพร่ในประเทศอื่นๆ นั้นนับเป็นผลอันสืบมาจากการที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงถูกเนรเทศโดยตรง ศัตรูของพระองค์พากันกล่าวในท้ายที่สุดว่า ?ประเทศอิรักนั้นนับว่าไม่ไกลจากประเทศเปอร์เซีย จำเราจะต้องส่งเขาไปยังประเทศที่ไกลกว่านั้นอีก ?นี่คือประวัติความเป็นมาของเหตุผลที่รัฐบาลเปอร์เซียกำหนดการเนรเทศพระบาฮาอุลลาห์จากประเทศอิรักไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิล แต่การเนรเทศครั้งนี้กลับยืนยันข้อพิสูจน์เดิมอีกครั้งหนึ่งว่า ศาสนาบาไฮมิได้อ่อนแอลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อการณ์กลับเป็นดังนี้ พวกที่ตั้งตนเป็นอริกับพระบาฮาอุลลาห์ก็ปรารภขึ้นอีกว่า ?กรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นเมืองท่า เป็นเมืองที่ชนชาติต่างๆ อาศัยหยุดพักแรม และมีชาวเปอร์เซียปะปนอยู่มาก ?รัฐบาลเปอร์เซียอ้างเหตุผลนี้ประกอบคำสั่งเนรเทศพระบาฮาอุลลาห์ต่อไปยังเมืองรูเมเลีย แต่ปรากฏว่าเมื่อพระองค์เดินทางถึงเมืองนี้ เพลิงแห่งธรรมกลับทวีแสงแรงกล้าขึ้นอีก ความประเสริฐสูงส่งของศาสนายิ่งปรากฏเด่นชัดมากขึ้น ในที่สุด มหาชนชาวเปอร์เซียได้ลงความเห็นร่วมกันอีกว่า ?เมืองเหล่านี้ ไม่มีสักแห่งเดียวที่รอดพ้นจากอิทธิพลอันครอบงำของเขาได้ต้องมีสักแห่งหนึ่งที่ซึ่งเมื่อเราส่งเขาไปแล้ว อำนาจของเขาจะต้องเสื่อมคลายสลายลง และจะยังให้ความทุกข์ทรมานแสนสาหัสได้บังเกิดขึ้นแก่ครอบครัว และเหล่าสาวกของเขา ?ด้วยประการฉะนี้ บรรดาผู้ที่ตั้งตนเป็นอริกับพระองค์จึงเลือกที่คุมขังในเมืองอัคคาซึ่งเป็นสถานที่กักกันเหล่านักโทษที่เป็นอาชญากร พวกขโมยประเภทตีชิงวิ่งราว โจรปล้นคนเดินทาง โดยระวางโทษพระองค์เทียบเท่ากับระดับความผิดของอาชญากรเหล่านั้น เมื่อคุมขังพระบาฮาอุลลาห์ ณ คุกแห่งนี้แล้ว อำนาจของพระผู้เป็นเจ้ากลับแสดงปรากฏขึ้นพระธรรมวจนะของพระองค์เป็นที่โจษจันกันทั่วไป และแล้วความยิ่งใหญ่ของพระบาฮาอุลลาห์ก็ปรากฏเด่นชัดขึ้น อำนาจแห่งพระธรรมของพระองค์ที่สำแดงมาจากที่คุมขังอันแวดล้อมด้วยความอัปยศนี้ชักนำให้เปอร์เซียก้าวพัฒนาจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง ยังมีความปราชัยแก่บรรดาผู้ที่เป็นอริ ทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่า พวกเขาไม่อาจต้านทานพลานุภาพของศาสนาได้ พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์แผ่ซ่านไปทั่วอาณาบริเวณ และแล้วศาสนาของพระองค์ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นในที่สุด
บรรดาปรปักษ์ของพระบาฮาอุลลาห์ทั่วทุกภาคในประเทศเปอร์เซียต่างลุกฮือขึ้นต่อต้านพระองค์ด้วยความจงเกลียดจงชัง บาไฮศาสนิกชนถูกจับขัง บ้างก็ถูกฆ่า ถูกโบย บ้านของบาไฮศาสนิกชนนับพันๆ หลังถูกเผาทำลายราบจนเป็นพื้นดิน พวกที่ตั้งตนเป็นอริพยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัดและขยี้ให้ศาสนาย่อยยับดับไป แม้เขาจะจับพระองค์ขังร่วมกับบรรดาอาชญากรและโจรได้สำเร็จแล้วก็ตาม ศาสนาบาไฮกลับทวีความศักดิ์สิทธิ์สูงส่งมากขึ้น พระธรรมของพระองค์เผยแพร่ไปในต่างแดน ผู้ที่เคยเกลียดชังพระองค์อย่างฝังจิตฝังใจกลับได้สัมผัสกับรสพระธรรมคำสั่งสอนและกลายเป็นศาสนิกชนที่มีความมั่นคงในพระองค์ แม้กระทั้งรัฐบาลประเทศเปอร์เซียเองกลับอ่อนแอลงและได้รู้สึกสำนึกว่า เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากความผิดพลาดของพระอิหม่ามทั้งสิ้น
เมื่อพระบาฮาอุลลาห์เสด็จสู่ที่คุมขังในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นั้นวิญญูชนต่างตระหนักในใจดีว่า ข่าวดีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสผ่านพระศาสดาทั้งหลายซึ่งเสด็จมาเมื่อสองสามพันปีที่แล้ว บัดนี้ ข่าวดีนั้นกลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา และทั้งยังเป็นเครื่องชี้แสดงให้เห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักษาคำมั่นสัญญาที่พระองค์ทรงให้ไว้เสมอ ข่าวอันน่าปิติยินดีที่พระองค์ทรงประทานผ่านทาง พระศาสดาหลายพระองค์ก็คือ ?พระผู้ทรงเป็นนายแห่งเทพยดาจะมาปรากฏพระองค์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ?บัดนี้ คำสัญญานี้สำเร็จสมบูรณ์เป็นความจริงแล้ว หากมิใช่ด้วยเจตนาของศัตรูที่ตั้งใจจะประหัตประหารขับไล่และเนรเทศพระองค์เป็นเหตุแล้ว ย่อมเป็นการยากที่เราจะเข้าใจถึงประวัติความเป็นมาที่ พระบาฮาอุลลาห์ต้องเสด็จออกจากประเทศเปอร์เซีย และในที่สุดได้มากางกระโจมพักอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ผู้ที่ตั้งตนเป็นศัตรูหมายมั่นว่าการกักขังพระองค์ไว้นั้นคือวิธีการทำลายล้างศาสนาให้สลายเป็นจุลไป แต่ความจริงกลับเป็นว่า สถานที่กักกันนี้คือเครื่องช่วยส่งเสริมให้ศาสนาแผ่ขยายกว้างออกไปกลายเป็นแหล่งที่ช่วยสร้างความเจริญให้แก่ศาสนา ข่าวเกี่ยวกับพระบาฮาอุลลาห์ผู้ทรงธรรมเลื่องลือไปทั่วโลกทั้งซีกตะวันออกและตะวันตก รัศมีภาพของตะวันแห่งสัจจะธรรมส่องแสงเรืองรองไปทั่วโลก ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงโปรดให้นักโทษเช่นพระองค์ได้กางกระโจมเหนือขุนเขาคาร์เมล และให้ความเกรียงไกรของพระองค์เลื่องระบือไปทั่วทุกทิศในต่างแดน มิตรสนิทหรือคนแปลกหน้าที่ได้เข้าเฝ้าทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ?พระองค์คือพระราชา หาใช่นักโทษไม่
ในทันทีที่พระองค์ทรงเสด็จถึงที่คุมขังแห่งนี้ พระบาฮาอุลลาห์ทรงพระอักษรถึงพระเจ้านโปเลียน?ท่านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเป็นผู้ถือพระราชสาส์นนี้ไปถวายพระเจ้านโปเลียน ใจความสำคัญของพระราชสาส์นฉบับนี้มีดังนี้ ?เราใคร่ขอถามท่านว่า ความผิดของเรานั้นคืออะไร เหตุใดเราจึงต้องถูกกักกันอยู่ในคุก ในกรุใต้ดินแห่งนี้ ?พระเจ้านโปเลียนมิได้ทรงตอบคำถามนี้ พระบาฮาอุลลาห์จึงทรงพระอักษรอีกฉบับหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาปรากฏอยู่ใน ซูริยี เฮคาล?ดูกรพระเจ้านโปเลียน ไม่ช้าไม่นานท่านจะต้องสูญเสียราชอาณาจักรและตัวท่านเองจะต้องพินาศลงด้วยเหตุที่ท่านมิได้สนใจต่อคำประกาศเรียกร้องของเราทั้งยังไม่ตอบสาส์นของเราอีกด้วย ?คราวนี้ พระบาฮาอุลลาห์ทรงส่งพระราชสาส์นนี้ไปทางม้าด่วนซึ่งผู้ที่รับผิดชอบก็คือ ซีซา เคตาพาคู?ซึ่งเป็นบุคคลที่บรรดาผู้โดยเสด็จตามพระบาฮาอุลลาห์รู้จักดี ทั่วทั้งเปอร์เซียล่วงรู้สัญญาณเตือนฉบับนี้เนื่องจากประจวบกับโอกาสที่พระธรรมบทที่มีชื่อว่า คีตาบีเฮคาล ได้เข้าไปแพร่หลายในเปอร์เซียพอดี สัญญาณแจ้งภัยนี้ปรากฏเป็นข้อความตอนหนึ่งในพระธรรมบทเล่มนั้น เหตุการณ์ตอนนี้อุบัติขึ้นในปี พ.ศ. 2412 เมื่อพระธรรมบท ซูริยี เฮคาล ตกไปอยู่ในมือชาวเปอร์เซีย อินเดีย รวมทั้งบาไฮศาสนิกชนทุกคน ผู้ที่ได้อ่านก็ตั้งใจรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ต่อมาไม่นานสงครามระหว่างเยอรมันและฝรั่งเศสก็ระเบิดขึ้นในปี พ.ศ. 2413 พระเจ้านโปเลียนกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และได้รับความอัปยศทั้งๆ ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเยอรมันจะพิชิตสงครามครั้งนี้ พระเจ้านโปเลียนต้องเสียทีแก่ศัตรู และแล้ว ความเกรียงไกรของพระองค์ก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกต่ำอย่างหาที่เปรียบมิได้
พระบาฮาอุลลาห์ได้ทรงส่งพระราชสาส์น?ถึงกษัตริย์องอื่นๆ ซึ่งในจำนวนนี้มีกษัตริย์ นาริดซิ-ดิน ชาห์ รวมอยู่ด้วย ในพระราชสาส์นนั้นพระองค์ทรงลิขิตว่า ?จงจับกุมตัวเราไป จงให้พระอิหม่ามร่วมชุมนุมกันตั้งกระทู้หาข้อพิสูจน์และถกปัญหากับเรา เพื่อว่า ข้อเท็จจริงจะได้ปรากฏ เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ?พระเจ้านาริดซิ-ดิน ชาห์ ได้ส่งผ่านพระราชสาส์นนี้ไปยังบรรดาพระอิหม่ามและสนับสนุนให้พวกเขาดำเนินการตามคำเชิญชวนนี้ แต่พวกเขาหาได้มีความกล้าไม่ เมื่อเป็นดังนั้นพระองค์จึงมีพระบัญชาให้พระอิหม่ามที่มีชื่อเสียงเจ็ดคนร่วมกันเขียนจดหมายตอบคำท้าทายนี้ แต่หลังจากที่เขารับไปไม่นานก็ส่งจดหมายนั้นคืน เหตุผลที่พวกเขายกขึ้นมากล่าวอ้างก็คือ ?บุคคลคนนี้เป็นปรปักษ์กับศาสนา เป็นศัตรูกับพระเจ้าชาห์ ?คำแก้ตัวนี้ยังความกริ้วโกรธแก่พระเจ้าชาห์มาก พระองค์ทรงตรัสว่า ?นี่เป็นเรื่องที่ต้องการพิสูจน์ การถกเถียง การแสดงออกซึ่งข้อเท็จจริง จะอ้างเหตุผลเกี่ยวโยงไปถึงการเป็นศัตรูต่อรัฐบาลได้อย่างไรกัน ?อนิจจา ตัวเรานี้มีความเคารพนับถือพระอิหม่ามผู้ซึ่งไม่กล้าแม้แต่จะตอบสาส์นนี้มากปานนี้เชียวหรือ
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่จารึกไว้ในพระราชสาส์นถึงพระเจ้าแผ่นดินก็ปรากฏผลเป็นความจริง ถ้าเราดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2413 เป็นต้นมา เราจะพบว่าทุกเหตุการณ์ปรากฏขึ้นจริงสมตามคำทำนายจะมีบางเหตุการณ์เท่านั้นที่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลในทันทีทันใด แต่ต่อมาจึงบรรลุแสดงออกให้เห็นจริงในที่สุด
ชาวต่างชาติตลอดจนบุคคลในนิกายศาสนาอื่นพากันแซ่ซ้องสดุดีพระบาฮาอุลลาห์ บางคนเชื่อว่าพระองค์คือนักบุญ บางคนถึงกับเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ ดังเช่นนายซิยิด ดาวู้ด ผู้คงแก่เรียนในนิกายซุนนี่ในกรุงแบกแดดได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับพระจริยวัตรอันน่าอัศจรรย์เหนือธรรมชาติของพระบาฮาอุลลาห์แม้กระทั่งในปัจจุบัน คนที่อาศัยอยู่ทั่วทุกภาคในตะวันออกที่ไม่เคยมีความเชื่อว่าพระองค์คือพระศาสดากลับมีความเชื่อตรงกันข้อหนึ่งว่า พระองค์เป็นนักบุญและเอ่ยอ้างถึงคุณธรรมอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์
โดยสรุปแล้ว แม้บรรดาผู้ที่ปรปักษ์ ผู้ที่เข้าข้างพระองค์ตลอดจนผู้ที่เข้าเฝ้าแทบพระธรณีอันศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีความเชื่อถือศรัทธาพระองค์ แต่พวกเขาก็ยอมรับเป็นพยานในความยิ่งใหญ่ ความเกรียงไกรของพระบาฮาอุลลาห์ทันทีที่เขาได้ย่างเข้าสู่พระที่นั่งอันศักดิ์สิทธิ์ การปรากฏองค์ของพระบาฮาอุลลาห์มีอานุภาพทำให้บรรดาผู้ที่เข้าเฝ้าไม่สามารถเปิดปากกราบคำบังคมทูลได้ หลายครั้งทีเดียวที่ศัตรูคู่อาฆาตของพระองค์ตั้งใจไว้ว่า เมื่อไปถึง เราจะต้องพูดเรื่องนี้อย่างนี้ พูดเรื่องโน้นอย่างโน้น เราจะต้องโต้เถียง โต้แย้งกับเขาในเรื่องนี้ ต่อเมื่อเขาได้เข้าเฝ้าแทบที่ประทับ เขากลับบังเกิดความพิศวง จับต้นชนปลายไม่ถูกและหมดคำกราบบังคมทูล
พระบาฮาอุลลาห์ไม่เคยได้ศึกษาภาษาอารบิค พระองค์ไม่เคยมีครูหรือผู้ฝึกอบรม ทั้งยังไม่เคยทรงได้รับการศึกษาในโรงเรียนใดๆ ทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่าข้อเขียนของพระองค์ประกอบด้วยสำนวนโวหารอันสละสลวยไพเราะจับใจ ภาษาอารบิคที่พระองค์ทรงพระอักษรนั้นยังความประหลาดใจและงงงันแก่บรรดาผู้ที่เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตชาวอาหรับยิ่งนัก ต่างพากันยอมรับและประกาศกิตติคุณของพระบาฮาอุลลาห์ว่า พระองค์ทรงเป็นเลิศ หาผู้ใดเสมอได้ไม่
ถ้าหากเราศึกษาพระคัมภีร์คริสต์ศาสนาอย่างละเอียด จะพบว่า พระศาสดาไม่เคยตรัสกับผู้ที่ปฏิเสธพระองค์ว่า ?เราพร้อมที่จะแสดงสิ่งปาฏิหาริย์ตามที่เจ้าต้องการและพร้อมที่จะรับข้อทดสอบที่เจ้าเสนอมาทุกประการ ?แต่ในราชสาส์นที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงพระอักษรถึงพระเจ้าชาห์นั้น พระองค์ทรงลิขิตไว้อย่างชัดเจนว่า ?จงรวบรวมพระอิหม่ามเข้าไว้ด้วยกันและจับตัวเราไว้ เพื่อว่าหลักฐานและข้อพิสูจน์จะได้ปรากฏอย่างแน่นอน
พระบาฮาอุลลาห์ทรงปักหลักยืนหยัดเผชิญกับศัตรูตลอดเวลา 50 ปี ทุกคนต่างมุ่งหมายจะทำลายล้างพระองค์ให้แหลกมลายไป พวกเขาวางแผนหมายพิฆาต ยังความพินาศแก่พระองค์ กล่าวได้ว่าในช่วงเวลา 50 ปี นั้นพระชนม์ชีพของพระองค์ต้องเสี่ยงกับอันตรายอยู่ทุกย่างก้าว
ประเทศเปอร์เซียในยุคนี้กำลังเสื่อมสลายลง ผู้ที่ตระหนักถึงสภาพความเป็นไปไม่ว่าจะเป็นชาวเปอร์เซียเอง หรือชาวต่างชาติก็ต่างยอมรับว่า การที่จะสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าการฟื้นฟูอารยธรรมและการผดุงชาติขึ้นมาใหม่นั้นจำเป็นต้องอาศัยหลักคำสอนและแนวทางการพัฒนาที่วางไว้ให้แล้วโดยพระมหาบุรุษองค์นี้
ในยุคของพระเยซูคริสต์เจ้า มีสาวกเพียง 11 คน เท่านั้นที่ได้รับการศึกษาจากพระเยซูคริสต์เจ้า สาวกเอกของพระองค์มีนามว่า ปีเตอร์ และ ปีเตอร์คนเดียวกันนี้เองเมื่อถูกไต่สวนทดสอบแล้วได้ให้การปฏิเสธพระเยซูคริสต์เจ้าถึงสามครั้ง แม้กระนั้นก็ดี คริสต์ศาสนาก็ยังแทรกซึมไปทั่วโลก มาในยุคปัจจุบันพระบาฮาอุลลาห์ทรงให้การศึกษาแก่ศาสนิกชนจำนวนมากมายมหาศาล เมื่อยามตกอยู่ภายใต้คมหอกคมดาบ บาไฮศาสนิกชนเหล่านี้ต่างเปล่งวลี ?ยา บาฮาอุลลาพา ?ดังก้องถึงสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด และเมื่อยามตกอยู่ในกองเพลิงแห่งการถูกทดสอบใบหน้าของพวกเขากลับเรืองรองสดใสราวกับทองคำ ขอให้เจ้าจงพิเคราะห์ดูเหตุการณ์ในอดีตแล้วจงหวนคิดถึงความรุ่งเรืองที่จะเกิดกับศาสนาในอนาคต
ในท้ายที่สุดนี้ ขอให้เราทั้งหลายจงมีความเที่ยงธรรม ให้ยอมรับว่าสถานะของพระผู้เกรียงไกรด้านให้ความรู้นั้นสูงส่งเพียงใด จงสนใจดูสัญญาณที่เปิดเผยโดยพระองค์ ว่าเลิศล้ำปานใด จงดูพลังและพลานุภาพที่มาจากพระองค์ว่าปรากฏเป็นจริงในโลกนี้โดยแท้แน่นอนเพียงไร
(33) เกียรติศักดิ์และความสูงส่งของสรรพสิ่งทั้งหลายจะมีมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการกระทำและสิ่งแวดล้อม
แผ่นดินจะได้ชื่อว่าอุดมด้วยความล้ำเลิศ ความงดงามพรั่งพร้อมด้วยความสมบูรณ์สูงสุดได้ก็ต่อเมื่อแผ่นดินผืนนั้นเขียวขจีด้วยเมฆฝนที่หลั่งไหลลงมาใน วสันตฤดู เป็นช่วงเวลาที่พฤกษชาติเจริญงอกงาม ผลิดอกออกหน่อแขนงอันหอมหวานละมุน ต้นไม้ที่ให้ผลออกดอกบานสะพรั่ง และแล้วผลไม้รุ่นใหม่สดตามฤดูกาลก็เริ่มเจริญเติบโต ประดับอุทยานด้วยความงาม ท้องทุ่งดูสวยอร่ามตา ภูเขาและที่ราบปูลาด้วยหญ้าเขียวขจี ไร่นา หมู่บ้านตลอดจนเมืองต่างๆ ดูงามวิจิตรตระการตา สภาพเหล่านี้คือความรุ่งเรืองสูงสุดของอาณาจักรระดับแร่ธาตุ
ความสูงส่งและความสมบูรณ์ของอาณาจักรพืชจะมีระดับสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อพฤกษชาติได้เจริญเติบโตอยู่บนฝั่งธารน้ำใส มีกระแสลมโชยพัดผ่าน มีแสงแดดอันอบอุ่นส่องถึง มีคนสวนคอยดูแลเพาะชำและต้นไม้นั้นจะต้องเจริญเติบโตผลิดอกออกผลให้วันแล้ววันเล่า แต่ในเบื้องท้ายที่สุดแล้ว ความรุ่งเรืองอันแท้จริงของอาณาจักรพืชก็คือ การที่อาณาจักรพืชนั้นได้ก้าวล่วงไปสู่อาณาจักรของสัตว์และมนุษย์ ได้เข้าไปทดแทนอาหารส่วนที่ถูกย่อยไปเลี้ยงร่างกายของสัตว์และมนุษย์แล้ว
อาณาจักรระดับสัตว์นั้นสมบูรณ์เต็มที่ได้ก็ต่อเมื่อมีขาและอวัยวะครบ มีพละกำลังและทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ ถ้าสัตว์ตัวใดมีคุณสมบัติตามนี้ สัตว์นั้นก็ได้ชื่อว่าบรรลุแล้วซึ่งความรุ่งเรือง เกียรติยศและความสูงส่งอันสมบูรณ์ ความสุขอันยิ่งยวดของสัตว์ก็คือการได้อาศัยอยู่ในท้องทุ่งที่เขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ มีสายธารน้ำไหลริน แวดล้อมด้วยอุทยานอันเขียวสวยงาม ถ้าสัตว์ได้ครองสิ่งทั้งหลายที่กล่าวมาแล้วนี้ก็สุดที่จะวาดภาพสิ่งที่ดีกว่านี้ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้านกตัวหนึ่งได้ทำรังบนยอดต้นไม้อันแข็งแรงที่ขึ้นอยู่บนที่สูงอันสวยงามของป่าไม้ มีน้ำและเมล็ดพืชพรั่งพร้อมบริบูรณ์ นกตัวนั้นย่อมได้ชื่อว่าบรรลุแล้วซึ่งความเจริญระดับสูงสุด
แต่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริงของสัตว์นั้นก็คือการได้ละจากอาณาจักรของสัตว์ไปสู่อาณาจักรของมนุษย์ ดังเช่นจุลินทรีย์ ซึ่งเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทางน้ำและอากาศซึ่งในที่สุดจะถูกดูดซึมไปแทนที่ส่วนที่ร่างกายได้เผาผลาญเป็นพลังงานไปแล้ว การที่สัตว์ได้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์นั้นนับได้ว่าสัตว์นั้นได้บรรลุสู่ความมีเกียรติยศและความรุ่งเรืองระดับสูงสุดเท่าที่ระดับสัตว์จะพึงบรรลุถึงได้ ไม่มีเกียรติยศอื่นใดจะเทียบเทียมได้
ดังนั้น เราจึงประจักษ์แจ้งแล้วว่า ความอุดมสมบูรณ์ ความหรรษา และความมั่งคั่งทางด้านวัตถุนั้นคือองค์ประกอบแห่งความสถาพรของแร่ธาตุ พืชและสัตว์ ถ้าจะจัดระดับแล้วจะพบว่า นกมีความอุดมสมบูรณ์และความสุขสำราญเหนือสรรพสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะที่อยู่อาศัยของนกก็คือท้องทุ่งและภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล ส่วนอาหารนั้นก็ได้แก่เมล็ดพืชและพืชผล นกได้ครอบครองทั้งผืนแผ่นดิน หมู่บ้าน ท้องทุ่งที่ราบ วนอุทยานและป่าเขา บัดนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า ระหว่างนกกับอภิมหาเศรษฐี ใครจะมีความมั่งคั่งบริบูรณ์มากกว่ากัน สำหรับนกนั้น ไม่ว่ามันจะบริโภคหรือแจกจ่ายเมล็ดพืชออกไปมากมายเพียงใดก็ตาม ความมั่งคั่งบริบูรณ์ของมันก็หาได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
เท่าที่ได้อรรถาธิบายมานี้ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่า ระดับเกียรติคุณและความสูงส่งของมนุษย์ต้องสูงกว่าสรรพสิ่งระดับสัตว์ พืชและแร่ธาตุ ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว ความสถาพรของสรรพสิ่งที่กล่าวมานี้เป็นเสมือนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ มีคุณธรรมความดีของมนุษย์ซึ่งเป็นเครื่องประดับแก่นสารเป็นรากแก้วอันประเสริฐ เกียรติคุณและความสูงส่งของมนุษย์ก็คือการแสดงออกซึ่งคุณธรรมและพระมหากรุณาธิคุณ การมีความรู้สึกนึกคิดอันสูงส่ง มีความรักพระผู้เป็นเจ้าและมีความรู้เกี่ยวกับพระองค์ มีสติปัญญากว้างไกลครอบคลุมจักรวาล มีความรอบรู้อันชาญฉลาด มีการค้นพบวิทยาการแขนงใหม่ๆ มีความยุติธรรมและดุลยพินิจอันเที่ยงตรง มีความสัตย์ มีความเมตตากรุณา มีความองอาจเป็นปกติวิสัยโดยธรรมชาติ มีความอดทนฝังอยู่ในใจ เคารพสิทธิ รักษาข้อตกลงและคำสัญญา มีความเที่ยงธรรมภายใต้ทุกสถานการณ์ รับใช้สัจธรรมในทุกสภาวะพร้อมจะสละชีวิตของตนเพื่อความสุขสวัสดีของปวงชน มีความเมตตากรุณา มีความเคารพต่อชาติ น้อมปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า พลีตนรับใช้อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้นำทางแก่คนทั่วไปพร้อมทั้งให้การศึกษาแก่มนุษย์ทุกชาติโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ การปฏิบัติตามนี้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองแก่สรรพสิ่งระดับมนุษย์ เป็นความประเสริฐของคนในโลกนี้ ทั้งยังเป็นที่มาแห่งชีวิตนิรันดรและเกียรติคุณอันทรงธรรมอีกด้วย
หากปราศจากซึ่งพลานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าและคำสั่งสอนของพระองค์แล้ว คุณธรรมเหล่านี้จะไม่ฉายปรากฏออกมาจากแก่นแท้ของมนุษย์ ทั้งนี้เพราะการแสดงออกนี้จำเป็นต้องอาศัยอำนาจที่อยู่เหนือธรรมชาติ อาจเป็นไปได้ที่โลกแห่งธรรมชาติจะมีร่องรอยของคุณธรรมอันทรงความสมบูรณ์นี้ปรากฏอยู่ แต่ทว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่ผันแปรได้ และคงอยู่เพียงชั่วครู่ เปรียบประหนึ่งดังแสงอาทิตย์ที่ทอดปรากฏอยู่บนฝาผนังเท่านั้น
เมื่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระกรุณาได้สวมมงกุฎอันงามเลิศให้เป็นเครื่องประดับศีรษะของมนุษย์เช่นนี้แล้ว ควรที่มนุษย์จะต้องเพียรพยายามประกอบกรรมดีเพื่อรัศมีเพชรพลอยนั้นจะได้ส่องประกาศความบรรเจิดให้ปรากฏแก่สายตาของชาวโลก
(34) หลังจากที่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าวิญญาณของมนุษย์นั้นจะดำรงอยู่ต่อไป?ต่อจากนั้นก็จะถึงการพิสูจน์ให้เห็นความคงอยู่ชั่วกัลปาวสานของวิญญาณ
พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้อรรถาธิบายเกี่ยวกับความอยู่ยงคงกระพันของวิญญาณมนุษย์ว่า การดำรงอยู่ชั่วนิจนิรันดรของวิญญาณนั้นคือเหตุผลเบื้องปฐมที่พระศาสดาของศาสนาต่างๆ ได้เผยพระธรรมคำสั่งสอนแก่มนุษย์ การลงโทษและการให้รางวัลแก่มนุษย์นั้นทำได้สองสถาน กล่าวคือ การให้รางวัลและการลงโทษมนุษย์ในระหว่างที่เขายังมีชีวิตอยู่กับหลังจากที่เขาได้ตายไปและล่วงบรรลุสู่ภพหน้าแล้ว สวรรค์และนรกมีอยู่ในทุกภพซึ่งหมายรวมถึงภพที่เราอยู่นี้ตลอดจนภพแห่งวิญญาณด้วย รางวัลที่ได้รับนั้นคือการมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร ด้วยประการฉะนี้ พระเยซูคริสต์เจ้าจึงทรงตรัสไว้ว่า ?จงประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่จะนำให้เจ้าได้มีชีวิตนิรันดร เพื่อเจ้าจะได้ถือกำเนิดจากน้ำและวิญญาณและจะได้บรรลุสู่สวรรค์
รางวัลที่คนเราจะได้รับในชั่วชีวิตนี้ได้แก่การมีคุณธรรมความดีและความสมบูรณ์เพียบพร้อมเป็นเครื่องประดับแก่นสารของตน ตัวอย่างเช่น คนที่เคยประสบความมืดมนกลับได้รับความแจ่มใส คนที่โง่เขลากลับบังเกิดปัญญา คนที่เคยประมาทกลับรอบคอบ คนที่หลับใหลได้ฟื้นตื่นขึ้น คนที่ตายไปแล้วกลับเป็นขึ้นมา คนตาบอดกลับมองเห็น คนหูหนวกกลับได้ยิน คนที่เคยเกลือกกลั้วอยู่กลับโลกีย์วิสัยกลับได้บรรลุสู่สุคติ คนที่เคยฝักใฝ่ทางโลกวัตถุกลับมีจิตใจผ่องแผ้ว มนุษย์คนใดที่ได้รับรางวัลเหล่านี้เท่ากับว่าจิตวิญญาณของเขาได้รับการชุบชีวิตขึ้นใหม่ กลับกลายเป็นคนใหม่ เป็นตัวแสดงออกซึ่งพระวจนะที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ของคริสต์ศาสนาที่กล่าวถึงบรรดาสาวกของพระเยซูคริสต์ว่า เขาเหล่านั้นมิได้ถือกำเนิดมาจากเลือด มิได้เกิดขึ้นตามคำบัญชาของเนื้อ มิได้อุบัติขึ้นตามเจตจำนงของมนุษย์ แต่เกิดขึ้นจากพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า กล่าวคือ คริสต์ศาสนิกชนเหล่านั้นหลุดพ้นแล้วซึ่งลักษณะนิสัยของสัตว์ซึ่งปรากฏอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ มีค่าควรแก่การได้ครองคุณลักษณะแห่งคุณธรรมความดีงามซึ่งเป็นเครื่องชี้ให้เห็นพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า นี่คือความหมายของการถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง สำหรับบุคคลที่ได้บรรลุคุณธรรมระดับนี้ ไม่มีความทรมานใดจะยิ่งใหญ่กว่าการถูกกีดกันออกจากพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีการลงโทษใดจะรุนแรงเกินกว่าการต้องตกอยู่ในความมัวเมาลุ่มหลงในกิเลส มีนิสัยใจคอต่ำช้า หมกมุ่นยู่กับกามตัณหา เมื่อเขาได้ละจากความชั่วดังกล่าวมาสู่แสงแห่งศรัทธา เขาจะบังเกิดความผ่องแผ้วด้วยรัศมีดวงตะวันแหงความเที่ยงแท้ สูงส่งขึ้นด้วยบุญญาธิการแห่งความดี และแล้วก็จะเทิดทูลคุณธรรมที่อุบัติแก่ตนว่าเป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่ ทั้งจะได้ตระหนักถึงสภาวะแห่งแดนสุขาวดีอันแท้จริง ในทำนองเดียวกันเขาก็จะได้คิดว่าการลงโทษทางจิตวิญญาณหรืออีกนัยหนึ่งคือการถูกทรมานและการถูกลงโทษทัณฑ์ในชาตินี้ก็คือการต้องตกเป็นทาสของโลกแห่งวัตถุ ต้องถูกกันออกห่างจากพระผู้เป็นเจ้า มีจิตใจโหดเหี้ยม โง่เขลา ฝักใฝ่อยู่ในตัณหาราคะ ได้รับการถ่ายทอดความอ่อนแอซึ่งเป็นสัญชาติญาณของสัตว์ มีนิสัยทราม เช่นเห็นผิดเป็นชอบ กดขี่ข่มเหง โหดร้ายทารุณฝักใฝ่สนใจธุรกิจทางโลก ปล่อยใจให้จมอยู่กับความคิดที่เป็นมาร สำหรับผู้ที่ละแล้วซึ่งความชั่วทั้งปวง สภาวะเหล่านี้คือโทษทัณฑ์และความทรมานระดับสูงสุด
ในทำนองเดียวกัน มีธรรมลิขิตปรากฏอย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ของศาสนาในยุคต่างๆ ที่ผ่านมาว่า รางวัลที่มนุษย์จะได้ในปรายภพนั้นคือการมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมแห่งทิพย์สถาน การได้รับกระแสพระบารมีอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ได้รับพระพรอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ รางวัลที่รออยู่ในภพหน้าภายหลังจากที่มนุษย์ละจากโลกนี้ไปแล้วนั้นคือ การได้ดำรงอยู่ในโลกแห่งวิญญาณด้วยความสงบและสมบูรณ์พูนสุข ส่วนรางวัลที่พระผู้เป็นเจ้าให้สัมฤทธิ์เห็นสมจริงในชีวิตนี้ได้แก่การได้ครองความดีเลิศอันสดใสเรืองรอง คุณความดีนี้คือที่มาแห่งการได้มีชีวิตอยู่ต่อไปชั่วนิรันดร ทั้งนี้เพราะความดีนั้นคือบ่อเกิดแห่งความเจริญ เปรียบประดุจดังทารกที่ผ่านพ้นจากโลกในครรภ์มารดาแล้วเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ กลายเป็นสื่อที่แสดงออกซึ่งคำสรรเสริญคุณพระผู้เป็นเจ้าดังนี้ ?ขอพระพรจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเป็นเลิศในหมู่ผู้สร้างทั้งมวล ?รางวัลที่คนเราจะได้รับในปรายภพนั้นได้แก่การมีความสงบสุข มีจิตวิญญาณอันงามอ่อนหวานละมุน นอกจากนียังมีของขวัญที่บำรุงจิตใจอีกนานัปการที่กำลังรอเราอยู่ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า จิตและวิญญาณจะได้สิ่งสมปรารถนา ทั้งยังจะได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าในภพแห่งอนันตกาลด้วย ในทำนองเดียวกัน การลงโทษในภพหน้านั้นได้แก่การที่ดวงวิญญาณที่ปราศจากคุณธรรมถูกกีดกันออกห่างจากพระพร มิได้รับความกรุณาอันทรงความพิเศษและสมบูรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า ต้องร่วงหล่นลงสู่ระดับความเป็นอยู่ตกต่ำอย่างที่สุด จริงอยู่ ถึงแม้ว่าวิญญาณของบุคคลประเภทนี้จะคงดำรงอยู่ต่อไป แต่ในสายตาของผู้ที่ยอมรับความจริง ผู้ที่มิได้รับความเมตตานั้นเทียบเท่ากับเป็นคนที่ตายจากไปแล้วนั่นเอง
ความอยู่ยงคงกระพันของวิญญาณนั้นพิสูจน์ได้ตามหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาดังนี้คือ ความว่างเปล่าย่อมไม่ส่งสัญญาณให้ปรากฏ กล่าวคือ เป็นไปไม่ได้ที่สัญญาณจะปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ทั้งนี้เพราะสัญญาณเป็นปรากฏการณ์ที่สืบเนื่องมาจากการดำรงอยู่ รูปแบบการปรากฏของสัญญาณจะเป็นอย่างไรนั้นย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของสิ่งที่ดำรงอยู่นั้น ดังนั้นเมื่อปราศจากดวงอาทิตย์ รังสีความสว่างก็ฉายออกมาไม่ได้ หากปราศจากทะเลคลื่นก็จะไม่ปรากฏ หากปราศจากเมฆ ฝนก็จะไม่ตก ผลไม้ก็เช่นเดียวกัน ย่อมจะไม่เจริญงอกงามบนต้นที่ไม่มีตัวตน มนุษย์ที่ไม่ปรากฏรูปกายจะไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ ได้เลย นี่แสดงให้เห็นว่า ตราบใดที่มีสัญญาณแห่งการดำรงอยู่ปรากฏขึ้น ตราบนั้นย่อมมีข้อพิสูจน์ให้เห็นการดำรงอยู่ของวัตถุที่ประธานเสมอ
แม้กระทั้งในปัจจุบัน อาณาจักรของพระเยซูคริสต์ก็ยังดำรงอยู่ จงพิจารณาดูว่า อาณาจักรอันยิ่งใหญ่นี้ปรากฏออกมาจากจอมกษัตริย์ผู้ปราศจากตัวตนได้อย่างไร ไฉนคลื่นจึงสามารถม้วนตัวสูงขึ้นจากทะเลที่ไม่ปรากฏ สายลมจะพัดหากลิ่นบุบผาให้ขจรขจายไปจากสวนที่ไม่มีตัวตนได้อย่างไร การที่สสารไม่ว่าจะอยู่ในระดับแร่ธาตุ พืชและสัตว์ไม่แสดงผล ร่องรอยหรือแม้แต่อำนาจจูงใจหลงเหลืออยู่หลังจากที่ต้องแยกแตกสลายลงไปนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่น่าคิด คงมีแต่แก่นสารและจิตวิญญาณของมนุษย์เท่านั้นที่ยังคงอยู่เพื่อทำหน้าที่และเพื่อรับครองพลังอำนาจหลังจากที่อวัยวะและอานุภาพของร่างกายแตกกระจาย หลังจากที่การประสานสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะส่วนต่างๆ ต้องถึงการสิ้นสุดลง
ปริศนาข้อนี้มีความลึกลับแฝงอยู่อย่างลึกซึ้งที่สุด ขอให้เจ้านำไปคิดดู ข้อพิสูจน์ตามหลักเหตุผลนี้เราแสดงไว้เพื่อให้ปัญญาชนนำไปตรึกตรองดูด้วยสำนึกอันเปี่ยมไปด้วยดุลย์แห่งเหตุผลและความเป็นธรรม หากเพียงแต่ถ้าใจของมนุษย์เบิกบาน เฝ้าแต่ฝักใฝ่อยู่กับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า มีดวงตาแห่งธรรมเปิดกว้าง มีหูแห่งดวงใจมั่นคง ถึงพร้อมด้วยมโนธรรมอันสูงเหนือความรู้สึกนึกคิดอื่นใด หากเขามีคุณลักษณะตามที่กล่าวมานี่ เขาก็จะได้ประจักษ์ในความอยู่ยงคงกระพันของวิญญาณได้อย่างชัดเจนปานประหนึ่งได้เห็นความสว่างของดวงตะวันและแล้ว ข่าวอันน่าปิติและแล้วสัญญาณของพระผู้เป็นเจ้าก็จะหลั่งไหลโปรยปรายลงมารายล้อมเขา
(35) จงรับรู้ไว้ด้วยว่า การดำรงอยู่ของสรรพสิ่งทั้งหลายมีเงื่อนไขจำกัดตามสถานะ เริ่มจากการเป็นผู้รับใช้ ถัดมาคือสถานะของพระศาสดา และที่สูงที่สุดคือสถานะแห่งพระผู้เป็นเจ้า แต่ความสมบูรณ์แห่งสวรรค์และสรรพสิ่งอันผันแปรนั้นเป็นความสมบูรณ์ที่ไม่มีขอบเขตจำกัด หลังจากที่เจ้าพิเคราะห์ดูอย่างลึกซึ้งแล้ว เจ้าก็จะพบว่าความสมบูรณ์เพียบพร้อมที่สรรพสิ่งทั้งหลายแสดงปรากฏออกมาภายนอกนั้นเป็นความสมบูรณ์ที่ไม่มีขอบเขตจำกัดเช่นกัน ทั้งนี้เพราะตัวเจ้าเองนั้นไม่อาจได้พบความเพียบพร้อมระดับสมบูรณ์แบบในสิ่งหนึ่งสิ่งใด เจ้าจึงไม่สามารถวาดมโนภาพเห็นความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่านั้นได้ ตัวอย่างเช่นถ้าเจ้าไม่มีจินตนาการเห็นก้อนแร่ พืชและสัตว์ซึ่งมีรูปแบบเป็นตัวอย่างปรากฏเด่นในความคิดแล้ว เจ้าก็ย่อมจะไม่สามารถเห็นทับทิมในอาณาจักรแร่ธาตุ จะไม่เห็นดอกกุหลาบในอาณาจักรพืช และในขณะเดียวกันก็จะไม่เห็นนกไนติงเกลในอาณาจักรสัตว์ด้วย ตราบใดที่ความอุดมแห่งสวรรค์ยังมากมายมหาศาลจนหาที่สิ้นสุดมิได้ ตราบนั้นการได้มาซึ้งความสมบูรณ์เพียบพร้อมของมนุษย์ก็หาจุดสิ้นสุดมิได้เช่นกัน หากสมมุติว่ามนุษย์สามารถพัฒนาตนเองไปจนถึงขีดที่สมบูรณ์ที่สุดได้ การณ์ก็จะกลับเป็นว่า มนุษย์ซึ่งเป็นแก่นสาระของสรรพสิ่งชิ้นหนึ่งได้บรรลุสู่สถานะที่เป็นอิสระจากพระผู้เป็นเจ้า นั้นก็คือการที่มนุษย์ได้กลายสภาพจากรูปธรรมไปสู่นามธรรมนั่นเอง ในข้อนี้ขอให้ระลึกไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งมีจุดอิ่มตัวเป็นขีดกำกับอยู่ กล่าวคือ ในระดับของมนุษย์ซึ่งอยู่ในสถานะคนรับใช้นั้น ไม่ว่าเขาจะเพียรพยายามบำเพ็ญตนให้ได้มาซึ่งคุณธรรมความดีอันมากมายมหาศาลเพียงใดก็ตาม เขาก็ยังติดอยู่ในระดับเป็นผู้รับใช้ ไม่อาจจะบรรลุสู่ฐานะของพระผู้เป็นเจ้าได้ สรรพสิ่งระดับรองลงมาจากมนุษย์ก็ตกอยู่ในขอบข่ายจำกัดนี้ด้วยเช่นกัน ขอให้เราดูแร่ธาตุ แม้ว่าแร่จะได้ชื่อว่าเป็นธาตุที่พัฒนาก้าวไกลอย่างมากที่สุดในขีดระดับอาณาจักรแร่ธาตุแล้วก็ตาม แต่แร่นั้นก็ยังไม่ได้ครองสมรรถนะของสรรพสิ่งระดับพืช ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าดอกไม้จะพัฒนาตนก้าวไกลจากระดับพืชได้สูงเพียงใดก็ตาม ดอกไม้นั้นก็ยังคงไม่ได้ครองอำนาจทางด้านประสาทสัมผัส ดังนั้นสมรรถนะทางด้านระดับความรู้สึกจึงไม่ปรากฏ กล่าวโดยสรุปคือ แร่เงินไม่สามารถครองประสาทสัมผัสทางโสตและทัศนะ ขีดพัฒนาก็อยู่ในขอบเขตจำกัดของธาตุวัตถุซึ่งก็อาจได้ชื่อว่าดีเลิศในระดับของแร่ธาตุ แต่ไร้สมรรถนะทางด้านการเจริญเติบโต ปราศจากการรับรู้ทางประสาทสัมผัส ปราศจากชีวิตจิตใจ ได้แต่พัฒนาอยู่ในระดับขีดขั้นของแร่ธาตุเท่านั้น ตัวอย่างเช่น นักบุญปีเตอร์ไม่สามารถเป็นพระเยซูคริสต์เจ้าได้ เท่าที่นักบุญปีเตอร์บำเพ็ญได้ในสถานะของผู้รับใช้ก็คือ การกระทำคุณความดีเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณธรรมอันหาที่สิ้นสุดมิได้ นับเป็นการเสาะหาความก้าวหน้าที่ทุกสรรพสิ่งสามารถแสวงหาได้ ด้วยประการฉะนี้ จึงอนุญาตให้อธิษฐานขอให้ดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้บรรลุสู่สุคติ ทั้งยังอนุญาตให้อธิษฐานขอประทานอภัยโทษ ขอความเมตตากรุณาขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงอำนวยพระพรแก่ดวงวิญญาณของเขาด้วย ทั้งนี้ก็เพราะสิ่งที่ ดำรงอยู่นั้นสามารถเจริญก้าวไกลได้นั่นเอง ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงมีบทสวดอธิษฐานที่ลิขิตขึ้นโดยพระบาฮาอุลลาห์เพื่อให้ใช้สวดอธิษฐานขออภัยบาป ขอลดโทษของผู้ที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีความจริงต่อไปอีกว่า มนุษย์ในโลกนี้ต้องการที่พึ่งพาพระผู้เป็นเจ้า และจะยังคงต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์ในภพต่อไปอีกด้วย สรรพสิ่งทั้งหลายต้องการความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ ส่วนพระผู้เป็นเจ้านั้น พระองค์ทรงดำรงอยู่ทั้งในโลกนี้และในภพหน้าอย่างอิสระ ไม่ขึ้นต่อใครอย่างแท้จริง
ความอุดมสมบูรณ์ในปรายภพนั้นก็คือการได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้ที่ได้สถิตอยู่แทบพระราชฐานของพระผู้เป็นเจ้าจึงได้รับอนุญาตให้ยื่นมือขอความกรุณาต่อพระองค์แทนผู้ใดผู้หนึ่งได้อย่างแน่นอน ถือเป็นอภิสิทธิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงรับรอง การช่วยขอพระเมตตาให้แก่ผู้อื่นในปรายภพนั้นไม่เหมือนกับการช่วยขอร้องให้แก่กันในโลกนี้ มีความหมายและความเป็นจริงในสาระที่แตกต่างกันและไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นถ้อยคำได้
เมื่อยามใกล้จะถึงแก่กรรม ถ้าเศรษฐีคนใดคนหนึ่งมอบของขวัญให้คนยากจนอนาถา ยกทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่งให้ผู้ที่ทุกข์ยากเหล่านั้นได้ใช้บ้างแล้ว การอุทิศนี้อาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่เศรษฐีผู้นั้นจะได้รับพระราชทานอภัย ได้รับการยกโทษจากพระผู้เป็นเจ้าและจะได้ล่วงบรรลุสู่แดนสุขาวดี
ในด้านบิดามารดา บุพการีทั้งสองได้ฝ่าฟันความเหนื่อยยากลำบากอย่างแสนสาหัสเพื่อบุตรธิดาของตน และการที่เมื่อบุตรธิดาได้เติบโตเจริญสู่วัยเป็นผู้ใหญ่ ส่วนบิดามารดาทั้งสองก็ถึงแก่กรรมไปนั่นนับเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอ มีบิดามารดาน้อยรายนักที่จะมีอายุยืนยาว ได้เห็นผลแห่งความเอาใจใส่และความเหนื่อยยากที่ตนได้ทุ่มเทเพื่อบุตรธิดาของตน ดังนั้น เพื่อตอบแทนพระคุณของบิดามารดาในข้อนี้ จึงควรที่บุตรธิดาจะต้องบำเพ็ญแต่กุศลกิจและแสดงออกซึ่งความใจบุญสุนทาน ต้องวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้พระองค์ทรงอภัยและยกโทษแก่บาปกรรมของบิดามารดาของตน สำหรับเจ้านั้น เพื่อเป็นการตอบแทนความรักและความเมตตาของบิดา ควรที่เจ้าจะอุทิศทรัพย์สินให้แก่คนยากคนจน เป็นการทำบุญในนามของบิดามารดาของตน และพร้อมกันนั้น เจ้าก็ควรอธิษฐานด้วยดวงใจที่อุทิศ ด้วยดวงจิตอันอ่อนน้อม ขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานอภัย ขอให้พระองค์ทรงลดโทษ และขอให้พระองค์ทรงเมตตาต่อดวงวิญญาณของบิดาของเจ้าด้วย
เป็นไปได้ที่สถานะของคนซึ่งตายขณะยังมีบาปหนักหรือของคนที่ตายในขณะที่ใจขาดความเชื่อถือศรัทธาจะสามารถแปรเปลี่ยนได้ กล่าวคือดวงวิญญาณของเขาจะได้รับอภัยโทษด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า เป็นการประทานอภัยให้ด้วยความกรุณา มิได้ให้โดยถือความยุติธรรมเป็นเกณฑ์ การให้อภัยด้วยความเมตตานั้นเป็นการให้โดยไม่คำนึงว่าผู้รับมีคุณค่าควรแก่การได้รับหรือไม่ ส่วนการให้โดยถือหลักความยุติธรรมนั้น ให้โดยคำนึงถึงคุณค่าของการกระทำของเขาเป็นหลัก เมื่อเราสามารถสวดมนต์อธิษฐานให้แก่ดวงวิญญาณในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้แล้ว ความสามารถในการอธิษฐานเช่นนี้ย่อมจะติดตัวเราไปในภพหน้าซึ่งเป็นอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าด้วยเช่นกัน บรรดาผู้ที่ล่วงลับไปอยู่ในปรายภพเหล่านั้น มิใช่เป็นสรรพสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างขึ้นหรอกหรือ เมื่อดวงวิญญาณสามารถสวดมนต์อธิษฐานได้แล้ว ดวงวิญญาณย่อมสามารถพัฒนาต่อไปในภพหน้าได้ด้วย ตราบใดที่ดวงวิญญาณเมื่อครั้งยังสถิตอยู่ในรูปกายมนุษย์ยังได้รับแสงแห่งธรรมจากแรงอธิษฐานของตน ตราบนั้น ดวงวิญญาณในปรายภพก็ย่อมสามารถวิงวอนขออภัย และจะได้รับแสงสว่างจากพระผู้เป็นเจ้าด้วยการวิงวอนขอร้องเช่นกัน ด้วยประการฉะนี้ มนุษย์ในโลกนี้จึงสามารถพัฒนาได้ด้วยแรงอธิษฐานที่ศาสนิกชนผู้มีจิตอันบริสุทธิ์ช่วยเป็นสื่อวิงวอนขอร้องต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ ความสามารถในการอธิษฐานขอประทานอภัยนี้ยังคงมีต่อไปอีกในภพหน้า ดวงวิญญาณสามารถพัฒนาตนด้วยแรงอธิษฐานวิงวอนขอร้องที่มาจากตัวเองและสามารถพัฒนาก้าวได้ไกลยิ่งขึ้นถ้าพระศาสดาทรงเป็นสื่อวิงวอนให้
พระธรรมบทที่ คัดเลือกตัดตอนมาจากหนังสือ
ความลี้ลับของแห่งทิพย์อารยะ
(36) มนุษย์เราจะลอยละล่องอยู่บนปีกแห่งกิเลสและความปรารถนาอันปราศจากสาระต่อไปอีกนานเท่าไหร่ จะใช้ชีวิตเยี่ยงคนป่าเถื่อนที่จมอยู่ในความเขลาหน้าชิงชังต่อไปอีกนานแค่ไหน พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานดวงตาให้เราใช้มองดูโลกรอบด้านให้ใช้หมายดูสิ่งซึ่งจะสืบทอดอารยธรรม สิ่งที่จะเสริมต่อเติมศิลปะแห่งการดำรงชีวิตให้ยืนยาวต่อไปอีก พระองค์ทรงประทานหูเพื่อเราจะใช้รับฟัง ให้ได้สดับปัญญาของนักปราชญ์และผู้รอบรู้ เพื่อจะได้สนับสนุนส่งเสริมและนำไปใช้ปฏิบัติ โสตประสาทสัมผัสและความสามารถด้านต่างๆ ที่พระองค์ทรงประทานแก่เรานั้น พระองค์ทรงมุ่งหมายให้ใช้ไปในการทำงานที่จะเป็นคุณประโยชน์แก่ส่วนรวม ดังนั้น มนุษย์ซึ่งมีความสามารถทางด้านความเข้าใจและความมีเหตุมีผลอันประเสริฐแตกต่างไปจากสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายจึงควรเพียรพยายามทำงานตามแนวสาขาอาชีพตลอดเวลา จงเพียรประกอบกิจตามวาระโอกาสที่เปิดอยู่โดยมิต้องคำนึงว่า โอกาสนั้นจะสำคัญ เล็กน้อยพิเศษหรือธรรมดา จงมุ่งทำงานจนกว่ามนุษย์ชาติจะสามารถรวมตัวอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยภายใต้ป้อมปราการแห่งความรอบรู้อันแข็งแกร่ง งานสถาปนารากฐานแห่งความสุขของมนุษย์ชาติตลอดจนการค้นคว้าหาเครื่องมือให้ได้มาซึ่งความสันติสุขนี้ควรจะดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง ถ้ามนุษย์คนใดยืนหยัดขึ้นปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบที่กล่าวไว้นี้ เขาจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่ประเสริฐและมีเกียรติยิ่ง แต่ถ้าเขาปิดตา ไม่ยอมสนใจดูความสุขสวัสดิ์ที่จะเกิดแก่สังคม ปล่อยเวลาอันมีค่าของชีวิตให้ล่วงเลยไปกับการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว วุ่นอยู่กับการกอบโกยแต่ส่วนได้ของตนเองแล้ว เขาก็ย่อมกลายเป็นคนที่น่าชิงชังและน่าดูแคลนอย่างยิ่ง หากเพียงแต่มนุษย์จะรีบควบอาชาแห่งความพากเพียรอันสูงส่งให้โลดแล่นอยู่ในสนามแห่งอารยธรรมและความเที่ยงธรรมแล้ว ความสุขหรรษาก็จะเป็นของพวกเขา และมนุษย์ก็จะได้ประจักษ์สัญญาณของพระผู้เป็นเจ้าที่แสดงปรากฏอยู่ทั้งในโลกและในจิตวิญญาณของตัวมนุษย์เอง ?แน่นอน เราจะแสดงให้มนุษย์เห็นสัญญาณทั้งที่ปรากฏบนผืนพิภพกับที่กำลังสำแดงอยู่ในตัวพวกเขาเอง
ความประพฤติที่จะดึงมนุษย์ให้ดำดิ่งลงสู่ความเสื่อมทรามอย่างที่สุดได้แก่พฤติกรรมต่อไปนี้คือ ใช้ชีวิตอย่างเฉื่อยชา เซื่องซึม ทำตัวหน้าเบื่อหน่าย สนใจแต่เรื่องปากท้องของตนเป็นหลัก พวกที่ดำเนินชีวิตตามนี้จะต้องจมอยู่ในก้นบึ้งแห่งความเขลา ป่าเถื่อนและมีค่าต่ำกว่าเดียรัจฉาน ใช่แล้ว เขาเหล่านั้นมีชีวิตอยู่เยี่ยงสัตว์ นับวันมีแต่จะหลงทางมากขึ้นทุกที . ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า เดียรัจฉานที่จัดอยู่ในระดับต่ำได้แก่พวกที่หูหนวก เป็นใบ้ ขาดความมั่นใจ
บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องตั้งปณิธานยืนหยัดขึ้นจับเครื่องมือที่จะช่วยเสริมสร้างสวัสดิ์ภาพ ความสันติสุข ความรอบรู้ตลอดจนด้านสร้างสรรค์วัฒนธรรม อุตสาหกรรม เกียรติภูมิ คุณค่าและสถานะของมนุษย์ชาติให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไปอีก โดยอาศัยสายธารอันอุดมด้วยเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ ปลอดจากการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวนี้เอง ความงามเลิศที่แฝงเร้นอยู่ก็จะบานสะพรั่งอยู่บนผืนดินแห่งศักยานุภาพของมนุษย์ จะผลิดอกอันตระการตา ควรค่าแก่การสรรเสริญยกย่อง จากนั้นก็จะออกผลดกเท่าเทียมกับกุหลาบที่บานในสวนแห่งความรอบรู้ของชนชั้นบรรพบุรุษ เมื่อถึงวาระนั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งประเทศเปอร์เซียก็จะกลายเป็นศูนย์แห่งความสมบูรณ์เพียบพร้อมในทุกด้านและส่องประกายอารยธรรมของโลกให้เด่นประดุจดังได้ฉายปรากฏอยู่ในกระจกเงาฉะนั้น
ขอพระเกียรติยศและความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นรุ่งอรุณแห่งอัจฉริยะอันเป็นทิพย์ ขอความประเสริฐจงมีแด่พระผู้เป็นจุดที่พระธรรมเบิกฟ้าในยามรุ่งอรุณ(พระศาสดาโมฮัมหมัด) ขอความรุ่งเรืองจงมีแด่บรรดาผู้นับถือศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์สืบทอดกันต่อมา ขอความสรรเสริญจงมีแด่บรรดาคนป่าเผ่ายาทริบ(เมดินา) และบาทา(เมกกะ) ผู้ที่หลังจากที่พระองค์ได้แผ่รังสีแห่งปัญญาอันเลิศล้ำ ได้ขยายความรู้อันกว้างขวางครอบคลุมจักรวาลแล้วกลับได้ผุดขึ้นมาจากห้วงเหวแห่งความโง่เขลาได้อย่างอัศจรรย์ในระยะเวลาอันสั้นจากนั้นก็ได้ไต่ขึ้นสู่ความรอบรู้อันเป็นยอด กลายเป็นชุมชนที่รวมตัวเป็นศูนย์แห่งศิลปะวิทยาการและความสมบูรณ์เพียบพร้อมอันเป็นบรรทัดฐานของมนุษย์ ดวงดาวที่อุดมด้วยพรและความเจริญอันแท้จริง และได้ฉายแสงข้ามขอบฟ้า ให้เป็นความสว่างไปทั่วโลก
(37) เจ้าทั้งหลายคงยังจำได้ดีว่าเมื่อครั้งที่ลมหายใจอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระจิตของพระผู้เป็นเจ้า (พระเยซูคริสต์) ได้รำเพยพัดพาความหอมหวานไปทั่วดินแดนปาเลสไตน์ เหนือท้องทะเลสาบฆาลิลาย เหนือน่านน้ำจอร์แดนตลอดจนทั่วอาณาบริเวณรอบกรุงเยรูซาเล็มนั้น ดนตรีแห่งพระวจนะอันเสนาะน่าอัศจรรย์ของพระเยซูก็ได้แว่วเข้าสู่โสตประสาทของผู้ที่มีจิตใจอันผ่องแผ้วด้วยภูมิธรรมอันสูงส่ง บรรดาศาสนิกชนในทวีปเอเชีย ยุโรป อัฟริกา อเมริกา ตลอดจนคนในหมู่เกาะในมหาสมุทรอันประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิกและอินเดียซึ่งในสมัยนั้น บุคคลเหล่านี้ยังบูชาไฟ ยังอยู่นอกศาสนา ป่าเถื่อน ยังโง่เขลาเกินกว่าจะสำเหนียกพระสุรเสียงที่กังวานอยู่ในยุคแห่งพระปฏิญญานั้นได้?มีแต่ชาวยิวเพียงชาติเดียวเท่านั้นที่ยังคงเชื่อเทพยดา และศรัทธาในความเป็นเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า การประกาศพระธรรมของพระเยซูคริสต์ยังผลให้กระแสพระสุรเสียงอันทรงอานุภาพฟื้นคืนชีวิตให้แก่ศาสนิกชนในเขตบริเวณภูมิภาคนั้นตลอดเวลา 3 ปีเต็ม และพระธรรมวจนะซึ่งนับเป็นยารักษาความเจ็บไข้ของโลกในยุคนั้นก็ร่างตัวขึ้นเป็นพระธรรมบัญญัติของคริสต์ศาสนา ในยุคที่พระเยซูคริสต์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น มีคนเพียงส่วนน้อยที่หันหน้าเข้าสู่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าจะนับกันตามจริงแล้ว มีสาวกสิบสองคนและข้าบาทบริจาริกาเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่นับว่าเป็นคริสต์ศาสนิกชนอย่างแท้จริง แม้กระทั่งหนึ่งในจำนวนศาสนิกชนอันน้อยนิดคือ ยูดัส อิสคาริออต ก็ยังละทิ้งความเชื่อศาสนาในภายหลัง คงเหลือสาวกเพียง 11 คนเท่านั้นหลังจากที่พระเยซูคริสต์ได้เสด็จปรินิพานสู่ราชอาณาจักรแห่งแดนสุขาวดีอันเรืองรองแล้ว คริสต์ศาสนิกชนจำนวนเท่าที่มีอยู่จึงตื่นตัวขึ้นด้วยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า และด้วยลมหายใจที่ผ่านมาจากพระคริสต์ ศาสนิกชนเหล่านั้นต่างพากันให้ความพิทักษ์อารักขาปวงประชาชาวโลกด้วยคุณธรรมและการกระทำที่เปี่ยมด้วยเจตนาอันศักดิ์สิทธิ์และพิสุทธิ์ ในกาลต่อมา ประชาชาติที่นับถือรูปบูชาตลอดจนชาวยิวก็ลุกฮือขึ้นหมายจะดับแสงธรรมที่ลุกสว่างในดวงประทีปประจำกรุงเยรูซาเล็ม ?พวกเขาย่ามใจหมายดับแสงธรรมของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความลำพอง แม้ว่าบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาจะมีความจงเกลียดจงชังดวงธรรมดวงนี้ แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ยังทรงตั้งพระทัยประคับประคองธรรมประทีปของพระองค์ให้คงความสว่างโชติช่วงต่อไป ?สาวกของพระเยซูคริสต์ผู้มีจิตบริสุทธิ์ทุกคนถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิต พวกเขาใช้มีดชำแหละหมูสับร่างอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของสาวกบางท่านให้ขาดเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปเผาในเตา สาวกบางท่านถูกขึงไว้กับเครื่องดึงแขนดึงขา จากนั้นก็ถูกฝังในสภาพนั้นทั้งเป็นๆ ทั้งๆ ที่คริสต์เตียนศาสนิกชนถูกกระทำให้ได้รับความทรมานถึงปานนี้ พวกเขาก็ยังคงสอนศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าต่อไปอีกอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่เคยปรากฏว่ามีใครชักดาบออกจากฝักหมายทำร้ายตอบแม้แต่จะเฉียดผิวแก้มของผู้ที่เป็นอริ แต่ท้ายที่สุด คริสต์ศาสนากลับได้ครองโลกทั้งโลกไม่มีร่องรอยของศาสนาอื่นปรากฏอยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกา แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ในทวีปเอเชีย อัฟริกาและที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ภายในกรอบแนวทางที่วางไว้ในพระคัมภีร์ 4 เล่ม
ข้อพิสูจน์อันหาข้อโต้แย้งมิได้เหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าศาสนาของพระผู้เป็นเจ้านั้นจำเป็นต้องอาศัยคุณธรรมความดีพร้อมของมนุษย์ตลอดจนลักษณะนิสัยอันเลิศน่านิยมยกย่อง และความประพฤติที่ถูกทำนองครองธรรมเป็นเครื่องช่วยเผยแพร่ให้ศาสนาเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้น หากจิตวิญญาณของมนุษย์ก้าวไปหาพระผู้เป็นเจ้าด้วยใจสมัครแล้ว พระองค์ก็ย่อมจะรับเขาไว้ ณ แทบธรณีประตูแห่งความเป็นเอกภาพด้วยเหตุที่ว่า บุคคลนั้นสละแล้วซึ่งความนึกคิดที่มุ่งถึงตัวบุคคล สิ้นความโลภ ยุติความเห็นแก่ตัว ตัดขาดออกจากการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งปวงและได้เข้าพักพิงอยู่ภายใต้ร่มไม้ชายคาอันปลอดภัยของพระผู้เป็นเจ้า และด้วยคุณลักษณะของบุคคลที่ทุกคนวางใจได้ มีความสัตย์มีความยับยั้งชั่งใจ มีหิริโอตตัปปะ มีภูมิธรรมสูง มีความจงรักภักดี ซื่อตรงและเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า คุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้ชื่อของเขาเลื่องลือไปในหมู่ชนทั้งปวง จุดมุ่งหมายเบื้องมูลฐานของการเผยพระธรรมอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งสันติสุขในปรายภพ ก่อกำเนิดอารยธรรมและจริยธรรมอันดีงามให้แก่ชีวิตในโลกนี้จะสัมฤทธิ์เป็นผลสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อปวงชนดำเนินชีวิตตามแนววิถีที่ให้ไว้นี้ ส่วนการใช้อาวุธดาบขู่บังคับให้ศาสนิกชนนับถือศาสนานั้นย่อมทำให้บังเกิดมีศาสนิกชนที่นับถือศาสนาแต่เพียงในนามส่วนภายในจิตใจอันล้ำลึกนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความคิดทรยศพร้อมจะละทิ้งศาสนาได้ทุกเมื่อ
(38) เราจะขอหยิบยกเรื่องราวตอนหนึ่งมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจเจ้าทั้งหลาย เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นบันทึกลำดับเหตุการณ์ของชาวอาหรับยุคก่อนการเสด็จมาของพระศาสดาโมฮัมหมัด บันทึกนั้นเล่าว่า กษัตริย์มันเฮอร์แห่งแลคไมท์ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินปกครองชาวอาหรับในยุคที่คนยังจมอยู่ในความเขลานั้น พระองค์มีพระโอรสองค์หนึ่งชื่อเจ้าชายนูแมน ที่ทำการของรัฐบาลในสมัยนั้นตั้งอยู่ที่เมื่อฮีรี วันหนึ่ง เจ้าชายนูแมนร่ำสุราจนกระทั่งครองสติไม่อยู่ขาดสติสัมปชัญญะ ในขณะที่ยังเมามายไม่ได้สติอยู่นั้น พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ประหารชีวิตพระสหายสนิท 2 คนชื่อว่า คาลิด(บุตรของมูดาลิล) และแอมซอล(บุตรของมาสุดคาลดี) เมื่อสร่างเมา พระองค์ได้ตรัสหาพระสหายทั้งสองท่านนั้น เมื่อพระองค์ได้รับทราบข่าวว่าทั้งสองคนได้ตายจากไปแล้ว เจ้าชายทรงบังเกิดความอาดูรมาก และด้วยความรักและความอาลัย พระองค์จึงมีพระบัญชาให้สร้างอนุสาวรีย์อันสวยงามให้ประดิษฐานอยู่บนหลุมศพของเพื่อนพร้อมทั้งขนานนามบุคคลทั้งสองว่า ปิยมิตรผู้ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต
เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่เพื่อนทั้งสอง พระองค์จึงทรงกำหนดวันพิเศษขึ้น 2 วันในปีหนึ่งเรียกว่าวันแห่งความชั่วร้าย ส่วนอีกวันหนึ่งเรียกว่า วันแห่งพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อวันที่กำหนดไว้นี้เวียนมาถึง พระองค์จะเสด็จออกมาจากพระที่นั่งมาดำเนินพระราชพิธีอันเอิกเกริก พระองค์จะประทับนั่งอยู่ระหว่างหลุมฝังศพของพระสหายทั้งสองนั้น หากสายพระเนตรของพระองค์ต้องใครในวันที่ทรงกำหนดไว้ว่าเป็นวันแห่งความชั่วร้าย คนๆ นั้นจะต้องถูกประหารชีวิต และถ้าใครก็ตามเดินผ่านสายพระเนตรของพระองค์ในวันแห่งพระกรุณาธิคุณ คนๆ นั้นก็จะได้บำเหน็จพร้อมทั้งรางวัลอย่างมากมายเหลือคณานับ นี่คือกฎเกณฑ์ที่พระองค์ทรงตราไว้ เป็นสัตย์สาบานอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงถือปฏิบัติอย่างคงเส้นคงวา
วันหนึ่ง เจ้าชายนูแมนควบอาชาชื่อมาร์มุดสู่ที่ราบสูง มุ่งหน้าไปล่าสัตว์ ทันใดนั้น พระองค์ทรงเหลือบเห็นลาป่าแต่ไกล เจ้าชายนูแมนรีบกระตุ้นม้าไล่จับ พระองค์ทรงควบม้าด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งทิ้งช่วงห่างจากบรรดาข้าราชบริพารผู้ตามเสด็จต้องหลงทางอยู่ตามลำพังในราตรีนั้น ทันใดนั้น พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นกระโจมหลังหนึ่งกางอยู่ที่ทะเลทรายอันไกลลิบๆ พระองค์จึงเปลี่ยนทิศทาง บังคับม้าให้เดินทางบ่ายหน้าไปยังกระโจมนั้น เมื่อถึงทางเข้าพระองค์จึงตรัสถามว่า ?บ้านนี้รับแขกไหม ?เจ้าของบ้าน(มีนามว่าฮันซาล่า บุตรของอาบีกาเฟยี ทาอี) ตอบว่า ?เชิญ ?พร้อมกับออกมาช่วยเจ้าชายนูแมนเสด็จลงจากหลังม้า จากนั้นก็เดินเข้าบ้านไปบอกภรรยาว่า ?ชายคนนี้ดูท่าทางจะเป็นบุคคลสำคัญ จงต้อนรับขับสู้อย่างดี และเตรียมอาหารไว้รองรับเขาด้วย ?เมื่อฝ่ายภรรยาได้ฟังดังนั้นก็ตอบรับคำว่า ?ฆ่าแกะที่เรามีอยู่ตัวหนึ่งนั้นเสียเถอะ แป้งที่มีอยู่นิดหน่อยนั้น ฉันเก็บไว้ใช้ในวันสำคัญอย่างวันนี้ ?ฮันซาล่าฆ่าแกะก่อนแล้วจึงถือถ้วยนมไปให้เจ้าชายนูแมน จากนั้นจึงทำการชำแหละแกะเตรียมทำอาหาร ด้วยน้ำใจไมตรีและความเอื้ออารีของฮันซาล่า เจ้าชายนูแมนจึงได้พักแรมอย่างสุขสบายในคืนนั้น วันรุ่งขึ้น เจ้าชายนูแมนเตรียมตัวออกเดินทาง ก่อนไป พระองค์ได้ตรัสกับฮันซาล่าว่า ?การที่ท่านต้อนรับและเลี้ยงดูเราอย่างดีนั้นนับเป็นความเอื้อเฟื้ออย่างหาที่สุดมิได้ ตัวเรานั้นคือเจ้าชายนูแมน เป็นโอรสของพระเจ้ามันเฮอร์ เราจะเฝ้ารอการไปเยือนของเจ้าอยู่ที่ราชสำนักของเรา
เวลาได้ล่วงเลยไปจนกระทั้งเกิดทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพงทั่วดินแดนเมืองเทยี ฮันซาล่าตกอยู่ในความขาดแคลนขัดสนอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินทางดั้นด้นไปหาเจ้าชาย แต่เผอิญวันที่เดินทางไปถึงนั้นตกอยู่ในวันแห่งความชั่วร้ายพอดี เจ้าชายนูแมนเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ตรัสตำหนิฮันซาล่าว่า ?ทำไมเจ้าจึงเฉพาะเจาะจงเดินทางมาที่นี่ในวันนี้ วันนี้เป็นวันแห่งความชั่วร้าย เป็นวันแห่งความพิโรธเดือดร้อน หาก ณ วันนี้สายตาของเราทอดไปยังควาบัส บุตรชายโทนของเรา เขาก็จะสิ้นหนทางมีชีวิตอยู่รอดต่อไป ไหนบอกมาซิว่า เจ้าต้องการอะไร
ฮันซาล่าตอบว่า ?วันแห่งความชั่วร้ายของพระองค์นั้นข้าพเจ้ามิเคยรู้จัก ของขวัญที่ให้แก่กันในภพนี้ คนที่กำลังมีชีวิตอยู่เท่านั้นจึงจะรับได้ และด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าจะต้องตายอยู่ ณ บัดนี้แล้วสรรพสิ่งใดๆ ในโลกนี้จะตกเป็นของข้าพเจ้าได้อย่างไร
เจ้าชายนูแมนตอบว่า ?ตกลงเป็นอันว่าเราหมดหนทางช่วยเหลือเจ้าแล้ว ?ฮันซาล่ากราบบังคมทูลว่า ?ถ้าเป็นเช่นนั้นขอให้พระองค์โปรดพักโทษไว้ก่อน ให้ข้าพเจ้าเดินทางกลับไปหาภรรยาและเพื่อทำพินัยกรรมให้เรียบร้อย ข้าพเจ้าจะกลับมาที่นี่ในวันแห่งความชั่วร้ายของปีหน้า
เจ้าชายนูแมนตกลง แต่ขอให้ฮันซาล่าหาผู้ค้ำประกันเพื่อที่ว่าถ้าหากฮันซาล่าผิดคำสัญญา ผู้ค้ำประกันคนนั้นจะต้องตายแทน ฮันซาล่าหัวหมุนอยู่กับการคิดหาผู้ค้ำประกันอย่างหมดหนทาง ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ต้องข้าราชบริพารคนหนึ่งของเจ้าชายนูแมน คนๆ นี้มีชื่อว่าชาริค เป็นบุตรของแอม(แอมเป็นบุตรของเควแห่งเมืองเชบาน) ฮันซาล่าจึงเอ่ยถ้อยทำนองดังนี้ ?ดูกรเพื่อนร่วมชีวิต บุตรของแอม หนทางหนีรอดจากความตายนั้นมีอยู่หรือ ดูกร พี่ชายของคนลำเค็ญ พี่ชายของคนไร้ญาติขาดมิตร พี่ชายของเจ้าชายนูแมน ในกาลปัจจุบัน ท่านก็คือผู้ค้ำประกันให้แก่เชค บัดนี้ขุนนางเชบานผู้สูงส่งสถิตอยู่ ณ ที่ใด ขอให้พระผู้ทรงเมตตาจงปราณีเขาด้วยเถิด ?เมื่อเชริดได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่ตอบเพียงว่า ?ดูกร น้องชายคนเราไม่ควรวางชีวิตของตนเป็นเดิมพันให้แก่การพนัน ?มาถึงตอนนี้ ฮันซาล่าผู้รับเคราะห์ก็สิ้นสุดหนทางจะหันหน้าไปพิ่งใครทันใดนั้น ควารัด บุตรชายของอาดจาแห่งแคว้นคาลไบท์ลุกขึ้นยืนเสนอตัวว่าจะเป็นผู้ค้ำประกัน ยอมตกลงรับเงื่อนไขที่ว่า ถ้าเขาไม่สามารถส่งมอบฮันซาล่าผู้เคราะห์ร้ายให้แก่เจ้าชายในปีแห่งความชั่วร้ายที่จะมาถึงได้ ตัวเขาเองจะยอมให้เจ้าชายนูแมนประหารตามพระราชประสงค์ต่อไป เมื่อตกลงกันได้ตามนี้ เจ้าชายนูแมนก็ทรงพระราชทานอูฐให้แก่ฮันซาล่าห้าร้อยตัว จากนั้นจึงส่งเขากลับบ้าน
เมื่อถึงยามอรุณเบิกฟ้าในวันแห่งความชั่วร้ายของปีถัดมาเจ้าชายนูแมนทรงเสด็จออกประกอบพิธีตามธรรมเนียมอย่างเอิกเกริก ทรงมุ่งหน้าไปยังอนุสรณ์ของปิยมิตรที่ได้เพระราชทานสมญานามไว้ว่า ผู้ที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ปีนี้ พระองค์ทรงนำควารัดไปด้วย หมายจะให้เขาเป็นที่รองรับความพิโรธของพระองค์ บรรดาข้าราชบริพารคนสำคัญๆ ของรัฐถึงกับออกปากขอความเมตตาจากเจ้าชาย ขอให้พระองค์ระงับการประหารไว้จนกว่าตะวันตกดิน พวกเขายังมีความหวังว่าฮันซาล่าจะกลับมา คำขอนี้ขัดต่อความต้องการของเจ้าชาย เพราะแท้ที่จริงแล้วพระองค์มีเจตจำนงจะไว้ชีวิตฮันซาล่าในฐานะที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีน้ำใจดีต่อพระองค์ด้วยการสังหารควารัดแทนเสีย ครั้นเมื่อดวงตะวันใกล้จะลับฟ้า ควารัดถูกเปลื้องเสื้อผ้าออก พร้อมที่จะถูกบั่นศีรษะ ทันใดนั้น ม้าวิ่งเต็มฝีเท้าตัวหนึ่งก็ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ เจ้าชายนูแมนเห็นดังนั้นก็รับสั่งถามเพชฌฆาตว่า ?มั่วชักช้าอยู่ทำไม ?เหล่าเสนาบดีที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างทูลว่า ?คนที่กำลังมาอาจจะเป็นฮันซาล่าก็ได้ ?และเมื่อม้าวิ่งใกล้เข้ามาพวกเขาก็เห็นว่าเป็นฮันซาล่านั่นเอง หามิใช่ใครอื่น
เจ้าชายนูแมนทรงกริ้วอย่างยิ่ง ตรัสว่า ?เจ้านี่ช่างเซ่อซ่าเสียนี่กะไร เจ้าได้รอดพ้นจากกรงเล็บแห่งความตายแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จะยั่วยุให้ความตายกลืนกินเจ้าเป็นหนที่สองหรือ
ฮันซาล่ากราบบังคมทูลว่า ?ความคิดที่จะปฏิบัติตามคำปฏิญาณทำให้พิษแห่งความตายกลับเป็นมธุรสในปาก กลายเป็นรสแห่งความโอชาที่ปลายลิ้น
เจ้าชายนูแมนตรัสถามฮันซาล่าว่า ?อะไรเป็นเหตุจูงใจให้เจ้าเป็นคนที่วางใจได้ ทั้งยังมีความซื่อตรงต่อพันธะสัญญา และใส่ใจรักษาคำที่สาบานไว้เยี่ยงนี้ ?ฮันซาล่าทูลตอบว่า ?เหตุจูงใจนั้นคือความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าผู้ทรงเป็นเอก ประกอบกับความเชื่อถือในบรรดาพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์ทรงประทานให้ ?เจ้าชายนูแมนตรัสถามต่อไปอีกว่า ?เจ้านับถือศาสนาอะไร ?ฮันซาล่าทูลตอบว่า ?ลมหายใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ฟื้นคืนชีวิตข้าพเจ้า ?ข้าพเจ้าเดินตามวิถีอันเที่ยงตรงของพระเยซู พระผู้ซึ่งเป็นพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า ?เจ้าชายนูแมนได้สดับดังนั้นจึงตรัสว่า ?ขอให้เราได้หายใจรับเอาความหอมหวานของพระวิญญาณดวงนี้ด้วยเถิด
ฮันซาล่านั่นเองที่เป็นผู้อัญเชิญพระหัตถ์บริสุทธิ์แห่งการนำทางชีวิตออกมาจากอ้อมอกแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้า?ให้ความสว่างแก่จักษุและมโนธรรมของผู้ที่เห็นแสงธรรมในคำสั่งสอนของพระเยซู หลังจากที่เจ้าชายนูแมนและเหล่าเสนาบดีได้ฟังฮันซาล่าท่องพระธรรมวจนะด้วยกระแสเสียงหวานปานระฆังแล้วพลันคลายความเชื่อและการสักการบูชารูปปั้น บังเกิดความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ต่างกล่าวขึ้นว่า ?อนิจจา อนิจจาเพราะพวกเราละเลยพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้เอง พวกเราจึงถูกปิดกั้นจากความเมตตานี้มานาน มิได้รับพิรุณที่หลั่งลงมาจากเมฆแห่งความปราณีของพระผู้เป็นเจ้า ?ด้วยประการฉะนี้พระราชาผู้ได้เดินในบาทวิถีอันเที่ยงตรงก็ทำลายอนุสาวรีย์ที่เรียกว่า แด่ผู้ที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ทิ้งเสีย ทั้งยังสำนึกได้ว่าพระองค์ทรงกดขี่ข่มเหงประชาชนมากเพียงใด หลังจากนั้นก็ทรงครองบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรมสืบต่อมา