ธรรมชาติของมนุษย์

เราสร้างเจ้าขึ้นมาด้วยมือที่ทรงพลังและด้วยนิ้วที่แข็งแกร่ง และเราได้เอาแก่นสาระแห่งแสงสว่างของเราใส่ไว้ในตัวเจ้า” นี่เป็นบทหนึ่งในหลายๆ พระธรรมบทของพระบาฮาอุลลาห์ที่ได้ทรงอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ แต่เราก็ยังมีความสามารถที่จะทำพฤติกรรมที่สูงส่งและต่ำช้า ภายในตัวเราทุกคนมีร่องรอยที่ได้รับมาในช่วงเป็นพันๆ ปีของวิวัฒนาการ ซึ่งเรามีส่วนเหมือนกับอาณาจักรของสัตว์ แต่พฤติกรรมหลายอย่างที่เป็นที่ยอมรับในสัตว์ ก็ไม่เป็นที่ยอมรับที่มนุษย์จะกระทำได้

พระบาฮาอุลลาห์ทรงลิขิตไว้ว่า “มนุษย์ควรจะรู้จักตัวเองและแยกแยะได้ว่าสิ่งใดนำไปสู่ความสูงส่งหรือความตกต่ำ ความรุ่งโรจน์หรือความเสื่อม ความมั่งคั่งหรือความขัดสน” เราแต่ละคนมีศักยภาพที่จะสะท้อนออกมาซึ่งคุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าได้ นี่คือจุดประสงค์ที่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นในรูปลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า “เพราะในตัวมนุษย์จะสามารถเปิดเผยคุณลักษณะและพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจนถึงระดับที่ไม่มีสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์อื่นใดสามารถทำได้ดีเท่าหรือดีกว่า” ถ้าความจริงของตัวตนของเราถูกเปรียบเทียบกับกระจก ดังนั้นศักยภาพเต็มๆ ของมันสามารถถูกเปิดเผยขึ้นมาได้เมื่อกระจกนั้นไร้มลทินและอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับแหล่งกำเนิดของแสง กระจกแห่งจิตวิญญาณของเราจะได้รับการขัดเกลาด้วยการสวดมนต์ การศึกษาและนำคำสั่งสอนไปใช้ในชีวิตประจำวัน การใฝ่หาความรู้อย่างเนืองนิตย์ มีความพยายามที่จะปรับปรุงความประพฤติของตนเองและการรับใช้มนุษยชาติ

ในบรรดาแรงขับที่มีผลต่อจิตวิญญาณและช่วยให้เราได้เก็บเกี่ยวคุณภาพแห่งจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในตัวเรา อาทิ ความกรุณา ความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ คือความรักในองค์พระผู้เป็นเจ้า การดึงดูดสู่ความงามและการกระหายใคร่รู้ พลังของสิ่งเหล่านี้และแรงขับเคลื่อนสำคัญอื่นๆ ส่งผลสู่การทำให้ประสาทรับรู้ในจุดประสงค์ของเราได้ถูกทำให้เข้มแข็ง ผลักดันเราให้ทั้งปรับเปลี่ยนตัวเองและมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงสังคมพร้อมกันไปด้วย