สาส์นที่เขียนถึงพยัญชนะแห่งการมีชีวิตคนแรก
นี่คือสาส์นที่เราได้แสดงแก่สาวกคนแรกที่
เชื่อถือในพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้
ปรากฏ เป็นโอวาทที่เราให้แก่มนุษย์ทั้งปวง
ในนามของพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ
พระผู้ทรงเป็นที่รักยิ่ง
ขอความไพโรจน์จงมีแด่พระผู้ซึ่งเป็นนายยิ่งใหญ่เหนือสวรรค์และพื้นพิภพและอาณาบริเวณในระหว่างสองอาณาจักรนี้ แท้จริงแล้ว ทุกคนจะต้องกลับไปสู่พระองค์อีก พระองค์คือพระผู้ทรงชี้แนวทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงโปรด มนุษย์ทุกคนวิงวอนขอพระพรจากพระองค์ พระองค์คือพระผู้สถิตอยู่สูงเหนือสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก พระองค์คือพระผู้ทรงความไพโรจน์ ทรงเป็นที่รักยิ่ง
นี่คือสาส์นจากตัวอักษร ?ทอา ?ถึงผู้ที่เป็นสาวกคนแรก เจ้าจงเป็นพยานว่า แท้จริงแล้ว เราคือพระองค์นั้น เป็นตัวเราเอง ผู้ทรงความยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่ง พระองค์ทรงลิขิตชีวิตและความตาย และทุกคนจะหวนกลับไปสู่พระองค์อีก แท้จริงแล้ว ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์และมนุษย์ทุกคนจะหมอบกราบบูชาพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งเป็นนายของเจ้าจะประทานรางวัลและจะลงโทษทุกคนที่พระองค์ประสงค์ การดลบันดาลของพระองค์รวดเร็วกว่าการกล่าวคำว่า ?เจ้าจงเป็นเช่นนี้ ?เสียอีก
พระผู้เป็นเจ้าได้ประกาศข้อพิสูจน์ในพระคัมภีร์ ได้แสดงพยานหลักฐานต่อหมู่เทวทูต เหล่าพระศาสดาและผู้มีจิตใจฝักใฝ่ความรู้เรื่องธรรมสวรรค์ว่า หากเจ้ามีความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าและศัทธาในสัญลักษณ์ของพระองค์ คุณธรรมความดีงามของเจ้าจะชักนำผู้อื่นไปสู่หนทางที่ถูกต้องด้วยนี่คือพระมหากรุณาธิคุณอันมิรู้สิ้นที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมีชีวิตนิรันดร ผู้ทรงสถิตอยู่ตามลำพัง ได้ทรงประทานให้แก่เจ้ามาแล้วและจะทรงประทานให้ต่อไป และเมื่อเจ้ามีความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้ามาแต่เดิมก่อนที่พระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย พระผู้เป็นเจ้าก็ได้ทรงทะนุบำรุงเลี้ยงดูเจ้าตลอดทุกยุคทุกสมัยที่พระศาสดาเสด็จมาโปรด ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงพิทักษ์สูงสุดผู้เป็นความรุ่งโรจน์ทั้งมวล
จำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านจะต้องสอนศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าแก่ผู้อื่น ทั้งนี้เพราะว่าศาสนาก็คือสัญลักษณ์แห่งความเมตตาที่หลั่งไหลมาจากที่ประทับของพระองค์ ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงมีเมตตา พระผู้ทรงอำนาจบังคับบัญชาสูงสุด
ขอให้หยิบยกพระคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้ามาใช้ไขข้อข้องใจต่างๆ แท้จริงแล้วเราคือบุคคลแรกที่เชื่อในพระเจ้าและในสัญลักษณ์ของพระองค์ เราเป็นผู้ที่เปิดเผยและประกาศสัจธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ได้ถูกขนานนามด้วยพระนามอันทรงเกียรติคุณของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ ผู้ที่ไม่มีใครเทียบได้ แท้จริงแล้ว ในยุคสมัยที่พระศาสดาองค์แรกเสด็จมาได้มีเราร่วมอยู่ด้วย และโดยโองการอันเสมือนเป็นเครื่องหมายแห่งพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า เราจะได้เฝ้าชมพระศาสดาองค์ต่อไปอีกด้วย ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ เมื่อเวลาที่พระศาสดาองค์ต่อไปเสด็จมาถึง ทุกคนจะต้องน้อมสักการะบูชาพระองค์
เราขอขอบพระทัยและขอสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเลือกให้เราให้เป็นพระศาสดาแห่งศาสนาของพระองค์สำหรับยุคที่ผ่านมาแล้วและที่กำลังจะมาถึง ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ ผู้ทรงความไพโรจน์ ผู้ทรงได้รับคำสดุดีจากสรรพสิ่งทั้งปวง พระผู้ทรงดำรงอยู่ชั่วนิจนิรันดรทุกสรรพสิ่งในสรวงสวรรค์และบนพื้นพิภพนั้นเป็นของพระองค์ พระผู้ทรงแนะทางที่ถูกต้องแก่เรา
ดูกร เหล่าศาสนิกชนที่นับถือพระคัมภีร์บายัน ดังที่ลิขิตไว้ในพระคัมภีร์นั้น ปวงชนที่รักสัจธรรมความจริงทั้งหลายจะต้องหันกลับมาหาเรา ใครก็ตามที่ได้บรรลุถึงที่ประทับขอเราจะได้รับการนำทางจากสวรรค์
(2) ข้อความที่ตัดตอนมาจากจดหมายที่มีไปถึงมูฮัมหมัด ชาห์
เลือดเนื้อที่พระเจ้าได้ทรงสร้างตัวเราขึ้นมานี้มิใช่มาจากดินเหนียวเหมือนที่คนอื่นๆ ได้รับการสร้างขึ้นมา พระองค์ทรงประทานแก่เราในสิ่งที่แม้นักปราชญ์แห่งมนุษย์โลกก็ไม่อาจเข้าใจได้ หรือผู้ที่มีความเชื่อมั่นศรัทธาก็ไม่อาจค้นพบเราเป็นหลักอันหนึ่งที่คอยค้ำจุนธำรงไว้ซึ่ง พระสัจธรรมเบื้องปฐมของพระผู้เป็นเจ้า ใครก็ตามที่นับถือเราย่อมได้รู้ทุกอย่างที่เป็นสัจธรรมและความถูกต้อง ได้บรรลุถึงคุณความดีและสิ่งอันเหมาะสม ผู้ใดก็ตามที่ไม่นับถือเรา หันหน้าหนีไปเสียจากสิ่งที่เป็นสัจธรรม และความถูกต้องจะตกอยู่ในความชั่วร้ายและน่าเกลียดน่ากลัว
เราขอให้สัตย์ปฏิญาณต่อความเที่ยงธรรมของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก พระเจ้าของโลกทั้งมวล หากมีมนุษย์คนหนึ่งสร้างโบสถ์วิหารที่สวยงามไว้มากมาย และบูชาพระผู้เป็นเจ้าด้วยการปฏิบัติธรรมทุกอย่างที่พระองค์ล่วงรู้ได้ และได้บรรลุถึงพระองค์ แต่ถ้าหากบุคคลนั้นบกพร่องผิดไปจากที่พระผู้เป็นเจ้าทรงพระประสงค์กล่าวคือ มีจิตที่ประสงค์ร้ายต่อเราแม้แต่เพียงนิดเดียว กุศลที่เขาได้บำเพ็ญมาตลอดจะสูญสลายไปสิ้น เขาจะสูญเสียความรักและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า จะถูกพิโรธและจะมลายไปในที่สุด พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญญัติว่า เจ้าสามารถบรรลุถึงสิ่งดีงามที่อยู่ในคลังแห่งพระปัญญาของพระองค์ได้ด้วยการเคารพเชื่อฟังเรา และจะประสบกับความเดือดเนื้อร้อนใจตามคำในพระคัมภีร์ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังเรา ณ กาลบัดนี้ และในสถานะที่เราดำรงอยู่ เราได้ประจักษ์ว่าเหล่าศาสนิกชนที่ทนุถนอมความรักของเราและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเรากำลังเสวยสุขในสรวงสวรรค์ ส่วนบรรดาผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเราถูกส่งลงสู่ก้นบึ้งแห่งเพลิงนรก
ชีวิตของเราเป็นพยานเถิด หากมิใช่เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องล่วงรู้ศาสนาของพระองค์ผู้ทรงเป็นพยานแห่งพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องประกาศสิ่งนี้ต่อท่าน พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเลือกวางกุญแจทุกดอกที่ไขสู่สรวงสวรรค์ไว้ในมือข้างขวาของเรา ส่วนที่วางในมือข้างซ้ายนั้นคือกุญแจที่นำไปสู่นรก
เราคือองค์ปฐมที่ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งปวง เราคือพระพักตร์อันรุ่งโรจน์มิรู้วันดับของพระผู้เป็นเจ้า เป็นแสงสว่างของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีรัศมีมิรู้เลือน ใครก็ตามที่นับถือเรา ความมั่นคงและผลบุญก็จะรอเขาอยู่ข้างหน้า ส่วนผู้ที่ปฏิเสธเรา ไฟโลกันต์และความชั่วร้ายทั้งหมดก็จะคอยเขาอยู่
เราขอปฏิญาณต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงสุด ผู้ที่ไม่มีใครเปรียบปราน ผู้ทรงเที่ยงแท้ว่า เหตุที่พระองค์ พระผู้ทรงเป็นพยานหลักฐานอันสูงสุดของพระผู้เป็นเจ้าได้ให้เราประจักษ์เครื่องหมายและสัญลักษณ์นั้นก็เพียงเพื่อให้มนุษย์ทั้งหลายรับนับถือศาสนาของพระองค์
ขอความเที่ยงธรรมแห่งองค์ผู้ทรงความเที่ยงแท้อันสมบูรณ์จงเป็นพยานเถิด หากม่านแห่งพิภพนี้เปิดได้ ท่านจะเห็นว่า มนุษย์ในโลกนี้กำลังเจ็บปวดทรมานด้วยเพลิงพิโรธของพระผู้เป็นเจ้า เพลิงนี้ร้อนแรงกว่าเพลิงโลกันต์เสียอีกผู้ที่รอดพ้นก็คือศาสนิกชนที่เสาะแสวงหาร่มเงาภายใต้พฤกษาแห่งความรักของเรา เป็นผู้ที่มีความสุขสำราญโดยแท้
(3) ข้อความที่ตัดตอนมาจากสาส์นที่ส่งไปถึงเจ้าเมืองเมกกะ
ดูกรท่านเจ้าเมือง ตลอดชีวิตของเจ้า เจ้าได้ให้ความเคารพบูชาพวกเรา แต่เมื่อเราได้แสดงตนต่อเจ้า เจ้ากลับเพิกเฉย ไม่เป็นพยานต่อการระลึกถึงของเรา และเลิกยอมรับว่า แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงสูงสุด ทรงสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ ทรงความไพโรจน์ทั้งปวงอย่างแท้จริง ดังนั้น พระองค์ผู้ทรงเป็นนายจึงจักพิสูจน์เจ้าในวันแห่งการฟื้นคืนชีพพระองค์ทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงปรีชาญาณเหนือสรรพสิ่งทั้งมวลโดยแท้จริง
หากเพียงแต่เจ้าร้องรับพระคัมภีร์ของเราว่า ?ข้าพเจ้าพร้อมอยู่ ณ ที่นี้แล้ว ?เราก็จะรับเจ้าไว้เป็นธรรมสาวกเป็นคนรับใช้ที่มีความศรัทธาอย่างแท้จริง และเราจักจารึกคำสรรเสริญเจ้าไว้ในพระคัมภีร์ตราบจนกระทั่งถึงวันที่มนุษย์ทั้งหลายจักต้องปรากฏต่อหน้าเราเพื่อรับคำพิพากษา แท้จริงแล้ว การรับนับถือเรามีคุณต่อตัวเจ้าเองมากกว่าการแสดงอาการกราบไหว้ที่เจ้าได้กระทำชั่วชีวิตของเจ้า หรือจากปฐมกาลที่ปราศจากการเริ่มต้นเสียอีก เป็นคุณอย่างเที่ยงแท้แน่นอนและจะก่อประโยชน์อย่างมหาศาลให้แก่ตัวเจ้า แท้จริงแล้วเราตรัสรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้เราได้สร้างเจ้าขึ้นมาเพื่อเจ้าจักได้อยู่ต่อหน้าเราในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แต่กระนั้นเจ้าก็หลีกหนีเราไปโดยปราศจากเหตุผล มิได้หยิบยกบทธรรมลิขิตในพระคัมภีร์อธิบายประกอบเหตุผลในการหนีหน้าของเจ้าหากเจ้าเป็นดังเช่นศาสนิกชนที่ได้รับพระพรให้เข้าใจพระคัมภีร์บายันทันทีที่เจ้าได้เห็นพระคัมภีร์เล่มนี้ เจ้าก็จักเป็นพยานได้ทันทีว่า ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เองและเจ้าจักยอมรับต่อไปอีกด้วยว่า พระผู้ทรงเปิดเผยพระคัมภีร์กุรอ่านได้ทรงเปิดเผยพระคัมภีร์ฉบับนี้ด้วย ทุกคำในพระคัมภีร์เล่มนี้จากพระผู้เป็นเจ้า เราทั้งมวลของสวามิภักดิ์ต่อพระคัมภีร์นี้
คำทำนายได้บรรลุเป็นความจริงขึ้นแล้ว ถ้าเจ้าหันมายังเราในยามที่เรายังเป็นสายธารแห่งธรรมอยู่ เราจะแปรอัคคีของเจ้าให้เป็นแสงสว่าง เราคือผู้ทรงอำนาจเหนือสิ่งทั้งมวลอย่างแท้จริง หากเจ้าไม่เชื่อฟังเรา เจ้าก็จะไม่พบทางออกอื่นใดนอกเสียจากว่าจะยอมรับศาสนาของพระผู้เป็นเจ้านี้และวิงวอนขอสวามิภักดิ์ต่อพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะส่งมา ด้วยการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้พระองค์โปรดให้เจ้าเจริญและแปรอัคคีในเจ้าให้เป็นแสงสว่าง นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับหากเจ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ โทษที่เราได้กำหนดไว้ก็ยังจะมีผลสืบต่อไป และยังเป็นประกาศิตของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงช่วยเหลือยามที่เราได้รับภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง และเราจะขับไล่เจ้าไปเสียจากเรา การลงโทษนี้เป็นเครื่องหมายแห่งความยุติธรรมของเรา เราคือผู้ทรงความเที่ยงธรรมโดยแท้
(4) ข้อความที่ตัดตอนมาจากเควยูมูล อัสมา
จงอย่ากล่าวว่า ?ท่านจะเทศนาเรื่องพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไรในเมื่ออายุของท่านไม่เกิน 25 พรรษา ?จงฟังเรา เราขอให้สัตย์ปฏิญาณต่อพระผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งสรวงสวรรค์และพิภพว่า แท้จริงแล้ว เราเป็นคนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าการปรากฏองค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้ากำหนดให้เราเป็นผู้ธำรงข้อพิสูจน์ที่โต้แย้งมิได้นี้ ที่อยู่ข้างหน้าของเจ้านี้คือพระคัมภีร์ของเรา เป็นพระคัมภีร์แม่บทที่จารึกต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงอวยพรเราในทุกสถานที่ ทรงบัญชาให้เราอธิษฐานและมีขันติธรรมตลอดชีวิตร่วมกับพวกเจ้าในโลกนี้
(5) ดูกร ปวงชนบนพื้นพิภพ ในนามแห่งความเที่ยงธรรมของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงความเป็นเอกและเที่ยงแท้เราคือข้ารับใช้ของสรวงสวรรค์ กำเนิดขึ้นโดยพระจิตของบาฮา สถิตอยู่ในคฤหาสน์ที่สร้างด้วยทับทิม ทรงความอ่อนโยนและก้องกังวาล ณ สรวงสวรรค์แห่งนี้ เรามิได้พบสิ่งใดเลยนอกจากคุณธรรมความดีงามที่ประกาศการระลึกถึงของพระผู้เป็นเจ้าในยุวชนชาวอาหรับนี้ แท้จริงแล้ว ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระผู้เป็นนาย พระผู้ทรงเมตตากรุณา จงสรรเสริญสถานะของพระองค์ เพราะเท่าที่ประจักษ์แจ้งแล้วก็คือ พระองค์ทรงสถิตอยู่ท่ามกล่างทิพย์วิมานชั้นสูงสุด ทรงสถานะเป็นองค์แห่งความสรรเสริญของพระผู้เป็นเจ้า ทรงอยู่บนแท่นสักการะที่ก้องกังวาลด้วยคำแซ่ซร้องสรรเสริญพระกิตติคุณของพระผู้เป็นเจ้า
ณ กาลครั้งหนึ่ง เราได้ยินพระผู้เป็นเจ้าประกาศการเสด็จมาของพระผู้ซึ่งดำรงอยู่ชั่วนิรันดร ผู้ทรงความเป็นโบราณกาล และอีกโอกาสหนึ่ง เราได้ยินพระองค์ตรัสถึงความเร้นลับแห่งพระนามอันสูงส่งของพระองค์นั้น เมื่อพระองค์นั้นขับขานทำนองเพลงแห่งความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าสวรรค์ทุกชั้นต่างเฝ้ารอชมความงดงามของพระองค์ และเมื่อพระองค์สวดมนต์สรรเสริญสดุดีพระผู้เป็นเจ้า สรวงสวรรค์ก็สงบนิ่งเหมือนหิมะที่ฝังตัวในปล่องภูผาใหญ่ เราได้ประจักษ์ว่า พระองค์กำลังดำเนินอยู่ในทางสายกลาง แดนสุขาวดีและสรวงสวรรค์ทุกชั้นเป็นของพระองค์ โลกและสรรพสิ่งทั้งหลายเสมือนเป็นเพียงแหวนที่ประดับนิ้วคนรับใช้ของพระองค์เท่านั้น ขอความสรรเสริญจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้สร้าง ผู้ทรงความยิ่งใหญ่นิรันดร แท้จริงแล้ว พระผู้นั้นทรงเป็นคนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นทวารของพระผู้เป็นเจ้า ทรงความจริงแท้นิรันดร
(6) ดูกร ผู้เป็นถ้อยวจนะอันประเสริฐสุดของพระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์จงอย่าได้หวาดกลัวหรือเศร้าโศก เรารับรองว่าศาสนิกชนชายหญิงที่ตอบสนองคำสอนของพระองค์จะได้รับอภัยบาปต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้ทรงเป็นที่รักสุดการอภัยบาปนี้เป็นไปตามความปรารถนาของพระองค์อยู่แล้วเช่นกัน แท้จริงแล้ว ความรอบรู้ของพระองค์นั้นครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง เราขอให้คำปฏิญาณด้วยชีวิต ขอพระองค์ทรงผินพระพักตร์มายังเราและขอทรงเข้าใจ แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงสถานะสูงส่งท่ามกลางสรวงสวรรค์ เป็นความจริงที่ความเร้นลับอันยังแฝงอยู่ของพระองค์นั้นได้ถูกบันทึกไว้ในสาส์นว่าด้วยการสร้างโลกซึ่งปรากฏอยู่ในหมู่ไม้ที่กำลังลุกไหม้ ในไม่ช้า พระองค์ผู้เป็นเจ้าจะประทานพรให้พระองค์มีอำนาจปกครองมนุษย์ทั้งมวล
(7) ดูกร ปวงประชาชาวตะวันตก จงละทิ้งบ้านเรือน และช่วยพระผู้เป็นเจ้าก่อนจะถึงวันที่พระองค์ผู้ทรงความกรุณาพรั่งพร้อมด้วยหมู่เทวาจะประทับก้อนเมฆเสด็จลงมายังท่าน พระองค์จะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและวิงวอนขออภัยให้แก่ศาสนิกชนที่เชื่อมั่นศรัทธาในสัญลักษณ์ของเราพระองค์ได้ประกาศพระบัญญัติแล้ว และคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าที่จารึกในพระคัมภีร์แม่บทก็ได้ถูกนำมาเปิดเผยแล้วเช่นกัน
จงมาเป็นภราดรที่แท้จริงต่อกันในศาสนาที่มีเพียงหนึ่งและแบ่งแยกมิได้นี้ของพระผู้เป็นเจ้า จงอย่าได้คำนึงถึงความแตกต่างภายนอกที่ปรากฏ แท้จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้หัวใจเจ้าเป็นประดุจกระจกเงา สำหรับศาสนิกชนร่วมศาสนาเพื่อเจ้าจะได้เห็นเงาของตัวเองปรากฏอยู่ในนั้นและศาสนิกชนทั้งหลายก็จะมองเห็นเงาของเขาเองในกระจกคือตัวเจ้าเช่นกัน นี่คือวิถีทางที่ถูกต้องแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าพระผู้ทรงพลานุภาพ พระผู้ทรงตรวจตราดูการกระทำของเจ้าทั้งหลายอยู่เสมอ
(8) เมื่อศาสนิกชนที่มีความศรัทธาได้สดับพระคัมภีร์เล่มนี้ น้ำตาจะรินไหล และด้วยความรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าเขาจะบังเกิดความซาบซึ้งในพระผู้ซึ่งทรงเป็นองค์ระลึกอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความสรรเสริญทั้งมวลพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงตรัสรู้ทุกอย่าง พระผู้ทรงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร เขาเหล่านั้นคือเทพธิดาที่สถิตอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุดนิรันดร จะไม่ประจักษ์สิ่งอื่นใดนอกจากพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีสิ่งใดที่อยู่เหนือขอบเขตแห่งความเข้าใจของพวกเขา เขาจะได้รับคำทักทายว่า ?สันติ สันติ ?จากเหล่าศาสนิกชนที่สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์นั้น
ดูกร ปวงชนที่มีความศรัทธา จงสดับฟังคำประกาศของเราผู้ซึ่งเป็นองค์ระลึกถึงของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมีโองการแก่เราว่า วิถีธรรมซึ่งเราได้บัญญัติขึ้นนั้นเป็นทางตรงอย่างแท้จริง และใครก็ตามที่ปาวารณาตนเข้านับถือศาสนาอื่นใดนอกจากศาสนาอันเที่ยงตรงนี้ จะประจักษ์ความจริงที่ปรากฏในพระคัมภีร์ เมื่อถูกสอบสวนโทษในวันแห่งการตัดสินว่า เขาไม่ได้รับคุณประโยชน์อะไรจากศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าเลย
ดูกร ราชันย์ ถ้าหลังจากที่ท่านได้เห็นความจริงจากการประจักษ์พระคัมภีร์และสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า ได้ยินสัจธรรมจากพระผู้ทรงเป็นองค์ระลึกของพระผู้เป็นเจ้าแล้วแต่ยังไม่ยอมรับสถานะของพระองค์ (พระบ๊อบ) ก็จงมีความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า จงวิงวอนขอความกรุณาจากพระองค์ถ้าหากในภายหลังท่านมีความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงประทานอุทยานอันกว้างใหญ่ไพศาลเทียมเท่าสรวงสวรรค์ให้แก่ท่าน มีบทบัญญัติในพระคัมภีร์แม่บทว่า ด้วยอำนาจแห่งคุณธรรมของศาสนาอันยิ่งใหญ่นี้ ท่านจะได้รับแต่ของขวัญและความกรุณาจากพระผู้เป็นเจ้าในอุทยานแห่งนั้น
(9) หากเป็นความปรารถนาของเราที่จะให้โลกและสรรพสิ่งทั้งมวลยอมรับศาสนานี้ภายในชั่วพริบตา เดียว เราก็ย่อมมีอำนาจดลบันดาลให้เป็นเช่นนั้นได้โดยแสดงเทศนาเพียงคำเดียวเท่านั้น
เป็นความจริงที่ว่า เหล่าสาวกของพระผู้เป็นเจ้าในอดีตได้ถูกเย้ยหยันดูหมิ่นมาก่อนพระองค์ พระองค์เองนั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นคนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ได้รับความช่วยเหลือค้ำจุนจากอำนาจแห่งสัจธรรม การกระทำผิดของเขาเหล่านั้นคือเหตุผลที่เราใช้ยืดวันเวลาของผู้ที่ปฏิเสธสัจธรรมนี้ออกไป แท้จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงอยุติธรรมต่อผู้ใด แม้ความอยุติธรรมนั้นจะเล็กน้อยประหนึ่งเป็นเพียงรอยมลทินบนเมล็ดอินทผาลำ
(10) ดูกร ปวงประชาชาวโลก ด้วยบารมีแห่งความเที่ยงธรรมของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเที่ยงแท้ ข้อพิสูจน์ที่แสดงโดยองค์แห่งการระลึกของพระผู้เป็นเจ้าเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่พระผู้ทรงความกรุณาได้เชิดชูไว้ ณ กลางใจสุดของสวรรค์ ดวงอาทิตย์ได้ฉายแสงเจิดจ้าจากสรวงสวรรค์แห่งนั้น
เราได้วางกติกาว่าด้วยองค์ระลึกของพระผู้เป็นเจ้าและกาลสมัยของพระศาสดายุคต่างๆ แตกต่างกันออกไป เราได้มอบหมายกติกาเหล่านี้ลงมากับพระศาสดาในอดีตทุกพระองค์ด้วยอำนาจแห่งสัจธรรม เหล่าเทพธิดาที่ล้อมรอบบัลลังก์อันเปี่ยมไปด้วยความกรุณาของพระองค์ได้ประจักษ์องค์แห่งการระลึกของพระผู้เป็นเจ้าและกาลสมัยของพระองค์ในอาณาจักรอันรุ่งเรือง
(11) ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า ศาสนานี้คือแก่นแท้แห่งสัจธรรมของพระศาสดาโมฮัมหมัด เจ้าจงรีบบรรลุถึงฟากฟ้าสรวงสวรรค์และเข้าถึงอุทยานอันรื่นรมย์ชั้นสุดเพื่อเข้าเฝ้าพระองค์ผู้ทรงความเป็นเอกและเที่ยงแท้ เจ้าจงมีความอดทนและขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ได้ทรงแสดงสัญลักษณ์ให้ปรากฏ
(12) เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความยุติธรรม เราได้ส่งข่าวที่น่ายินดีเกี่ยวกับศาสนาแห่งการระลึกถึงของเรามากับพระศาสดาทุกพระองค์ แท้จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้าทรงดำรงสถานะสูงสุดเหนือทุกคนในโลกนี้
ข้อความที่ตัดตอนมาจากพระคัมภีร์บายัน ภาคภาษาเปอร์เซีย
(13) การเป็นประทีปนำทางให้แก่คนเพียงคนเดียวดีกว่าการได้ครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งปวงในโลกนี้ ตราบใดที่ผู้ที่ได้รับการนำทางนั้นอยู่ภายใต้ร่มเงาของพฤกษาแห่งเอกภาพสวรรค์ ตราบนั้น ทั้งฝ่ายผู้นำและผู้ที่ถูกชักนำก็จะได้รับความเมตตากรุณาจากพระผู้เป็นเจ้า ส่วนสภาพการเป็นเจ้าครองทรัพย์สมบัติทั้งหลายจะสิ้นสุดลงเมื่อความตายมาถึง การให้คำแนะนำต้องกระทำด้วยความรักและความเข้าใจ มิใช้โดยใช้กำลังบังคับหรือข่มขู่ นี่คือวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสอนมนุษย์ทั้งในอดีตและในอนาคต บุคคลที่พระองค์ทรงโปรดจะได้เข้าสู่ร่มเงาแห่งความเมตตาของพระองค์ แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้พิทักษ์สูงสุด ทรงเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา
ไม่มีสรวงสวรรค์ใดจะมีความสุขเทียบเท่าสวรรค์ของผู้ที่รับแสงธรรมของพระศาสดาในยุคสมัยของพระองค์ การสดับและการเชื่อในพระธรรมตลอดจนกระทั่งการเข้าเฝ้าใกล้ชิดพระองค์นั้นคือการเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า การท่องในท้องทะเลแห่งอาณาจักรสวรรค์แห่งความปรีดาของพระองค์ และได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเลือกชิมผลไม้แห่งความเป็นเอกภาพของพระองค์
(14) จงบูชาพระผู้เป็นเจ้าด้วยลักษณะเช่นนี้ คือ ถ้าการบูชาพระองค์นั้นนำเจ้าไปสู่กองเพลิง ก็จงอย่าให้ความเคารพบูชาของเจ้าแปรผันเป็นอย่างอื่นเสีย ถ้านำเจ้าไปสู่สวรรค์ จงรักษาการบูชาของเจ้าให้คงเส้นคงวาเช่นกัน ที่กล่าวมาแล้วคือการบูชาพระผู้ทรงเที่ยงแท้ด้วยลักษณะที่สมควรที่สุด ต่อหน้าราชสำนักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าไม่เป็นการบังควรอย่างยิ่งที่เจ้าจะสักการะพระองค์เพราะว่าเจ้ามีความเกรงกลัวพระองค์ การสักการะด้วยความกลัวไม่นับเป็นการอุทิศตนเพื่อพระผู้ทรงเป็นเอกภาพ และในทำนองเดียวกัน หากเจ้าจับจ้องแต่สรวงสวรรค์ และสักการะบูชาพระผู้เป็นเจ้าด้วยความหวังว่าจะได้ไปเสวยสุข ณ ทิพย์สถานแห่งนั้น ทั้งๆ ที่ตามจริงแล้ว มนุษย์ใฝ่ฝันจะได้ขึ้นสวรรค์แต่การบูชาพระผู้เป็นเจ้าเพราะเห็นแก่สวรรค์นั้นเป็นการยกสรรพสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างขึ้นเทียมเท่าพระองค์
ทั้งกองเพลิงและสรวงสวรรค์น้อมคารวะและหมอบอยู่ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า การสักการะที่มีคุณค่าควรต่อพระผู้ทรงเป็นแก่นสาระก็คือ การบูชาพระองค์ด้วยความคำนึงถึงพระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวกองเพลิง ปราศจากความหวังว่าจะไปสู่สวรรค์
จริงอยู่ที่ศาสนิกชนที่สักการบูชาพระผู้เป็นเจ้าอย่างถูกต้องจะหลุดพ้นจากกองไฟ และจะได้เข้าสู่สรวงสวรรค์แห่งความปรีดาของพระผู้เป็นเจ้า แต่นั่นย่อมไม่ควรจะเป็นเหตุจูงใจให้เขาถวายสักการะพระองค์ ระดับความรักและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าที่หลั่งไหลมาสู่เรานั้น จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพระปัญญาอันทรงไหวพริบอันมิอาจจะหยั่งรู้ได้ของพระองค์
การสวดมนต์อธิษฐานด้วยจิตใจและด้วยความผ่องใสให้ความพอใจแก่พระผู้เป็นเจ้ามากที่สุด พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงโปรดบทสวดมนต์ที่ยืดเยื้อยาวนาน ยิ่งอธิษฐานด้วยจิตใจที่ปราศจากกิเลสและบริสุทธิ์มากเท่าใด พระผู้เป็นเจ้ายิ่งมีความพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
(15) ในความคำนึงของผู้ที่มีความศรัทธา ในเอกภาพแห่งสวรรค์ ไม่มีสรวงสวรรค์ใดจะสูงส่งเกินกว่าการเคารพเชื่อฟังพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ในสายตาของเหล่าศาสนิกชนที่รู้จักพระผู้เป็นเจ้าและประจักษ์ในสัญลักษณ์ของพระองค์ ไม่มีเพลิงใดจะร้อนแรงกว่าการล่วงละเมิดกระทำผิดศีลและการกดขี่บุคคลหนึ่งบุคคลใด แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะเล็กน้อยเพียงเท่าผงมัสตาร์ดก็ตาม ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษามนุษย์ทุกคนอย่างแน่นอนและเมื่อวันนั้นมาถึง ทุกคนจะร้องขอความเมตตากรุณาจากพระองค์
(16) พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ที่บริสุทธิ์ ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า และธรรมบัญญัติในพระคัมภีร์บายันจารึกไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่น่ารักเกินกว่าความบริสุทธิ์และความสะอาดหมดจด
ในยุคที่มีพระคัมภีร์บายันประสิทธิ์ประสาทธรรมนี้พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาที่จะเห็นผู้หนึ่งผู้ใดปราศจากความสุขแจ่มใส พระองค์ทรงพระประสงค์ที่จะเห็นมนุษย์ทุกคนมีความบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอกในทุกสถานการณ์เพื่อมิให้เป็นที่น่ารังเกียจแก่ตัวเราเอง คิดดูซิว่า ยิ่งไม่ควรเป็นที่ขยะแขยงแก่ผู้พบเห็นคนอื่นมากเพียงใด
(17) เท่าที่เจ้าได้ปฏิบัติภารกิจเพื่อพระผู้เป็นเจ้ามาตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่เคยเลยสักครั้งที่เจ้าจะประกอบกิจโดยเห็นแก่พระองค์ผู้ซึ่งเป็นพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ซึ่งกุศลกรรมทั้งหลายจะกลับไปสู่ ถ้าเพียงแต่เจ้ากระทำกรรมดีดังกล่าว เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกขเวทนาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
จงดูซิว่าศาสนานี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่กระนั้นก็ตาม คนทั้งหลายก็ยังถูกม่านเปิดบังไว้ เราขอปฏิญาณต่อพระผู้ทรงเป็นแก่นสาระอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าว่า คำสรรเสริญและกุศลกรรมที่อุทิศให้แก่พระผู้เป็นเจ้านั้น เสมือนเป็นการสรรเสริญและการบำเพ็ญกุศลที่อุทิศให้แก่พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ
จงอย่าลวงตนเองว่า เจ้ากำลังเป็นคนดีเพราะเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้าโดยที่ความจริงแล้ว เจ้ามิได้เป็นเช่นนั้น หากเจ้าจะทำงานให้แก่พระผู้เป็นเจ้าจริงๆ เจ้าควรจะทำงานให้แก่พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ และควรจะยกย่องพระนามของพระองค์ ชาวเขาที่มีวิชาในถิ่นนี้กล่าวอยู่เสมอว่า ?ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระผู้เป็นเจ้า ?คำสดุดีนี้ให้ประโยชน์อะไรแก่เขาบ้าง ?จงหยุดตรองดูเพื่อว่าเจ้าจะได้ไม่ถูกม่านปิดกั้นออกจากพระผู้ทรงเป็นฤดูใบไม้ผลิแห่งพระธรรมนี้
(18) ทุกกาลเวลาภายใต้ทุกสถานการณ์ พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นอิสระจากสรรพสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นพระองค์ทรงเฝ้าทนุถนอมความหวังที่ว่า มนุษย์ทุกคนจะได้บรรลุสู่สวนสวรรค์ของพระองค์ด้วยดวงจิตที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ด้วยการไม่สะเทือนหัวใจต่อกันแม้แต่ชั่วขณะเดียว เพื่อว่าทุกคนจะได้ร่วมอยู่ในที่พักที่ให้ความคุ้มครองปลอดภัยจนกว่าวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ซึ่งได้แก่ฤดูใบไม้ผลิแห่งพระธรรมของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าแสดงให้ปรากฏจะเวียนมาถึง
ตราบเท่าที่พระบารมีอันมากมายท่วมท้นของพระผู้เป็นเจ้าหลั่งไหลมาโดยไม่หยุดยั้ง พระผู้ซึ่งเป็นเจ้าจักรวาลจะไม่ทรงส่งพระศาสดามาและจะไม่ประทานพระคัมภีร์ให้จนกว่าพระองค์จะกำหนดปฏิญญากับมนุษย์ทั้งหลายเสียก่อน ปฏิญญานั้นเรียกร้องให้มนุษย์เชื่อถือพระธรรมคัมภีร์ของพระศาสดาที่จะเสด็จมาในยุคต่อไป
(19) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์สาขาต่างๆ มีมากมายอะไรเช่นนี้ กระนั้นก็ดี ความยึดมั่นที่เขามีในพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสิ่งกำหนดความศรัทธาในศาสนาให้แก่เขาเหล่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า การศึกษาศาสตร์ทั้งหลายไม่ให้คุณประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากความรู้เกี่ยวกับธรรมสวรรค์และการพลีตนรับใช้ศาสนาของพระองค์
(20) ดูกร ศาสนิกชนที่นับถือคัมภีร์บายัน จงระวังตัวเพราะเมื่อวันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง จะไม่มีใครหนีรอดพ้นไปหาที่คุ้มภัยได้ พระองค์จะทรงเปล่งรัศมีโดยฉับพลันและจะทรงประกาศคำตัดสินตามแต่จะทรงโปรด หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์อาจจะดลให้ผู้ที่ตกต่ำกลายเป็นผู้สูงส่ง หรืออาจให้ผู้ที่เคยสูงส่งกลับตกต่ำได้ เสมือนดังที่ได้ทรงเนรมิตสำเร็จมาแล้วในพระคัมภีร์บายัน ขอเจ้าจงเข้าใจไม่มีใครมีอำนาจสามารถบันดาลสิ่งเหล่านี้ได้เท่าเทียมพระองค์ พระบัญญัติของพระองค์จะบรรลุผลทุกประการ และจะไม่มีข้อใดเลยที่ไม่สัมฤทธิ์ผล
(21) เนื่องจากมนุษย์ถือกำเนิดมาจากร่มเงาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอาณาจักรสวรรค์ เป็นเครื่องหมายแห่งพระผู้เป็นนาย มนุษย์ทั้งหลายจึงมีอุปนิสัยฝักใฝ่ในทางสูงส่ง แต่เนื่องจากดวงตาของมนุษย์ไม่ประจักษ์ในองค์อันเป็นที่รักของเขา ดังนั้น มนุษย์จึงไม่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระองค์ ตลอดชั่วชีวิต มนุษย์บูชาพระผู้เป็นเจ้าโดยปฏิบัติตามศีลของศาสนาในอดีตอย่างเคร่งครัด และน้อมคารวะพระผู้ทรงสัจธรรมสวรรค์ พลีตนเพื่อพระผู้ทรงเป็นแก่นสาระอันสูงส่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกาลเวลาที่พระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏองค์ มนุษย์กลับสนใจแต่ตัวเอง เมื่อมนุษย์หลับตานึกภาพเอาเองว่าพระศาสดานั้นก็เหมือนกับพวกตน ดังนั้นมนุษย์จึงถูกปิดกั้นออกจากพระองค์ นับเป็นการเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะแท้ที่จริงแล้ว พระผู้ทรงความสง่างามนั้นเปรียบเสมือนดังดวงอาทิตย์ พระวจนะของพระองค์เป็นประดุจแสงตะวัน และเหล่าศาสนิกชนที่มีความเชื่อในพระองค์เปรียบเสมือนดังกระจกเงาที่ส่องสะท้อนแสงอาทิตย์ แสงสว่างที่ปรากฏในกระจกเป็นเพียงแสงสะท้อนเท่านั้น
(22) เหตุที่ทรงมีพระบัญญัติให้มีความวิเวกในขณะที่สวดมนต์อธิษฐานก็คือ เพื่อให้เจ้าได้ตั้งจิตมั่นถึงการระลึกของพระผู้เป็นเจ้า ในสภาวะเช่นนี้ หัวใจของเจ้าจะได้รับแรงดลใจจากพระจิตของพระองค์ รอดพ้นจากการถูกปิดกั้นออกไปจากองค์อันเป็นที่รัก จงอย่าพร่ำสวดมนต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเพียงวาจา ส่วนหัวใจมิได้คล้อยตามพระผู้ซึ่งประเสริฐสูงส่ง พระผู้ซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งการติดต่อ หากเจ้าอยู่รอดจนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ กระจกในหัวใจของเจ้าจะหันไปยังพระผู้ทรงเป็นดวงดาราแห่งความจริง ทันทีที่แสงสว่างของพระองค์สาดส่องออกมา ความสง่างามแห่งแสงธรรมนั้นจะสะท้อนอยู่ในหัวใจของเจ้า พระองค์ทรงเป็นปฐมแห่งคุณธรรมทั้งปวงและสรรพสิ่งทั้งมวลจะกลับไปสู่พระองค์อีก การที่พระองค์ทรงปรากฏขึ้นในขณะที่เจ้าทำสมาธิเพ่งสู่ตนเองนั้นไม่เกิดคุณอะไรต่อตัวเจ้าเลย ประโยชน์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเจ้าได้ประกาศพระนามของพระองค์โดยใช้พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ พระองค์คือองค์ที่ระลึกของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับสมัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมที่กำลังย่างใกล้เข้ามาบทอุทิศที่เจ้ากำลังสวดสรรเสริญอยู่นี้คือธรรมลิขิตของพระผู้ซึ่งบัญญัติพระคัมภีร์บายัน ส่วนพระผู้ซึ่งจะทอรัศมีรุ่งโรจน์ในวันฟื้นคืนชีพก็คือการเปิดเผยพระธรรมซึ่งเป็นแก่นสาระที่สถิตอยู่ในถ้อยวจนะของพระคัมภีร์บายัน เป็นพระธรรมที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่สุดประมาณ ทรงอำนาจกว่าพระธรรมที่ได้ประกาศมาก่อนแล้ว
(23) หลังจากเสร็จสิ้นการสวดมนต์ทุกครั้ง ควรที่ผู้รับใช้จะอธิษฐานขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความเมตตาและให้อภัยแก่บาปของบิดามารดาของตน หากเจ้าปฏิบัติได้ดังกล่าว พระผู้เป็นเจ้าจะมีโองการให้ ?สิ่งที่ตัวเจ้าขอเพื่อบิดามารดานั้นจะได้แก่ตัวเจ้าเองนับเป็นร้อยเท่าพันทวี ?ขอพระพรจงมีแด่ผู้ที่ระลึกถึงบิดามารดาของตนขณะที่อธิษฐานแท้จริงแล้ว ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้เป็นที่รักยิ่ง
(24) ข้างในรูปกายของเรานี้เป็นบัลลังก์ของวิหารเมื่อมีเหตุมากระทบร่างกาย วิหารที่อยู่ข้างในก็พลอยรู้สึกไปด้วย ในความเป็นจริงนั้น วิหารภายในต่างหากที่รับรู้ความสุขด้วยความยินดี รับรู้ความเจ็บปวดด้วยความเศร้าโศก ร่างกายมิได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านี้ เมื่อร่างกายภายนอกมีภายในเป็นบัลลังก์ซึ่งเป็นที่สถิตของวิหาร พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงมีโองการให้เราป้องกันร่างกายภายนอกให้มากที่สุด มิให้สิ่งที่น่ารังเกียจต่างๆ มาแผ้วพานได้ วิหารซึ่งอยู่ภายในสามารถเห็นร่างกายภายนอกซึ่งเป็นบัลลังก์ที่ตั้งได้ ดังนั้น เมื่อร่างกายเป็นที่เคารพ ก็ดูเสมือนว่าวิหารซึ่งอยู่ภายในได้รับการเคารพด้วยและในทำนองเดียวกัน เมื่อวิหารภายในเป็นที่เคารพ ร่างกายย่อมได้รับการเคารพด้วยเช่นกัน
ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงมีพระบัญญัติให้ปฏิบัติต่อศพด้วยความเคารพและอย่างสมเกียรติที่สุด
(25) พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงความเป็นเอกและเที่ยงแท้นั้นเปรียบเสมือนเป็นดวงอาทิตย์ และเปรียบศาสนิกชนเสมือนดังกระจกเงา เมื่อวางกระจกรับแสงอาทิตย์ กระจกจะสะท้อนแสงสว่างของดวงอาทิตย์ทันที ส่วนผู้ที่ไม่มีความเชื่อถือในพระองค์เปรียบเสมือนดังก้อนหิน ไม่ว่าเราจะวางก้อนหินนั้นกลางแสงแดดนานสักเท่าใดก็ตาม หินนั้นก็ไม่สามารถส่องสะท้อนแสงแดดได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาสนิกชนที่มีความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าจึงถวายชีพเป็นพลีแด่พระองค์ ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อจะกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า ในความเป็นจริงแล้วหากเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ย่อมสามารถเปลี่ยนก้อนหินให้เป็นกระจกได้ แต่ทว่าผู้ที่ถูกเปลี่ยนแปลงนั้นยังมีความเคยชินต่อสภาพเดิมของตนอยู่ หากบุคคลนั้นปรารถนาที่จะเป็นผลึกแก้วใส พระผู้เป็นเจ้าจะดลบันดาลให้เขาเป็นดังที่ต้องการ ในปฐมสมัยของพระศาสดา เมื่อมีสิ่งดลใจให้ผู้ที่มีความพร้อมยอมรับในพระศาสดา ย่อมมีอุปสรรคขวางกั้นสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อถือด้วย เมื่อผู้ที่ไม่ศรัทธายอมตกอยู่ในม่านแห่งอวิชา ม่านนั้นก็คือสิ่งขวางกั้นที่แยกตัวของเขาเองออกจากพระองค์ เราได้ประจักษ์แจ้งกัน ณ บัดนี้แล้วว่า ผู้ที่มุ่งหน้าไปยังพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเที่ยงแท้ เขาเหล่านั้นมีความศรัทธาพระองค์ก็เพราะว่าเชื่อในพระคัมภีร์บายัน ส่วนผู้ที่มีกิเลสขวางกั้นจะไม่มีความเชื่อถือดังกล่าว
(26) ขอความสรรเสริญจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงให้เรายอมรับในพระองค์ซึ่งจะปรากฏในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ การยอมรับเชื่อถือนี้ทำให้ราได้เก็บดอกผลแห่งชีวิตและได้บรรลุสู่ที่ประทับของพระองค์ แท้จริงแล้วเป้าหมายที่คนเราได้ถูกสร้างขึ้นมาก็คือ ให้เรามี ความเชื่อในพระศาสดาที่จะเสด็จต่อมา เป็นจุดมุ่งหมายเพียงประการเดียวที่ทำให้เราเห็นความสำคัญของกุศล กิจที่เราบำเพ็ญ การยอมรับนี้คือพระมหากรุณาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้เรา แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงเมตตา ทรงกรุณา จงรู้ไว้เถิดว่า เจ้าจะได้รับผลตอบแทนดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อได้กระทำด้วยความศรัทธาที่ปราศจากความเคลือบแคลงใจ เมื่อกิเลสในตัวเจ้าทำให้เจ้ามีความระแวง เจ้าจะเดือนเนื้อร้อนใจโดยไม่รู้ตัว หากเจ้าไม่มีความเชื่อถือศรัทธาในพระศาสดาองค์ที่จะเสด็จมา ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้บำเพ็ญแต่คุณงามความดีทุกประการแล้วก็ตาม แต่ก็จะไม่มีใครช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากความร้อนแรงของกองเพลิงไปได้ แต่ถ้าหากเจ้าเชื่อในสัจธรรมของพระศาสดานั้น กุศลกิจที่เจ้าได้บำเพ็ญจะถูกจารึกไว้ในบันทึกของพระผู้เป็นเจ้า ผลบุญนี้จะยังความปิติยินดีมาสู่เจ้า ให้เจ้าได้ประสบแต่ความสุขสำราญในสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุดจนกว่าจะได้บรรลุถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพอีกวาระหนึ่ง
จงพิจารณาด้วยความตั้งใจ ธรรมวิถีนี้ดูแคบเพียงนิดเดียว แต่กระนั้นเมื่อเทียบกับระยะทางระหว่างสวรรค์และแผ่นดินและสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในรัศมีของทั้งสองอาณาจักรนี้แล้ว ธรรมวิถีนี้ยังมีขอบเขตกว้างยิ่งกว่า ตัวอย่างเช่นหากเหล่าศาสนิกชนที่เฝ้ารอสัมฤทธิ์ผลแห่งคำทำนายของพระเยซูคริสต์ได้ตระหนักถึงการมาปรากฏของพระศาสดาโมฮัมหมัดพระผู้ทรงเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้า ย่อมไม่มีผู้ใดเพิกเฉยต่อคำดำรัสของพระเยซูเมื่อพระโมฮัมหมัดเสด็จมาโปรดพระธรรม ในทำนองเดียวกันกับการประกาศพระธรรมของพระผู้ซึ่งลิขิตคัมภีร์บายัน หากทุกคนมีความเชื่อว่า พระผู้ทรงลิขิตนี้คือพระศาสดาเมดี (พระผู้ทรงนำทาง) ที่เสด็จมาตามคำทำนายของพระโมฮัมหมัด ศาสนิกชนที่นับถือคัมภีร์กุรอ่านทุกคนย่อมจะไม่เมินเฉยต่อคำทำนายนั้น เช่นเดียวกันกับการประกาศพระธรรมของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ ได้มีการทำนายไว้แล้วเช่นกัน หากทุกคนเชื่อว่าพระศาสดาที่จะเสด็จต่อมานี้คือ ?พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงให้ปรากฏ ?เป็นองค์เดียวกับที่พระผู้ซึ่งบัญญัติพระคัมภีร์บายันได้ลิขิตไว้ในพระคัมภีร์ เมื่อพระองค์ทรงปรากฏทุกคนย่อมจะไม่มองข้ามคำทำนายนี้ด้วย
ข้อความที่ตัดตอนมาจากสาส์น ดาลาเอลเลอ สับเอ
(27) ต่อคำถามเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานของศาสนาและพระบัญญัติ จงรู้ไว้เถิดว่า ความรู้ประการแรกในศาสนาก็คือความรู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้า ความรู้นี้เองที่ทำให้เราล่วงรู้ถึงความเป็นเอกภาพของพระองค์ ความรู้เรื่องเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้านี้สมบูรณ์ลงด้วยคำร้องสรรเสริญว่า ร่มบรมโพธิสมภารซึ่งเป็นบัลลังก์แห่งความยิ่งใหญ่อันเรืองรองของพระองค์นั้นทรงความศักดิ์สิทธิ์เหนือคุณธรรมความดีใดๆ ทั้งมวลจงรู้ไว้ด้วยว่า ในโลกแห่งความเป็นอยู่นี้เรารู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้าได้โดยศึกษาจากพระธรรมของพระผู้ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิแห่งแก่นสาระของพระองค์
(28) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ขณะนี้มีพระมหากษัตริย์ปกครองอาณาจักรอิสลามทั่วโลกอยู่ 7 พระองค์ แต่ไม่มีพระองค์ใดเลยที่ทรงทราบเกี่ยวกับพระศาสดา(พระบ๊อบ) และถึงแม้ว่าจะทรงทราบ ก็จะไม่มีองค์ใดศรัทธาเชื่อถือพระองค์ จะมีใครรู้บ้างหรือไม่ว่า กษัตริย์เหล่านั้นจะจากโลกนี้ไปทั้งๆ ที่ยังมีกิเลสอยู่ และจากไปโดยไม่ทราบว่าสิ่งที่พระองค์เฝ้ารอคอยอยู่ได้บรรลุเป็นความจริงแล้ว อวิชาชนิดนี้ได้เคยเกิดขึ้นกับพระเจ้าแผ่นดินสมัยก่อนที่มีความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นในพระคัมภีร์ของพระเยซูคริสต์เจ้า กล่าวคือ พระเจ้าแผ่นดินเหล่านั้นต่างรอการเสด็จมาของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า (พระโมฮัมหมัด) เมื่อพระโมฮัมหมัดทรงปรากฏพระองค์พระราชาเหล่านั้นกลับไม่ยอมเชื่อถือพระโมฮัมหมัด จงคิดดูซิว่า จำนวนเงินที่กษัตริย์เหล่านี้ใช้จ่ายนั้นมากมายเพียงใด แม้สักนิดเดียวก็มิได้คิดใช้เงินนั้นจัดตังหน่วยงานที่ทำหน้าที่อบรมผู้คนในอาณาจักรให้รู้เรื่องพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า แต่ถ้าทำได้ ก็เท่ากับว่ากษัตริย์ทุกพระองค์ได้สำเร็จวัตถุประสงค์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นมนุษย์ แต่การณ์กลับมิได้เป็นเช่นนั้น ทุกพระองค์ต่างมุ่งมาดปรารถนาที่จะให้ชื่อเสียงของตนปรากฏอยู่หลังจากโลกนี้ไปแล้ว
(29) ขอให้เราได้แถลงถึงเหตุผลบางประการแก่เจ้าหากว่า ณ บัดนี้มีผู้ประสงค์จะเป็นอิสลาม เขาจะเห็นหรือไม่ว่าพระคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้ามีเหตุผลข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือ หากเจ้าแย้งว่าพระคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้ายังไม่มีข้อพิสูจน์ที่เพียงพอแล้ว ด้วยเหตุไฉนพระผู้เป็นเจ้าจึงจะลงโทษเขาหลังจากที่เขาตายไปแล้ว และเหตุไฉนขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ?คนที่ไม่มีความเชื่อ ?แต่ถ้าหากเจ้ายืนยันว่าพระคัมภีร์นั้นถูกต้อง เจ้าจะพิสูจน์คำยืนยันของเจ้าได้อย่างไร ?หากเหตุผลที่เจ้าแสดงนั้นเป็นคำบอกเล่าที่สืบต่อกันมา ลำพังคำพูดก็เป็นเพียงพยานหลักฐานที่เชื่อถือไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าเห็นว่าพระคัมภีร์กุรอ่านนี้เป็นพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้ย่อมถือได้ว่าข้อคิดเห็นของเจ้าชัดเจนและมีน้ำหนัก
จงหันมาพิจารณาพระธรรมของพระคัมภีร์บายัน หากว่าศาสนิกชนมุสลิมใช้ข้อพิสูจน์เหมือนดังที่ใช้ตัดสินผู้ที่ตนเรียกว่าคนนอกศาสนาอิสลาม ทุกคนจะยอมรับสัจธรรมนี้ และเมื่อวันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง ทุกคนจะหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
หากผู้ที่นับถือศาสนาคริสเตียนแย้งว่า ?ข้าพเจ้าจะยอมรับว่ากุรอ่านเป็นพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าไม่สามารถจะเข้าใจได้ ?ข้อโต้แย้งนี้มีเหตุผลไม่เพียงพอที่จะยอมรับได้ ในทำนองเดียวกันมุสลิมที่นับถือพระคัมภีร์กุรอ่านก็กล่าวอย่างเหยียดหยันว่า ?พวกเราไม่สามารถเข้าใจถ้อยวจนะอันไพเราะในพระคัมภีร์บายัน แล้วจะให้เรายอมรับบายันว่าเป็นพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้อย่างไรกัน ?หากได้ยินผู้ใดกล่าวเช่นนี้จงตอบเขาว่า ?ดูกร ผู้ที่ยังไม่รู้แจ้ง ข้อพิสูจน์ใดเล่าที่ทำให้เจ้านับถือศาสนาอิสลาม ด้วยข้อพิสูจน์ในองค์พระศาสดาที่เจ้าไม่เคยพบกระนั้นหรือ หรือด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ที่เจ้าเองยังไม่เคยได้เห็น หากเจ้ายอมรับนับถือศาสนาอิสลามโดยที่มิได้ใช้สมองคิดเสียก่อน ไฉนเจ้าจึงได้มีความเชื่อนั้น แต่ถ้าเจ้านับถือศาสนาอิสลามเพราะเชื่อว่าคัมภีร์กุรอ่านเป็นพระคัมภีร์ที่ถูกต้องของพระผู้เป็นเจ้าเพราะเจ้าได้สดับมาว่าศาสนิกชนผู้ทรงภูมิความรู้ และผู้ที่ศรัทธาสารภาพต่อพระคัมภีร์นั้นว่าตนไร้ซึ่งอำนาจ หรือคุณธรรมแห่งความรักจากใจที่เจ้ามีต่อพระสัจธรรมของพระผู้เป็นเจ้าดลบันดาลใจของเจ้าให้ยอมรับศาสนานี้ด้วยความนอบน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด การยอมรับนับถือเช่นนี้เป็นสัญลักษณ์ยิ่งใหญ่อันแสดงออกซึ่งความรักและความเข้าใจ หากเจ้าเชื่อพระคัมภีร์กุรอ่านด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น ความเชื่อของเจ้าจะสมเหตุสมผลเสมอ
(30) นอกเหนือจากพระผู้เป็นเจ้า จงเสียสละซึ่งสิ่งผูกพันทั้งปวง จงมีความสมบูรณ์อยู่กับพระผู้เป็นเจ้าด้วยการสละทุกสิ่งทุกอย่างนอกจากพระองค์ และจงตั้งจิตอธิษฐานบทภาวนานี้
จงกล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความเพียงพอให้แก่ทุกสิ่ง ในสรวงสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในระหว่างสองอาณาจักรนี้ ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความเพียงพอของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเป็นนายของเจ้าแท้จริงแล้ว พระองค์ทรงตรัสรู้ ทรงเป็นพระผู้ค้ำจุน ทรงอานุภาพ
อย่าคิดว่าอานุภาพแห่งความเพียงพอที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้แก่ทุกสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เหลวไหล สิ่งที่เจ้าทะนุถนอมในทุกยุคสมัยแห่งการเสด็จมาของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าก็คือความศรัทธาอันแท้จริงนี้เอง ความศรัทธาเช่นว่านี้ให้ความพอเพียงเหนือสิ่งอื่นใดที่อยู่ในโลกนี้ นอกจากความศรัทธาแล้ว สรรพสิ่งอื่นใดในโลกนี้ก็มิอาจให้ความพอเพียงแก่เจ้าได้ หากเจ้าไม่เชื่อ พฤกษาแห่งสัจธรรมสวรรค์ก็จะสาปแช่งให้เจ้ามลายไป หากเจ้าเชื่อ ความศรัทธาที่เจ้ามีนั้นจะเป็นความเพียงพอเหนือทุกสิ่งที่ปรากฏบนโลกนี้ เป็นความเพียงพอที่เจ้ามีได้แม้ว่าเจ้าจะไม่มีสมบัติในครอบครองเลยก็ตาม
(31) ตามตำนานที่ได้บันทึกมาแต่เก่าก่อน กล่าวไว้ว่า ในหมู่ศาสนิกชนผู้นับถือศาสนาคริสต์ทั้งหมดมี คริสเตียนไม่เกินเจ็ดสิบคนที่จะรับนับถือศาสนาของสาวกของพระผู้เป็นเจ้า นี่เป็นความผิดพลาดของคริสเตียนผู้ทรงภูมิความรู้ในศาสนา ถ้าผู้รู้เหล่านี้เชื่อในสาวกของพระผู้เป็นเจ้า แน่นอนมวลชนในอาณาจักรย่อมมีความเชื่อตาม จงดูซิ ดูคำทำนายที่ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว ผู้ทรงคุณวุฒิของศาสนาคริสต์ถูกกันไว้ให้ได้รับการศึกษาก็เพราะว่าผู้รู้เหล่านั้นบำเพ็ญคุณความดี ทำหน้าที่ดำรงรักษาไว้ซึ่งคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์กระนั้นก็ดี จงตรองดูซิว่า ผู้ทรงคุณความรู้เหล่านั้นได้กระทำการอะไรลงไปจนตนเองได้ชื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้มนุษย์ปราศจากความเชื่อและไม่สามารถหลุดพ้นจากกิเลสได้ เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะดำเนินรอยตามพวกเขาอยู่อีกหรือ การที่ศาสนิกชนยอมรับเป็นคริสต์ศาสนิกชนกับพระก็เพื่อตนจะได้ปลอดภัยในวันแห่งการฟื้นคืนชีพแต่ในบั้นปลายความเชื่อถือนี้กลับส่งเขาสู่นรก และเมื่อถึงวันที่พระสาวกของพระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาปรากฏ เขากลับปิดกั้นตนเองไม่ยอมรับนับถือพระองค์ผู้ทรงประเสริฐ กระนี้แล้ว เจ้าจะยังปรารถนาที่ดำเนินรอยตามพระเหล่านี้อยู่อีกหรือ
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานเถิด จงอย่าเป็นนักบวชที่ไม่มีความรู้แจ้ง อย่าเป็นศาสนิกชนที่ไม่เห็นจริง เพราะบุคคลทั้งสองประเภทนี้จะต้องถึงแก่กาลดับสูญในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ จงเป็นนักบวชที่มีความรู้อย่างถ่องแท้ จงเดินในวิถีธรรมของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความเข้าใจ ด้วยการเชื่อฟังผู้นำทางศาสนาที่แท้จริง
เจ้าจะเห็นได้ว่า ในทุกชาติ มีผู้นำทางศาสนาจำนวนมากที่ปราศจากโพธิญาณอย่างแท้จริง และเจ้าจะพบฝูงชนจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสนที่ปราศจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้เช่นกัน จงหยุดตรองดู จงเวทนาตนเอง และอย่าละเลยมิให้ความสนใจต่อข้อพิสูจน์และพยานหลักฐานดังที่กล่าวมานี้อย่าใช้จินตนาการอันเหลวไหลของเจ้าแสวงหาข้อพิสูจน์หรือพยานหลักฐาน นอกจากนี้ จงรู้ไว้ด้วยว่า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นบุคคลที่ทรงภูมิความรู้เรื่องศาสนา หรือเป็นศาสนิกชนธรรมดา บุคคลทั้งสองสถานะนี้ต่างก็เป็นบ่อเกิดแห่งความรุ่งเรืองเหมือนกัน หากเจ้าเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาเรื่องศาสนา ความรู้ของเจ้าก็คือเกียรติประดับตัว แต่ถ้าหากเจ้าเป็นศาสนิกชนธรรม ความเชื่อมั่นที่เจ้ามีต่อผู้นำศาสนาก็คือเกียรติประดับตัวเจ้า เจ้าจะได้รับเกียรติเช่นว่านี้ต่อเมื่อได้ประพฤติตนจนเป็นที่พอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้า จงอย่าคิดว่า ความพอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งเหลวไหลไร้สาระ ความพอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าก็เหมือนกับความพอพระทัยของพระศาสดา จงดูคริสต์ศาสนิกชนเป็นตัวอย่าง ทุกคนกระตือรือร้นที่จะเป็นที่ปิติยินดีของพระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่มีสักคนเดียวที่เป็นที่ต้องพระทัยของพระศาสดาซึ่งเป็นเสมือนดังความพอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง ผู้ที่ได้รับความพอพระทัยก็คือคริสต์ศาสนิกชนที่หันมานับถือศาสนาของพระองค์เท่านั้น
ข้อความที่ตัดตอนมาจาก คาตาบี อัสมา
(32) ถ้ามีใครคนหนึ่งอ้างว่าความเห็นของตนถูกต้องและได้แสดงข้อพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ ผู้ที่ปฏิเสธไม่เห็นด้วยย่อมต้องหาข้อพิสูจน์มาหักล้าง ถ้าเหตุผลของผู้หักล้างดีกว่า ข้ออ้างของใครคนนั้นก็เป็นอันพับไป ส่วนเหตุผลที่มาลบล้างนั้นกลายเป็นข้อพิสูจน์ใหม่ ถ้ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใหม่ข้ออ้างและข้อพิสูจน์ของบุคคลนั้นยังใช้ได้ ดูกร ผู้ที่นับถือพระคัมภีร์บายัน เราใคร่ขอเตือนเจ้าว่า หากเจ้าจำเป็นต้องแสดงออกซึ่งความเหนือกว่า จงอย่าได้ตอบโต้ผู้ใดจนกว่าเจ้าจะยกเหตุผลมาลบล้างได้ เพราะว่าความจริงจะคงดำรงอยู่ส่วนสิ่งที่ไม่เป็นความจริงจะสูญสิ้นไปอย่างแน่นอน
มีชนจำนวนมากมายเพียงใดที่ร่วมกันตอบโต้พระศาสดาโมฮัมหมัด ผู้ทรงเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้า แต่เนื่องจากว่าชนเหล่านั้นไร้ซึ่งอำนาจในการหาข้อพิสูจน์ดังเช่นที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้แก่พระโมฮัมหมัด ในที่สุดจึงไม่มีผู้ใดยืนหยัดเหลืออยู่เลย หากเพียงแต่ถ้าเขามีความอ่อนน้อมถ่อมตน หรือได้รู้อำนาจในการพิสูจน์ที่พระโมฮัมหมัดทรงมี เขาเหล่านั้นจะมีความครั่นคร้ามไม่บังอาจท้าทายพระองค์ แต่ความจริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้น ทุกคนคิดว่าตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาของตน ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงทรงลงทัณฑ์บุคคลเหล่านี้ตามสถานหนักเบาของโทษที่ได้ล่วงละเมิดต่อพระศาสดา และได้ทรงแสดงความจริงอย่างชัดแจ้งด้วยอำนาจแห่งสัจธรรม นี่คือปรากฏการณ์ที่เจ้าเห็นได้ในยุคของพระศาสดาโมฮัมหมัด
ในหมู่เจ้า มีใครบ้างไหมที่สามารถท้าทายกับบัลลังก์แห่งความเที่ยงแท้สูงส่งของศาสนาในทุกยุคสมัยที่สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนขึ้นอยู่กับอำนาจศักดิ์สิทธิ์นี้ แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกวาดล้างพวกที่ขัดขวางเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปนับตั้งแต่จุดเริ่มแห่งกาลเวลาที่หาจุดกำเนิดไม่ได้จวบจนถึงปัจจุบันและพร้อมกันนั้น พระองค์ก็ได้ทรงแสดงความจริงให้ปรากฏด้วยอำนาจแห่งสัจธรรม แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ ทรงอนุภาพ ทรงพลานุภาพ
(33) จงสังเกตดูในแต่ละยุคของศาสนา คนที่เปิดใจยอมรับพระศาสดาจะเข้าใจในพระสัจธรรมของพระองค์ ส่วนผู้ที่ไม่ยอมรับสัจธรรมจะใจแคบด้วยเหตุผลส่วนตัวที่เขาใช้ปิดกั้นตนเองกับพระผู้เป็นเจ้า อย่างไรก็ดี พระผู้เป็นเจ้าทรงพระกรุณาให้จิตใจของทั้งผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อพร้อมที่จะเปิดได้ตลอดเวลา พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะดลบันดาลให้ใจของใครคับแคบ แม้ว่าจิตใจนั้นจะเป็นของมดเล็กๆ ตัวหนึ่งก็ตาม ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วพระองค์จะปรารถนาให้หัวใจของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ประเสริฐกว่าคับแคบได้อย่างไรกัน ใจที่แคบเกิดขึ้นจากการที่คนยอมตกอยู่ในสิ่งที่ขวางกั้น ไม่เกิดจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวล
หากเจ้าช่วยนำพาให้ใจของคนๆ หนึ่งยอมรับศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ แก่นแท้ที่สุดของชีวิตของเจ้าจะได้รับแรงบันดาลจากพระผู้เป็นเจ้าดังนั้น จึงตกเป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะต้องปฏิบัติภารกิจนี้ให้ลุล่วงไปในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ คนส่วนใหญ่ตกอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง เมื่อเจ้าช่วยเปิดทางและขจัดปัดเป่าความสงสัยของเขาให้สิ้นไป คนที่สิ้นหวังเหล่านั้นก็จะยึดศาสนาเป็นที่พึ่ง ฉะนั้น เจ้าจงปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ ให้เป็นที่ประจักษ์ในยุคสมัยของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ แน่นอน ถ้าเจ้าเปิดทางแห่งธรรมให้แก่หัวใจของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ภาระกิจที่เจ้าได้บำเพ็ญนี้จะเป็นผลดีต่อเจ้ามากกว่าผลบุญของกุศลกิจใดๆ เพราะการลงมือกระทำมีความสำคัญเป็นที่สองรองจากความศรัทธาและความเชื่อมั่นที่เรามีต่อความเที่ยงแท้แน่นอนของพระองค์
(34) จงย้อนนึกถึงปวงชนที่ได้รับคำสั่งสอนจากพระเยซูคริสต์ ผู้คนต่างยอมรับกันว่าผู้นำของศาสนาคริสต์คือผู้นำคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง เมื่อผู้นำเหล่านี้ปิดกั้นตนเองออกจากพระโมฮัมหมัดซึ่งเป็นองค์สาวกของพระผู้เป็นเจ้า เขาก็กลับกลายเป็นผู้นำในทางที่ผิด ทั้งๆ ที่ตลอดชีวิต เขาได้ถือศีลปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อจะได้ล่วงบรรลุสู่สรวงสวรรค์ แต่พอถึงเวลาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงดลบันดาลสวรรค์ให้เขารู้จัก เขากลับไม่ยอมเดินเขาสู่สวรรค์นั้น ศาสนิกชนที่นับถือพระคัมภีร์กุรอ่านก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างทำบุญอุทิศเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ต่างมีความหวังว่า พระองค์จะช่วยให้เขาได้อยู่ร่วมกับคนที่มีศีลธรรมในสรวงสวรรค์ อย่างไรก็ตามเมื่อประตูสวรรค์เปิดกว้างออกรับพวกเขากลับเดินถอยหนียอมให้ตัวตกต่ำสู่นรกทั้งๆ ที่ตลอดเวลาได้พยายามเสาะแสวงหาร่มเงาที่พำนักจากพระผู้เป็นเจ้า
แท้จริงแล้ว เกณฑ์มาตรฐานที่จะแยกความจริงออกจากความผิดพลาดจะไม่ปรากฏแจ้งจนกว่าจะถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ถ้าเจ้าเป็นผู้ที่รักสัจธรรม เจ้าจะได้รู้ความจริงข้อนี้ในวันนั้น และเมื่ออรุณของวันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึงเจ้าจะสามารถแยกสิ่งที่เป็นความจริงได้โดยดูจากสัจธรรมที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์บายันนี้
ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ จะมีคนจำนวนมหาศาลเพียงใดที่คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก ทั้งๆ ที่ตามจริงแล้วตนเป็นฝ่ายผิดตลอดชั่วยุคสมัยของศาสนา เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเขากันตัวเองออกจากพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ และปฏิเสธมิยอมกราบกรานพระผู้ซึ่งพระคัมภีร์ได้บัญญัติว่าเป็นจุดหมายของสรรพสิ่งทั้งมวล
(35) มีคนเป็นจำนวนมากเพียงใดที่ตกแต่งเรือนกายตลอดชีวิตด้วยการนุ่งห่มผ้าไหม เขาเหล่านั้นหารู้ไม่ว่านั่นคืออาภรณ์แห่งความเร่าร้อนเพราะเขาได้สลัดเครื่องแต่งกายแห่งการนำทางสวรรค์และความเที่ยงทำออกทิ้งเสีย ผู้คนอีกจำนวนมากมายเท่าใดที่สวมเสื้อผ้าฝ้ายหรือขนสัตว์หยาบๆ ชั่วชีวิต แต่ด้วยเหตุที่เขาได้รับพระราชทานเครื่องนุ่งห่มแห่งการนำทางสวรรค์และความเที่ยงธรรมเป็นเครื่องประดับตนเขาเหล่านั้นกลับได้สวมใส่อาภรณ์แห่งสวรรค์และเป็นที่ปิติยินดีของพระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้ว ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ถ้าเจ้าอยู่ในฐานะที่จะซื้อหาผ้าไหมได้ พระองค์ก็ทรงโปรดที่จะเห็นเจ้าสมานทั้งสองสิ่งด้วยการมีอาภรณ์แห่งการนำทางสวรรค์และมีความเที่ยงธรรมเป็นคุณธรรมประดับร่างกายที่ตกแต่งด้วยผ้าไหมอันล้ำค่า แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถซื้อหาอาภรณ์ราคาแพงเช่นนั้นได้ อย่างน้อยที่สุดก็ขอเจ้าจงอย่ากระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จงเคร่งครัดในศีลธรรมปฏิบัติแต่คุณงามความดี
หากมิใช่เพื่อพระผู้ที่กำลังอยู่ในท่ามกลางพสกนิกรแล้วเราก็จะไม่ร่างพระบัญญัติหรือข้อห้ามใดๆ เพื่อเถลิงพระเกียรติคุณแห่งพระนามและเพื่อศาสนาอันประเสริฐและสูงส่งของพระองค์ เราจึงได้ยกร่างธรรมบัญญัติเหล่านี้ขึ้น และได้กำหนดศีลข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในสิ่งที่เราชิงชัง เพราะเมื่อถึงเวลาที่พระศาสดาพระองค์ต่อไปเสด็จมา เจ้าจะได้เป็นที่ปิติยินดีของพระผู้เป็นเจ้าและละเว้นไม่ประพฤติในสิ่งที่พระองค์ไม่ปรารถนา
แท้จริงแล้ว ความปิติของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏก็คือความยินดีของพระผู้เป็นเจ้า และความโกรธเคืองของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏก็คือความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน ดังนั้น เจ้าจงหลีกเลี่ยงอย่าได้กระทำสิ่งใดให้พระองค์ไม่พอพระทัย จงมุ่งพำนักในร่มเงาแห่งความปรีดาของพระองค์ เครื่องนำทางไปสู่ความปิติยินดีของพระผู้เป็นเจ้าที่ใช้ได้เสมอก็คือศาสนิกชนที่มีความเชื่อในพระองค์อย่างแท้จริง และตระหนักดีในศรัทธาความเชื่อของตน ส่วนสักขีพยานแห่งความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าที่เห็นได้เสมอคือ บุคคลที่เมื่อได้สดับพระธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานหรือในทันทีที่ได้อ่านพระธรรมที่พระองค์ทรงเผยแล้ว กลับไม่ยอมรับและไม่เชื่อถือศาสนา
ข้อความที่ตัดตอนมาจากธรรมบัญญัติบทต่างๆ
(36) กล่าวว่า: พระผู้เป็นเจ้าคือพระผู้เป็นนาย ทุกคนคือผู้สักการบูชาพระองค์
กล่าวว่า: พระผู้เป็นเจ้าคือพระผู้ทรงเที่ยงแท้และทุกคนถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้า และเจ้าต้องหวนกลับไปสู่พระองค์อีก
เจ้ายังมีความสงสัยในพระผู้เป็นเจ้าอีกหรือ พระองค์ทรงสร้างเจ้าและสรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์คือนายแห่งโลกทั้งมวล
(37) พระเกียรติคุณของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏนั้นมากมายกว่าเกียรติคุณใดๆ อย่างคณานับไม่ได้ และความงามสง่าของพระองค์นั้นเหนือกว่าความงามสง่าใด ความงดงามของพระองค์เลิศกว่าความงามของรูปลักษณ์ใดๆ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ประเสริฐเกินกว่าความยิ่งใหญ่ใดๆ ที่ปรากฏในโลกนี้ แสงทุกแสงจะต้องสลัวลงต่อหน้าพระรัศมีภาพของพระองค์ และการแสดงออกซึ่งความกรุณาทั้งหลายด้อยคุณค่าลงเมื่อปรากฏอยู่ต่อหน้าสัญลักษณ์แห่งความกรุณาของพระองค์ ความสมบูรณ์ทั้งหลายปราศจากความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์อันสมบูรณ์เป็นเลิศของพระองค์ และอำนาจทั้งหมดที่ปรากฏอยู่นั้นคือความว่างเปล่าเมื่อเทียบกับอำนาจของพระองค์ พระนามของพระองค์ทรงความเป็นเลิศประเสริฐกว่านามใด ความปิติของพระองค์เหนือกว่าความยินดีอื่นใด ความสูงส่งของพระองค์เกินกว่าสัญลักษณ์แห่งความสูงส่งใดเปรียบปานได้ ความสง่างามของพระองค์เลิศล้ำกว่าความสง่างามใดๆ ที่ปรากฏความเร้นลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มีความลึกซึ้งกว่าความเร้นลับใดๆ ความสง่าของพระองค์มากมายกว่าความสง่าใดความกรุณาปรานีของพระองค์นั้นสุดที่จะหาความกรุณาใดมาเปรียบได้ อำนาจของพระองค์แผ่ซ่านปกคลุมอำนาจอื่นๆ ในท่ามกลางความยิ่งใหญ่ทั้งหลาย มีความยิ่งใหญ่ของพระองค์เท่านั้นที่ไม่มีวันแตกดับลง อาณาจักรในสรวงสวรรค์ของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่เหนือกว่าอาณาจักรใดๆ พระปัญญาของพระองค์ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง และพลานุภาพของพระองค์แผ่ปกคลุมทั้งปวง
(38) มนุษย์ทุกคนมาจากพระผู้เป็นเจ้า และทุกคนจะต้องหวนกลับไปหาพระองค์อีก ทุกคนจะอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์ของพระองค์เพื่อรับการพิพากษา พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นนายในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ทรงเป็นเจ้าแห่งการสืบทอดชีวิตใหม่ ทรงเป็นนายแห่งการประเมินความผิดชอบชั่วดีและพระวจนะของพระองค์ที่เผยแล้วนั้นทรงไว้ซึ่งดุลย์แห่งความเที่ยงธรรม
ความตายที่แท้ของคนจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อถ้าเวลาเปิดเผยพระธรรมของพระองค์มาถึง บุคคลผู้นั้นตายไปจากตัวของตนเองด้วยการหยุดแสวงหาสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์
การฟื้นคืนชีพอย่างแท้จริงหมายถึงการถูกกระตุ้นด้วยอานุภาพแห่งพระวจนะของพระองค์ให้เร่งรีบปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
บรรลุสู่สวรรค์ได้ด้วยการเป็นที่ปิติยินดีของพระองค์และคำตัดสินให้ลงสู่นรกชั่วกัณฑ์นั้น พระองค์ทรงพิพากษาด้วยความเที่ยงธรรม
วันที่พระองค์ทรงเปิดเผยองค์นั้นคือวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เป็นวันซึ่งยาวนานตราบเท่าที่พระองค์ทรงบัญชา
ทุกสิ่งเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงดลบันดาลทุกอย่าง นอกจากพระองค์แล้ว ที่เหลือนอกนั้นก็คือสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นทั้งสิ้น
(39) ในนามแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงประเสริฐสุด พระผู้ทรงสูงส่ง
แท้จริงแล้ว เราคือพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากเรา นอกเหนือจากเราแล้ว ทุกอย่างเป็นเพียงสรรพสิ่งที่เราได้สร้างขึ้นมาเท่านั้น ดูกร ผู้ที่เราได้สร้างขึ้นมา เจ้าจงบูชาเรา
เราได้สร้างท่านขึ้นมาให้มีชีวิต ทะนุถนอมท่าน ปกป้องท่าน เรารักท่าน ได้เลี้ยงดูท่านมาและได้เมตตาเลือกท่านให้เป็นเครื่องแสดงออกซึ่งตัวตนของเรา เพื่อว่าท่านจะได้ท่องบทพระธรรมที่เราได้บัญญัติขึ้น และเพื่อให้ท่านเรียกร้องให้ทุกคนที่เราได้สร้างขึ้นมาเข้ารับนับถือศาสนาของเราซึ่งเป็นวิถีธรรมที่ประเสริฐและสูงส่งที่สุด
เราได้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายเพื่อท่านและด้วยคุณธรรมแห่งความประสงค์ของเรา เราได้มอบหมายให้ท่านเป็นธรรมราชาผู้ปกครองมนุษย์ทั้งปวง นอกเหนือจากนี้ เราได้วางข้อบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดก็ตามที่เลื่อมใสเป็นศาสนิกชนในศาสนาของเรา เขาผู้นั้นจะมีความเชื่อในความเป็นเอกภาพของเราด้วย เราได้ประสานความเชื่อข้อนี้ไว้กับความทรงจำของท่านและต่อจากท่าน เราอนุญาตให้ความเชื่อนี้จงสืบทอดต่อไปยังความทรงจำของเหล่าสาวกทั้งหลายซึ่งเป็น ?อักษรแห่งการดำรงชีวิต ?และให้ถ่ายทอดไปยังพระธรรมแห่งศาสนาของเราในพระคัมภีร์บายันด้วย ด้วยความเชื่อเช่นนี้เอง จะดลบันดาลให้ผู้ที่มีความเชื่ออย่างจริงใจได้ล่วงบรรลุสู่สรวงสวรรค์
แท้จริงแล้ว ดวงอาทิตย์คือเครื่องหมายแห่งการดำรงอยู่ของเรา เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ศาสนิกชนที่แท้จริงได้เห็นการขึ้นและการตกของดวงอาทิตย์ดวงนี้ในทุกยุคสมัยของศาสนา
ความจริงเราได้สร้างท่านขึ้นมาจากตัวท่านเอง และโดยโองการของเรา เราได้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างจากอำนาจแห่งพระวจนะของท่าน เราคือพระผู้ทรงพลานุภาพ เราได้บันดาลให้ท่านเป็นทั้งจุดกำเนิดและจุดอวสาน เป็นผู้ที่รู้แจ้งเห็นจริงและยังซ่อนเร้นอยู่ แท้จริงแล้ว เราคือพระผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
นอกเหนือจากท่านแล้ว ไม่มีใครเคยได้เป็นพระศาสดาหรือจะได้เป็นพระศาสดาอีก ยังไม่เคยมีและจะไม่มีการเผยพระธรรมนี้ต่อผู้ใดนอกจากต่อท่าน นี่คือพระบัญญัติที่บัญชาโดยพระองค์ผู้ทั้งเป็นศูนย์รวม เป็นที่รักบูชาอย่างสูงสุด
ตามจริงแล้ว พระคัมภีร์บายันคือบทสรุปข้อพิสูจน์สำหรับสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา อำนาจราชศักดิ์ของทุกคนในโลกจะสูญมลายไปสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพระวจนะของพระคัมภีร์นี้ พระคัมภีร์บายันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมพระคัมภีร์ทั้งหลายที่ได้มีมาในอดีตและที่จะมีต่อไปในอนาคต แม้กระทั่งตัวท่านเองก็เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นข้อพิสูจน์ของเราในยุคนี้ เราบันดาลให้ผู้ที่เราปรารถนาเข้าสู่อุทยานอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด นี่คือการเผยพระธรรมที่เกิดขึ้นในแต่ล่ะยุคสมัยของศาสนา เป็นไปตามโองการของเรา เราคือผู้ปกครองสูงสุดอย่างแท้จริง เราจะไม่สถาปนาศาสนาใดศาสนาที่จะมีขึ้นในวันข้างหน้าก็คือศาสนาที่สืบทอดต่อไปอีกเท่านั้น นี่คือคำสัญญาที่เราให้ไว้เป็นสำคัญ แท้จริงแล้ว เราคือผู้ทรงสถานะสูงสุดเหนือสิ่งทั้งปวง
พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงพลานุภาพ พระผู้ทรงเกียรติคุณทั้งมวล
(40) กล่าวว่า ขอความสรรเสริญจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกรุณาดลบันดาลให้บุคคลที่พระองค์ประสงค์เคารพบูชาพระองค์ แท้จริงแล้ว ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงได้รับการเรียกขานด้วยพระนามอันทรงเกียรติคุณล้ำเลิศ พระองค์คือพระผู้ทรงดลบันดาลให้พระวจนะของพระองค์เป็นความจริงในทุกสิ่งที่ทรงประสงค์ พระองค์คือพระผู้ทรงนำทางให้แก่ผู้ที่ได้รับแสงธรรมและเพียรพยายามหาหนทางที่ถูกต้อง
จงมีความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเป็นนายของเจ้า จงกล่าวพระนามของพระองค์ทั้งในเวลากลางวันและเวลาเย็น อย่าดำเนินรอยตามการยั่วยุของฝ่ายที่ไม่มีความเชื่อมิฉะนั้นเจ้าจะถูกจัดให้อยู่ในพวกที่มีความคิดเหลวไหล จงเคารพบูชาพระผู้เป็นเจ้าแรกเริ่มซึ่งเป็นพระผู้เป็นนาย และจงปฏิบัติแต่สิ่งที่ถูกที่ควร จงอย่าหวั่นไหวต่อสิ่งใด และอย่าให้อุปสรรคในศาสนานี้รบกวนจิตใจของเจ้า จงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อพระผู้เป็นเจ้าและจงเดินในวิถีธรรมที่ถูกต้องหากเจ้าพบพานผู้ที่ไม่เชื่อ จงมีความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเป็นนายของเจ้า จงอธิษฐานว่า พระผู้เป็นเจ้าคือความเพียงพอสำหรับข้าพเจ้าในอาณาจักรของภพนี้และภพหน้า
วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะรวบรวมผู้ที่มีความศรัทธาเข้าไว้ด้วยกันใกล้จะมาถึงแล้ว ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์
ขอความสันติแห่งพระผู้เป็นเจ้าจงมีแด่ผู้ที่ได้รับการแนะทางด้วยอำนาจแห่งการนำของสวรรค์
พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเป็นธรรมราชาสูงสุด ผู้ทรงสัจธรรมอันยิ่งใหญ่
พระผู้ซึ่งทุกคนวิงวอนขอความช่วยเหลือ
(41) ขอความประเสริฐจงมีแด่พระองค์ พระผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งสวรรค์และพิภพ อาณาจักรแห่งสรรพสิ่งทั้งมวลอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์และทุกคนจะกลับคืนสู่พระองค์อีกพระองค์ทรงตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์พระองค์ทรงจารึกเผยรางวัลและพระพรที่จะมอบให้แก่ศาสนิกชนที่ถวายตนรับใช้ศาสนา
ชีวิตในโลกนี้ย่อมถึงจุดดับ ทุกคนจะดับชีพและจะกลับไปยังพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงประทานรางวัลที่ดีเลิศให้แก่บุคคลที่รับใช้ศาสนาด้วยความอดทน แท้จริงแล้ว โดยโองการอันทรงคุณธรรมของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้กำหนดเกณฑ์ตัดสินสรรพสิ่งทั้งปวงตามประสงค์ ผู้ที่ประพฤติตนเป็นที่พอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าคือผู้ที่มีความสุขสำราญอย่างแท้จริง
ในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยสถาปนาพระศาสดาที่บกพร่องหน้าที่การสอนมนุษย์ให้รู้จักพระผู้เป็นเจ้า ยุคสมัยนี้ก็เห็นเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา ขอเจ้าจงพิจารณาดูถ้อยคำที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเผยไว้แล้ว
เมื่อบรรลุถึงยุคที่พระองค์ได้ส่งพระศาสดาโมฮัมหมัดมา วัฏจักรแห่งศาสดาได้สิ้นสุดลงตามคำทำนายของพระผู้เป็นเจ้า คำสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ากลับกลายเป็นความจริงโองการของพระองค์สำเร็จสมบูรณ์ลง ปัจจุบันเรากำลังมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยของพระผู้เป็นเจ้า เป็นยุคที่รุ่งเรืองกว่าอดีตเปรียบประหนึ่งว่าดวงอาทิตย์ไม่เคยขึ้นในวันที่ผ่านมาเลย ยุคนี้คือวันเวลาที่คนสมัยก่อนต่างเฝ้ารอคอ อะไรเป็นเหตุที่ทำให้เจ้าหลับใหลอยู่ พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ดวงดาราแห่งสัจธรรมส่องแสงประกายเจิดจ้าอยู่ทุกวันนี้ อะไรทำให้เจ้านิ่งเงียบอยู่ วันเวลาในยุคปัจจุบันคือวันที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดขึ้นมา เป็นยุคที่เจ้าได้รอมาตั้งแต่อดีต เป็นกาลสมัยของความยุติธรรมแห่งสวรรค์ ดูกร เหล่าศาสนิกชนทั้งหลายเจ้าจงแสดงความขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า
จงอย่าให้การกระทำของผู้ปฏิเสธสัจธรรมนี้พรางตามิให้เจ้าได้เห็นความจริง บุคคลที่ไม่มีความเชื่อเหล่านั้น มีอิทธิพลเหนือร่างกายภายนอกของเจ้าเท่านั้น พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทานอำนาจให้เขาอยู่เหนือจิตใจของเจ้า จงเกรงพระผู้เป็นเจ้า ด้วยความกลัวนี้เองที่จะทำให้เจ้าปลอดภัย ทุกสิ่งที่สร้างขึ้นมานี้ก็เพื่อเจ้า มิใช่เพื่อจุดประสงค์อื่นใด จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและจงระมัดระวัง มิฉะนั้นแล้ว รูปลักษณ์และสิ่งประดับเปลือกนอกจะเป็นเครื่องปิดกั้นมิให้เจ้ายอมรับนับถือพระองค์ เจ้าจงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพื่อว่าพระองค์อาจจะทรงมีเมตตาต่อเจ้า
แน่นอน ชีวิตในวัฏสงสารนี้จะต้องสูญมลายสิ้นไปความสนุกสบายที่เคยมีเคยเป็นอยู่ย่อมจะต้องสลายลง และเจ้าจะต้องกลับไปยังพระผู้เป็นเจ้าพร้อมด้วยทุกข์แห่งความเจ็บปวดเสียใจ ทั้งนี้เพราะว่าขณะนี้เจ้าถูกปลุกให้ตื่นจากความหลับใหล และในไม่ช้าเจ้าจะพบตนเองอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะถูกสอบถามถึงการกระทำที่ล่วงมาแล้ว
เจ้าถือดีอย่างไรจึงกล้าปฏิเสธพระธรรมจากสรวงสวรรค์แห่งความยุติธรรมนี้ เจ้าเคยอ่านพระคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าในอดีตหรือเปล่า เหตุผลใดเจ้าจึงปฏิเสธไม่พบปะกับพระผู้เป็นนายตามหมายนัดที่ได้กำหนดไว้แต่กาลก่อน ทำไมเจ้าจึงละเลยไม่เอาใจใส่คำเตือนที่พระองค์ทรงประทานให้ในยุคนี้ ผู้ที่ยังยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอกและประพฤติตนตามอำนาจแห่งความเห็นแก่ตัวจะไม่เป็นที่พอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าส่วนผู้ที่เป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้าก็คือผู้ที่พระองค์ทรงประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้และผู้ที่ขอบคุณพระองค์ที่ทรงกรุณาให้รู้แจ้งในศาสนาที่แท้จริงของกาลปัจจุบันนี้ ฉะนั้นเจ้าจงประกาศธรรมสาส์นนี้แก่ผู้ที่มีคุณธรรมและจงชี้ทางให้เขาเห็นเอกภาพอันแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า บางทีเขาอาจจะเข้าใจ
จงยับยั้งลิ้นของเจ้ามิให้กล่าวสิ่งที่จะทำให้ตัวเจ้าเองต้องเสียใจ และจงอ้อนวอนขอความกรุณาจากพระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงทราบความเที่ยงธรรม ทรงสถิตอยู่กับเหล่าสาวกที่มีความเชื่อในพระองค์อย่างแท้จริง พระองค์ทรงล่วงรู้การกระทำของผู้ที่ประสงค์ร้าย ทุกสิ่งในสวรรค์และพื้นพิภพไม่อาจรอดพ้นจากความล่วงรู้ของพระองค์ไปได้
พระวจนะอันแจ่มชัดและครบบริบูรณ์ที่กล่าวมานี้คือเครื่องหมายแห่งกรุณาของพระผู้ทรงเป็นนายของเจ้าเป็นตำหรับที่นำทางมนุษย์ชาติทั้งหลาย พระวจนะเหล่านี้คือดวงประทีปที่ส่องทางให้แก่ผู้ที่มีความศรัทธาเชื่อถือ แต่จะกลับกลายเป็นเพลิงที่ยังความทุกข์ทรมานแก่ผู้ที่หันหนีไปจากพระธรรมนี้
(42) พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงเป็นที่รักยิ่ง
จงเฝ้าคอยดูการเสด็จมาของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงให้ปรากฏในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และจงเชื่อฟังพระธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานให้มากับพระองค์นั้น
พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยเหนือชัยชนะทั้งมวลโดยสิ้นเชิงไม่มีผู้ใดในสวรรค์หรือบนพื้นพิภพหรือในระหว่างสวรรค์และพิภพที่หาญทำลายชัยชนะอันเลิศล้นของพระองค์ได้ พระองค์ทรงสามารถดลบันดาลทุกสิ่งตามแต่พระราชประสงค์โดยใช้อำนาจในราชโองการของพระองค์ แท้จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้าก็คือองค์อุปถัมภ์ที่มีอำนาจสูงสุด เป็นพระผู้ทรงช่วยเหลือเป็นพระผู้ทรงปกป้องอันตราย
บทอธิษฐานและการเจริญภาวนา
(43) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้าเป็นคนรับใช้ของพระองค์ เป็นผู้วิงวอนขอต่อพระองค์ เป็นผู้เคราะห์ร้าย ข้าพเจ้าได้มาถึงยังประตูของพระองค์ ขอแสวงหาที่คุ้มภัยจากพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีความพึงพอใจในสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากความรักของพระองค์ ไม่มีความยินดีในสิ่งใดถ้ามิใช่เป็นความทรงจำของพระองค์ ไม่มีความกระตือรือร้นในสิ่งใดถ้ามิใช่เป็นความเชื่อฟังพระองค์ ไม่มีความสุขสำราญในสิ่งใดนอกเหนือไปจากความใกล้ชิดของพระองค์ ไม่มีความสงบใดเกินกว่าการได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ ข้าพเจ้าปรารถนาในสิ่งที่กล่าวมาแล้วทั้งๆ ที่ตระหนักดีว่ามีสิ่งขวางกั้นสรรพสิ่งทั้งหลายออกจากธาตุแท้อันสูงส่งของพระองค์ สรรพสิ่งทั้งปวงมิได้เข้าใกล้ชิดพระองค์ เมื่อข้าพเจ้าพยายามที่จะเข้าถึงพระองค์ สิ่งที่ข้าพเจ้าสำเหนียกได้ในตัวข้าพเจ้าก็คือสัญลักษณ์แห่งความกรุณาของพระองค์ นอกเหนือจากความรักใคร่เมตตาของพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าก็มิได้ประจักษ์สิ่งอื่นใดอีกเลย เมื่อสรรพสิ่งทั้งปวงไม่สามารถจะติดต่อกับพระองค์และไม่สามารถจะเข้าใจพระองค์แล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนซึ่งเป็นเพียงสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาจะพยายามแสวงหาทางอยู่ร่วมกับพระองค์ หรือล่วงบรรลุถึงที่สถิตของพระองค์ แม้พระองค์ได้ทรงเผยอาณาจักรและข้อพิสูจน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว กระนั้นก็ดี จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนรับใช้ที่ต่ำต้อยนี้จะยอมรับพระองค์หรือสรรเสริญพระกิตติคุณของพระองค์ ดังนั้น ทุกคนจึงเป็นประจักษ์พยานได้ว่า เหตุที่ตนไม่ได้เข้าใกล้ที่สถิตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าก็เพราะธาตุแท้ของมนุษย์มีขอบเขตจำกัดนั่นเอง แม้ว่าความสวยงามที่พระองค์ทรงประทานให้นั้นจะมีค่าควรแก่บัลลังก์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เป็นความล้ำเลิศที่สรรพสิ่งทั้งหลายไม่อาจเอื้อมได้ถึง แต่ก็ไม่มีผู้ใดโต้แย้งได้ว่า พระองค์ได้จารึกความงามของพระองค์ให้ฝังแน่นอยู่ในธาตุของสิ่งที่พระองค์ประดิษฐ์ขึ้นมา เป็นความงามที่ตราตรึงอยู่ชั่วนิรันดร ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ที่กล่าวมาแล้วคือเครื่องบ่งชี้ความกรุณาของพระองค์มีมากถึงเพียงนี้ มากจนข้าพเจ้ามิอาจสรรหาถ้อยคำมาสรรเสริญหรือขอบคุณพระองค์ได้ ลองคิดดูซิว่า การจะยอมรับความเป็นเอกภาพของพระองค์ และการประจักษ์ในสัญลักษณ์แห่งความสรรเสริญ ความศักดิ์สิทธิ์และความรุ่งเรืองของพระองค์จะยากขึ้นมากเพียงใด ด้วยอำนาจแห่งความเกรียงไกรของพระองค์ ข้าพเจ้ามิประสงค์สิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์ และไม่แสวงหาอะไรอีกนอกจากพระองค์
(44) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอความสรรเสริญจงมีแด่นามของพระองค์ แท้จริงแล้ว พระองค์คือนายของเราทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนพื้นพิภพ ขอพระองค์ทรงโปรดมอบสัญลักษณ์แห่งความกรุณาของพระองค์แก่พวกเรา แท้จริงแล้ว ความกรุณาของพระองค์นั้นเหนือกว่าความกรุณาที่มนุษย์ทั้งหลายแสดงออก ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอความสรรเสริญทั้งมวลจงมีแด่พระองค์ จากเบื้องที่ประทับของพระองค์ ขอทรงโปรดประทานความสุขใจให้แก่ศาสนิกชนที่จริงใจทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ พระองค์คือพระผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินและสิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ในระหว่างสองอาณาจักรนี้ พระองค์คือนายที่ยิ่งใหญ่ ทรงศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ทรงอำนาจทั้งมวล ทรงความฉลาดล้ำในทุกสิ่ง ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอความยิ่งใหญ่จงมีแด่พระนามของพระองค์ จากเบื้องที่ประทับของพระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดประทานความช่วยเหลืออันทรงพลานุภาพแก่บรรดาผู้ที่เชื่อในพระองค์และในสัญลักษณ์ของพระองค์ เพื่อศาสนิกชนเหล่านั้นจะสามารถครองใจมวลมนุษย์ได้
(45) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ ขอทรงโปรดประทานอภัยให้แก่บาปของเรา โปรดทรงเมตตาเราและโปรดให้เราได้กลับสู่พระองค์อีก โปรดอย่าให้เรายึดมั่นในสิ่งใดนอกจากพระองค์ และด้วยพระกรุณาของพระองค์ ขอทรงประทานสิ่งที่พระองค์ทรงรัก และปรารถนา และสิ่งที่ต้องประสงค์ของพระองค์แก่เรา ขอพระองค์ทรงส่งเสริมสถานะของผู้ที่มีความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจและขอทรงโปรดเมตตาอภัยให้แก่เขาเหล่านั้น แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ช่วยในภยันตราย ผู้ทรงดำรงอยู่ได้ด้วยพระองค์เอง
(46) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ! ด้วยอำนาจแห่งความกรุณาของพระองค์ ขอทรงปกป้องพวกเรามิให้กระทำในสิ่งที่พระองค์ไม่ทรงประสงค์ โปรดดลให้เราปฏิบัติแต่สิ่งที่พระองค์ชื่นชมยินดี ขอพระองค์ทรงกรุณาและประทานพรแก่เรายิ่งๆ ขึ้นไป โปรดยกโทษแก่ความผิดที่เราได้กระทำไปแล้ว ขอทรงโปรดลบล้างบาปและประทานอภัยแก่เราด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงประเสริฐสุด ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง
ความรักของพระองค์นั้นแผ่ซ่านคลุมทุกสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนพื้นพิภพ และความเมตตาให้อภัยของพระองค์นั้นท่วมท้นสรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์คือพระผู้ทรงอำนาจพระหัตถ์ของพระองค์นั้นคือที่สถิตของอาณาจักรแห่งพระธรรมและสรรพสิ่งทั้งมวล อาณาจักรแห่งสรรพสิ่งอยู่ในพระหัตถ์เบื้องขวา และดุลพินิจแห่งการให้อภัยอยู่แค่พระหัตถ์เอื้อม พระองค์ทรงอภัยให้แก่คนรับใช้ที่พระองค์ทรงเห็นว่าควรยกโทษให้ แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงให้อภัยเสมอ ทรงเป็นที่รัก ไม่มีสิ่งใดจะรอดพ้นการหยั่งรู้ของพระองค์หรือหลบซ่อนพระองค์ได้
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นนายของเรา โปรดคุ้มครองเราด้วยอานุภาพแห่งอำนาจของพระองค์ ขอให้เราได้บรรลุสู่กระแสห้วงสมุทรอันวิเศษของพระองค์ ขอทรงโปรดประทานสิ่งที่ต้องตามพระราชประสงค์แก่พวกเรา
พระองค์คือผู้ปกครองที่ทรงอำนาจ ทรงเป็นนักปฏิบัติที่ทรงอานุภาพ ทรงประเสริฐสูงส่ง ทรงรักทุกสิ่งทุกอย่าง
(47) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเป็นนาย ขอพระเกียรติคุณจงมีแด่พระองค์ ไม่มีสิ่งใดเล็ดรอดไปจากความรอบรู้ของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดหลุดพ้นไปจากเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ หรือสามารถขัดขวางความมุ่งหมายของพระองค์ได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ ณ สรวงสวรรค์หรือบนพื้นพิภพโลก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะผ่านมาแล้วหรือที่จะมีต่อไปในอนาคต
พระองค์ทรงแลเห็นสรวงสวรรค์และผู้ที่สถิตอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ทรงเห็นอาณาจักรเบื้องล่างและผู้คนที่อยู่บนพื้นโลกนั้น มนุษย์ทั้งหลายเป็นเพียงคนรับใช้ของพระองค์และทุกคนล้วนอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย โปรดอวยชัยให้คนรับใช้ที่อดทนในยุคสมัยของพระองค์จงประสบแต่ชัยชนะ เขาเหล่านั้นคือศาสนิกชนที่เสาะแสวงหาความตายในวิถีธรรมของพระองค์ ขอพระองค์ทรงประทานแต่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุข ให้มีความเบิกบานในดวงจิต ให้ความมั่นใจและความสงบแก่ร่างกาย ขอทรงประทานพระพรให้วิญญาณของเขาเหิรสู่แทบที่ประทับของพระองค์ พระผู้ทรงประเสริฐสูงส่ง ขอให้เขาได้บรรลุสู่สรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด ขอความรุ่งเรืองจงมีแด่ผู้ที่มีคุณธรรมและผู้ที่มีความรู้แจ้งเห็นจริง แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงตรัสรู้ทุกอย่าง ส่วนพวกเราเป็นคนรับใช้ เป็นข้าทาสเป็นบริพาร เป็นคนยากไร้ของพระองค์ เราไม่ขอวิงวอนต่อใครนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงเป็นนาย ไม่ขอพระพรหรือความกรุณาจากผู้ใดนอกจากพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าแห่งความเมตตาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า พวกเราเป็นเครื่องหมายแห่งความยากไร้ เป็นความว่างเปล่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอและความหายนะ ส่วนพระองค์นั้นคือพระผู้ทรงมั่งคั่ง ทรงเป็นเอกเทศ ทรงความยิ่งใหญ่และความสง่างามอันหาขอบเขตมิได้
ขอพระองค์ทรงประทานในสิ่งที่ต้องพระประสงค์แก่เราทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ขอทรงประทานพระกรุณาธิคุณอันเหลือคณานับจากเบื้องบนแก่เราบนพื้นพิภพนี้
แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงเป็นนายของนายทั้งปวง เราขอมอบตนอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ วิงวอนขอสิ่งซึ่งเป็นของพระองค์
(48) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระนามของพระองค์ นอกเหนือจากพระองค์ผู้ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นที่รัก ข้าพเจ้าจะวิงวอนขอพักพิงผู้ใดอีกนอกเหนือจากพระผู้เป็นนาย พระผู้ทรงครอบครอง ข้าพเจ้าจะแสวงหาที่พักจากผู้ใดอีก นอกเหนือจากพระผู้เป็นเจ้าพระผู้ทรงเป็นที่สักการะ ข้าพเจ้าจะหนีไปหาผู้ใดอีก นอกเหนือจากพระผู้ทรงเป็นสมบัติทั้งปวง ผู้ทรงเป็นเป้าหมายแห่งความปรารถนาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะวิงวอนผู้ใดอีกนอกเหนือจากพระผู้ทรงบันดาลใจสูงสุด พระผู้ทรงเป็นที่ปรารถนาอันยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าจะอ้อนวอนต่อผู้ได้อีก นอกเหนือจากความใฝ่หาความกรุณาจากสรวงสวรรค์ของพระองค์แล้ว ความ หวังที่เหลือนอกนั้นถูกลบล้างได้ นอกเหนือจากทวารที่นำไปสู่สายธารแห่งพระพรที่ไม่เคยหมดแล้ว ประตูนอก นั้นถูกปิดกั้นหมด
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อพระองค์ต่อพระรัศมีอันงดงามของพระองค์ ต่อหน้าความสว่างสุกใสที่วิญญาณทุกดวงต้องน้อมคารวะบูชาพระองค์ ตาหน้าความสง่าที่แสงเพลิงเจิดจ้ากลับกลายเป็นความสว่างไสว ต่อหน้าความงามซึ่งคนที่ตายแล้วกลับเป็นขึ้นมาและที่ความยุ่งยากทั้งหลายกลับบรรเทาลง ข้าแต่พระผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งพลานุภาพข้าพเจ้าขออ้อนวอนต่อความสง่างามและความยิ่งใหญ่อันประเสริฐของพระองค์ ขออำนาจพระบารมีของพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงเรา ให้เราได้รับเกียรติคุณของพระองค์ ขอให้เราเป็นแหล่งแห่งแสงสว่างของพระองค์ ขอทรงประทานสิ่งที่เหมาะสมกับความยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรของพระองค์แก่เรา ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ข้าพเจ้าขอกราบสาธุการพระองค์ ข้าพเจ้าได้พบที่พำนักในพระองค์ ข้าพเจ้าขอถวายตัวแก่พระองค์ขอมอบความไว้วางใจในพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงโปรดประทานความเข้มแข็งให้แก่ข้าพเจ้า
แท้จริงแล้ว ไม่มีอำนาจหรือพลังอื่นใดนอกจากอำนาจและพลังในพระองค์
(49) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า ณ แทบที่ประทับของพระองค์ ความอับอายที่ติดตรามากับใบหน้าของข้าพเจ้าเป็นเครื่องประจานบาปที่ข้าพเจ้าได้ล่วงละเมิด เป็นบาปที่เป็นชนักติดหลังข้าพเจ้า เป็นเครื่องกีดกั้นให้ข้าพเจ้าต้องถอยห่างออกจากพระพักตร์อันงดงามของพระองค์ เป็นอุปสรรคที่ปิดทุกทิศทางมิให้ข้าพเจ้าได้บรรลุสู่พระธรรมอันทรงพลานุภาพสวรรค์ของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย หากพระองค์มิทรงประทานอภัยให้แก่ข้าพเจ้าแล้ว ใครเล่าจะยกโทษให้ และถ้าหากพระองค์ไม่มีความปรานีต่อข้าพเจ้า ใครอีกเล่าที่จะแสดงความเมตตา ขอความรุ่งเรืองจงมีแด่พระองค์ พระองค์ได้ทรงสร้างข้าพเจ้าขึ้นมาจากความไม่มีตัวตน เมื่อข้าพเจ้ายังไม่มีความเข้าใจพระองค์ก็ได้ทรงชุบเลี้ยงข้าพเจ้ามา ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ สายธารแห่งพระเมตตาหลั่งไหลมาจากพระองค์และสัญลักษณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์นั้นเกิดจากคลังแห่งพระปัญญาของพระองค์
(50) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยแก่ข้าพเจ้าที่ได้กล่าวถึงทุกสิ่ง แต่มิได้กล่าวถึงพระองค์ ได้สรรเสริญทุกสิ่ง แต่มิได้ยกย่องพระองค์ ได้มีความยินดีในทุกสิ่ง แต่มิได้ปรีดาในการอยู่ใกล้ชิดของพระองค์ มีความสุขในทุกสิ่ง แต่ไม่มีความพอใจในการติดต่อสนทนากับพระองค์ โปรดทรงอภัยที่ข้าพเจ้ามีความเบิกบานในทุกสิ่ง แต่มิได้ชื่นชมกับความรักและความปิติยินดีของพระองค์ ขอทรงให้อภัยที่ข้าพเจ้ามุ่งให้ความสนใจแต่ตัวเอง เป็นการแสดงออกซึ่งการปราศจากการติดต่อกับพระองค์ ข้าแต่พระผู้ทรงเป็นเจ้าของนายทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระผู้ทรงวางแนวทางและไขประตูนำทางแก่พวกเรา
(51) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ทรงดำรงอยู่ก่อนที่สิ่งทั้งหลายจะถูกสร้างขึ้นมา แม้สรรพสิ่งทั้งหลายจะแตกดับไปแล้ว พระองค์ก็ยังทรงดำรงอยู่ต่อไป ทรงสถิตอยู่ตลอดกาลพระองค์เป็นพระผู้ทรงตรัสรู้ ทรงสถานะอยู่เหนือสิ่งทั้งปวงทรงประทานความเมตตาให้แก่ทุกสิ่ง ทรงสถิตซึ่งความเที่ยงธรรมในการตัดสินทุกอย่าง พระเนตรของพระองค์ทรงเห็นทุกสรรพสิ่ง ข้าแต่พระผู้เป็นนาย พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าทรงล่วงรู้สภาพความเป็นไปของข้าพเจ้า ทรงเห็นธาตุแท้ทั้งภายในและภายนอกของข้าพเจ้า
ขอทรงโปรดยกโทษแก่ข้าพเจ้าและแก่ศาสนิกชนที่นับถือศาสนาของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความประสงค์ร้ายของผู้ที่ปรารถนาให้ข้าพเจ้าได้รับแต่ความเศร้าโศกและโรคภัย แท้จริงแล้ว พระองค์คือนายแห่งสรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์ทรงประทานความเพียงพอให้แก่ทุกคน หากปราศจากพระองค์ ทุกคนจะไม่มีความพอเพียงในตนเอง
(52) ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อความรุ่งโรจน์แห่งแสงสว่างของพระพักตร์ของพระองค์ ขออ้อนวอนต่อความสง่างามแต่โบราณกาลของพระองค์ ร้องขอต่ออำนาจแห่งความยิ่งใหญ่อันเรืองรองของพระองค์ ขอพระองค์ทรงประทานแต่สิ่งที่เหมาะสมดีงามแก่เรา ณ กาลบัดนี้ ขอทรงบันดาลให้เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณที่หลั่งไหลมาจากพระองค์ พระองค์มิได้ทรงสูญเสียสิ่งใดในการประทานของขวัญนี้ และพระกรุณาที่พระองค์มอบให้ก็มิได้ทำให้ความมั่งคั่งของพระองค์ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอความรุ่งเรืองจงมีแด่พระองค์ แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้าเป็นผู้ยากไร้ ส่วนพระองค์ทรงร่ำรวยข้าพเจ้าเป็นผู้ต่ำต่อย ส่วนพระองค์เป็นพระผู้ทรงพลานุภาพข้าพเจ้าเสื่อมศักดิ์ แต่พระองค์ทรงสูงส่ง แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้ามีความทุกข์ทรมานใจ ส่วนพระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งอนุภาพทั้งปวง
(53) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอพระองค์ทรงโปรดดลบันดาลให้ข้าพเจ้าได้รับแต่สิ่งดีงามที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นแล้วและที่จะสร้างต่อไป ขอทรงปกป้องข้าพเจ้าจากความชั่วร้ายที่พระองค์ทรงชิงชัง ขอทรงป้องกันมิให้ข้าพเจ้าได้พบกับสิ่งเลวร้ายซึ่งปะปนอยู่กับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นแล้วและที่จะสร้างต่อไป แท้จริงแล้ว ความรอบรู้ของพระองค์ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ และไม่มีสิ่งใดในสวรรค์หรือบนพื้นพิภพหรือสิ่งอื่นใดในระหว่างสองอาณาจักรนี้ที่สามารถขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้ แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงอำนาจเหนือสิ่งทั้งปวง
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า การวิงวอนขอความกรุณารักใคร่จากพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่อย่างสูงส่งนั้นเป็นการเสาะหาสิ่งที่สูงสุดเอื้อม การอ้อนวอนขอความเมตตาจากพระเกียรติคุณของพระองค์เป็นการแสวงหาสิ่งที่สูงลิบลิ่ว พระองค์ทรงสถิตอยู่ไกลเกินกว่าที่ผู้ใดจะขอความรักใคร่เมตตาได้ พระเกียรติคุณของพระองค์นั้นทรงความศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าที่ผู้ใดจะวอนขอพรและความกรุณาปรานีได้ ทั่วอาณาจักรแผ่นดินและสวรรค์อันอุดมพร พระองค์ทรงความประเสริฐเหนือคำพรรณนาใดๆ
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เมื่อดวงวิญญาณของข้าพเจ้าละจากร่างไป ข้าพเจ้าขอเพียงให้วิญญาณดวงนี้จงเป็นที่สบพระทัยของพระองค์ แม้ชั่วเวลาแห่งความยินดีของพระองค์นั้นจะเทียมเท่าธุลีผงมัสตาร์ดก็ตาม หากวิญญาณของข้าพเจ้าจากไปในขณะที่พระองค์ยังพอพระทัยข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าก็จะหลุดพ้นจากความเดือดเนื้อร้อนใจทั้งปวง แต่ถ้าจากไปในขณะที่พระองค์ทรงกริ้วโกรธข้าพเจ้า เกียรติคุณหรือกุศลกรรมที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาก็จะไม่ส่งผลให้ข้าพเจ้าได้บรรลุความสูงส่งเลย
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อพระองค์ว่าเมื่อถึงกาลเวลาที่ข้าพเจ้าต้องเดินทางกลับไปสู่พระองค์และปรากฏอยู่แทบเบื้องที่ประทับของพระองค์ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นที่ปิติยินดีของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าที่กอร์ปด้วยพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนในอาณาจักร ทรงเป็นพระชั่วนิรันดร เป็นเจ้าแห่งพรสวรรค์ล้ำเลิศ ทรงประทานพรนี้แก่ผู้ที่สถิตอยู่ในวิมานสถานอันสูงส่ง
(54) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า มีคนจำนวนมหาศาลเพียงใดที่ได้รับการชุบชีวิตด้วยเหตุที่เพราะเขาเหล่านั้นน้อมสรรเสริญพระธรรมและถวายกิตติคุณแก่ความเป็นเอกภาพของพระองค์ โลหิตที่พิสูจน์ความถ่องแท้แห่งภารกิจสวรรค์และฉลองพระเกียรติพระองค์นั้นหลั่งไหลบนบาทวิถีธรรมของพระองค์มากมายเพียงใด ทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลเพียงใดที่ถูกยึดบนเส้นทางแห่งความรักของพระองค์ เพื่อเทิดทูนความศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งของพระองค์ และเพื่อบูชาพระนามอันเกรียงไกรของพระองค์ ฝ่าเท้าของคนกี่คนที่เหยียบย่ำธุลีดินเพื่อประกาศยกย่องพระนามของพระองค์และสรรเสริญพระกิตติคุณของพระองค์ มีเสียงกี่กระแสที่ร่ำร้องด้วยความโศกสลด ขวัญของดวงใจกี่ดวงที่เสียกับเหตุการณ์สยดสยองไม่มีใครเข้าใจเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นความทุกข์ยากแสนสาหัสที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้นอกจากพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า สิ่งทั้งหลายที่ศาสนิกชนของพระองค์ได้พลีมานี้ ก็เพื่อสถาปนาความประเสริฐสูงส่งของพระองค์ และเพื่อแสดงออกซึ่งคุณลักษณะแห่งพระเกียรติคุณอันล้ำเลิศของพระองค์
พระองค์ได้ทรงบันดาลให้ชะตากรรมเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้มนุษย์เป็นประจักษ์พยานว่า พระองค์ได้ทรงสร้างเขาเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อพระองค์เท่านั้น มิใช่เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด พระองค์ทรงกีดขวางมิให้จิตใจของเขาได้รับความสงบทั้งนี้เพื่อสอนให้มนุษย์สังวรไว้ว่า สิ่งใดก็ตามที่เป็นเรื่องซึ่งเกี่ยวกับพระองค์ผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แล้วจะสูงส่งเกินกว่าที่จะให้ความพอใจแก่มนุษย์ทั้งหลาย พระองค์ทรงประสงค์เช่นนี้ได้ เพราะพระองค์ทรงพลานุภาพเหนือสิ่งใดทั้งปวง ไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายล้างอำนาจของพระองค์
แท้จริงแล้ว พระองค์จะประกาศิตให้วิกฤตการณ์เหล่านี้ผ่านพ้นเลยไป เพื่อให้ผู้ที่มีความศรัทธาอย่างแน่วแน่ได้ตระหนักว่า พระองค์ทรงบัญชาให้เขาแสดงออกซึ่งความเป็นเอกภาพอันสูงส่งของพระองค์ และให้เขารับรองความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
(55) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ ถ้าพระองค์ทรงชุบเลี้ยงให้มนุษย์คนหนึ่งผลิดอกออกผลบนพฤกษาแห่งความรักของพระองค์ แม้เขาคนนั้นจะถูกบันดาลให้สิ้นเนื้อประดาตัว ปราศจากสมบัติครอบครองหรือเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย การชุบเลี้ยงเขาให้เกิดดอกผลนั้นเป็นพระเมตตาที่ให้คุณแก่เขามากกว่าสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างในสรวงสวรรค์ บนพื้นพิภพหรือในระหว่างสองอาณาจักรนี้ เพราะด้วยความรักใคร่เมตตาของพระองค์ เขาจะได้สถิตอยู่บนวิมานเบื้องบน จะได้เสวยสุขสวรรค์ สิ่งที่เป็นของพระองค์นั้นไม่มีวันหมดสิ้น รางวัลเช่นนี้คือพระพรที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ผู้ที่เดินในวิถีแห่งความรักของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ในอดีต มีศาสนิกชนจำนวนมากมายเพียงใดที่ถึงแก่ความตายเพื่อพระองค์ และทุกวันนี้มนุษย์ทั้งหลายหลงหยิ่งผยองอยู่กับนามใด มีคนจำนวนมากเพียงใดที่พระองค์ทรงโปรดให้มีสมบัติครอบ ครอง แต่เขาเหล่านั้นเฝ้าแต่สะสมให้สมบัตินั้นพอกพูนขึ้น มิได้มีพระธรรมของพระองค์ครองจิตใจ ผู้ใดก็ตามที่หลงลืมตนเช่นนี้ เขาจะได้รับโทษสถานหนัก
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเร่งให้พฤกษาแห่งความเป็นเอกภาพสวรรค์ของพระองค์เจริญเติบโต โปรดรดน้ำจากสายธารแห่งความยินดีของพระองค์และด้วยคำมั่นสัญญาของสรวงสวรรค์ ขอให้ต้นไม้นี้จงออกผล เพื่อประกาศเกียรติคุณยกย่อง ขอบคุณ สรรเสริญพระนาม เพื่อสดุดีความเป็นเอกภาพแห่งธาตุแท้ของพระองค์และเพื่อเป็นเครื่องสักการะบูชาพระองค์ความสัมฤทธิ์ผลทั้งหลายที่กล่าวมานี้อยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ นอกจากพระองค์แล้วไม่มีใครดลบันดาลได้
ผู้ที่ได้รับพระพรอันยิ่งใหญ่ก็คือผู้ที่พระองค์ทรงเลือกเอาโลหิตมารดพฤกษาแห่งคำยืนยันของพระองค์ เพื่อสรรเสริญพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ดังที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์แม่บทขอทรงประทานสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่าเหมาะสมดีงามแก่ข้าพเจ้าและผู้ที่ศรัทธาในพระองค์ เพราะว่าเกณฑ์วัดความดีชั่วของสรรพสิ่งทั้งหลายนั้นอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์
ผู้ที่ทะนุถนอมความรักของพระองค์จะได้รับพรสวรรค์อย่างไม่หยุดยั้ง สัญลักษณ์และพระกรุณาธิคุณของสวรรค์หลั่งไหลมายังผู้ที่สำนึกในความเป็นเอกภาพของพระองค์ เราขอมอบชะตากรรมที่พระองค์ทรงกำหนดไว้แก่พระองค์ และวอนขอให้พระองค์ทรงประทานแต่สิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่าดีงามแก่เรา
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอทรงปกป้องข้าพเจ้าจากทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่าชั่วร้าย ไม่มีพลังอำนาจในสิ่งอื่นใดนอกจากในพระองค์ ไม่มีชัยชนะจากแหล่งอื่นใดนอกจากเบื้องแทบที่ประทับของพระองค์ อำนาจประกาศิตเป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว สิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าจะสัมฤทธิ์ผล หากพระองค์ไม่ทรงประสงค์ สิ่งนั้นย่อมไม่บังเกิดขึ้น
ไม่มีพลังอำนาจในสิ่งอื่นใดนอกจากในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงประเสริฐสุด พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ
(56) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอทรงโปรดให้มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ได้มีโอกาสเข้าสู่สรวงสวรรค์แห่งความศรัทธาของพระองค์ เพื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะได้เป็นที่ปิติยินดีของพระองค์
นับแต่กาลดึกดำบรรพ์ พระองค์ทรงกระทำในสิ่งที่ทรงโปรด ทรงอยู่เหนือสิ่งที่ทรงประสงค์
(57) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าขอทรงประทานความกรุณาความรักใคร่อย่างเปี่ยมล้นแก่เรา ขอทรงยังความปลาบปลื้มแก่เราด้วยแสงธรรมของพระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงความรุ่งเรือง ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งความกรุณา เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งพระกรุณาธิคุณของพระองค์ โปรดโบกพัดเราตลอดทั้งเช้าและเย็นด้วยกระแสลมที่หล่อเลี้ยงชีวิต
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า กุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วนั้นไม่คุ้มกับรางวัลที่ข้าพเจ้าจะได้เห็นพระองค์ ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า ถ้าข้าพเจ้าสามารถมีชีวิตยืนยาวตราบเท่าโลกแตกดับ ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถจะใช้เวลาอันยาวนั้นประกอบผลบุญให้คุ้มกับรางวัลนี้ได้ ทั้งนี้เพราะหากปราศจากซึ่งพระมหากรุณาธิคุณและความรักใคร่เมตตาของพระองค์แล้ว คนรับใช้นี้ย่อมไม่อาจบรรลุถึงเบื้องที่ประทับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้
ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าขอทรงกรุณาให้ข้าพเจ้าได้เหิรสู่พระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าได้อยู่ใกล้ชิดติดต่อกับพระองค์แต่เพียงองค์เดียว ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
แท้จริงแล้ว หากพระองค์ทรงประสงค์จะอำนวยพระพรให้แก่คนรับใช้คนหนึ่งพระองค์ก็ทรงกระทำได้ด้วยการลบล้างความคิดคำนึงหรือความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวในใจของเขาออกเสีย และให้ถ้อยวจนะของพระองค์ดำรงอยู่ในจิตใจของเขาแทน และในทำนองเดียวกัน หากพระองค์ประสงค์จะดลบันดาลความชั่วร้ายให้ตกแก่คนรับใช้ที่ละเมิดกระทำความผิดต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงทำได้โดยทดสอบเขาด้วยรางวัลสำหรับโลกนี้และโลกหน้า ให้เขาสาระวนอยู่กับรางวัลเหล่านี้จนลืมคิดถึงพระองค์
(58) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ โดยพระบัญชาของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งมวล
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดช่วยเหลือบรรดาผู้ที่สละสิ้นทุกอย่างนอกจากพระองค์ ทรงโปรดให้เขาได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ขอพระองค์ทรงส่งเทพยดาจากสรวงสวรรค์นรชนจากมนุษย์โลกและเหล่าเทวทูตที่สถิตอยู่ในระหว่างสองอาณาจักรนี้มาช่วยเหลือและเป็นกำลังแก่เขา ช่วยให้เขาได้รับความสำเร็จ ช่วยค้ำจุน ประสิทธิ์ปราสาทความเจริญรุ่งเรืองให้เกียรติยศและความสูงส่ง ให้ความสมบูรณ์พูนสุข และให้เขาได้ประสบชัยชนะอันวิเศษสุด
พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นนายแห่งสวรรค์และพิภพ ทรงเป็นเจ้าแห่งโลกทั้งปวง ด้วยพลังของคนรับใช้เหล่านี้ ขอพระองค์ทรงทำให้ศาสนานี้เข้มแข็ง ขอทรงดลบันดาลให้คนรับใช้เหล่านี้ดำรงอยู่เหนือมนุษย์ทั้งหลายในโลก เพราะแท้จริงแล้ว คนรับใช้เหล่านี้ได้สละสิ้นทุกอย่างนอกจากพระองค์ และพระองค์ทรงพิทักษ์ศาสนิกชนที่มีความเชื่ออย่างแท้จริง
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอทรงประทานศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์แก่เขา เพื่อว่าด้วยความสวามิภักดิ์นี้เองที่จะทำให้จิตใจของเขาเข้มแข็งกว่าสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในสวรรค์ บนพื้นพิภพหรือในระหว่างสองอาณาจักรนี้ นอกเหนือ จากนี้ ขอพระองค์ทรงประทานพลังให้แก่มือของเขาด้วยสัญลักษณ์แห่งพลานุภาพของพระองค์ เพื่อว่าเขาจะได้แสดงอำนาจของพระองค์ให้ปรากฏแก่มนุษย์ทั้งหลายที่เฝ้ารอดูอยู่
(59) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะหวนกลับมาพำนักในพระองค์อีก ข้าพเจ้าขอมอบชีวิตจิตใจให้แก่สัญลักษณ์ทุกอย่างของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ไม่ว่าข้าพเจ้ากำลังเดินทาง หรืออยู่ที่บ้าน กำลังประกอบอาชีพหรือทำงานอยู่ ข้าพเจ้าขอมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้แก่พระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา ขอทรงประทานความช่วยเหลือให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดกำหนดชะตาชีวิตของข้าพเจ้าตามแต่ที่ทรงเห็นสมควร และขอให้ข้าพเจ้าจงมีความยินดีในชะตากรรมนั้น
พระองค์คือพระผู้ทรงอำนาจบังคับบัญชาโดยสมบูรณ์
(60) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์คือพระผู้ทรงขจัดความเจ็บปวด ผู้ทรงปัดเป่าความทุกข์ยากทั้งมวล พระองค์คือพระผู้ทรงกำจัดความเศร้าโศกและทรงประทานอิสรภาพแก่ข้าทาสทุกคน ทรงเป็นพระผู้ไถ่บาปแก่มนุษย์ทุกคน ขอให้ข้าพเจ้ารอดพ้นด้วยพระเมตตาของพระองค์ และโปรดรับข้าพเจ้าเป็นข้ารับใช้ที่หลุดพ้นจากอบายมุขทั้งปวง
(61) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเที่ยงแท้แต่เพียงองค์เดียวชั่วนิรันดร นอกจากพระองค์แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมีความขาดแคลนขัดสนในตนเอง ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า การยึดมั่นในเยื่อใยของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระจากมนุษย์ทั้งปวง การมุ่งหน้าสู่ร่มโพธิสมภารแห่งความเมตตาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าหันเหออกจากสรรพสิ่งทั้งปวง ขออำนาจแห่งพระมหากรุณาธิคุณ ความรุ่งเรือง ความยิ่งใหญ่ อาณาจักรและความสง่างามของพระองค์จงดลบัลดาลจิตใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามิอาจเสาะแสวงหาผู้ที่มีอำนาจ ผู้ตรัสรู้ทุกอย่างเทียบเท่าพระองค์ ขออำนาจแห่งความรุ่งเรืองที่อำนวยความพอเพียงอย่างเหลือล้นของพระองค์และอำนาจของเทวทูตบนสวรรค์และบนพื้นพิภพจงป้องกันข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ไว้วางใจใครเทียมเท่าพระองค์ไม่แสวงหาที่คุ้มภัยอื่นใดนอกจากพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงตรัสรู้ความต้องการของข้าพเจ้า พระองค์ทรงมองเห็นความเป็นไปของข้าพเจ้าทรงตระหนักดีถึงชะตากรรมของข้าพเจ้าตามพระบัญชาของพระองค์ ทรงตรัสรู้ความทุกข์ยากที่ข้าพเจ้ากำลังผจญอยู่ในโลกนี้ ความลำเค็ญเหล่านี้คือสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความกรุณารักใคร่ของพระองค์
(62) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอแสงแห่งพระธรรมอันเจิดจ้าและความรุ่งเรืองของความรุ่งเรืองทั้งหลายจงเป็นของพระองค์ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์อันมหาศาลเกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์ พลานุภาพอันประเสริฐของพระองค์นั้นสูงส่งจนสุดที่มโนธรรมของมนุษย์จะเข้าใจได้ สรรพสิ่งทั้งหลายยอมรับสภาพไร้อำนาจของตนเองด้วยการสรรเสริญสถานภาพของพระองค์ พระองค์ทรงประเสริฐเหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีผู้ใดสามารถถวายเกียรติคุณให้สมกับฐานันดรของพระองค์ได้ ไม่มีผู้ใดสามารถหยั่งรู้พระกรุณาธิคุณที่ฝังอยู่ในธาตุแท้ของพระองค์เพราะพระองค์คือพระผู้ทรงรู้แจ้งเห็นจริงในพระองค์เองแต่เพียงผู้เดียว
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระกรุณาของพระองค์ที่ได้ทรงสร้างอาณาจักรแห่งสรรพสิ่งและการคิดค้นทั้งปวง เป็นคำสรรเสริญซึ่งเจิดจ้าอยู่ในความดลบันดาลใจ นอกเหนือจากพระองค์แล้ว ไม่มีผู้ใดควรค่าแก่คำสรรเสริญยกย่องเช่นนี้ ข้าพเจ้าขอสดุดีพระองค์ ขอขอบคุณสำหรับพระพรอันยิ่งใหญ่ที่ทรงประทานให้นี้และสำหรับสัญลักษณ์อันประเสริฐที่ปรากฏอยู่ในอาณาจักรแห่งพระธรรมและสรรพสิ่งทั้งมวล ขอให้คำขอบคุณนี้จงมากสมกับแรงพลังดลใจและพระเกียรติคุณแห่งพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
ขอความรุ่งเรืองทั้งปวงจงเป็นของพระองค์ ความสูงส่งที่คู่ควรกับพระองค์นั้นคณานับมิได้ แท้จริงแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจสถานะอันสูงลิบลิ่วของพระองค์ได้ และการยอมรับนับถือที่มนุษย์มีต่อพระองค์นั้นไม่มากสมกับฐานันดรของพระองค์ พระมหากรุณาธิคุณที่หลั่งไหลมาจากพระองค์นั้นคือการแสดงพระองค์ให้ปรากฏ นอกเหนือจากพระองค์แล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถหยั่งรู้ความสูงส่งของพระธรรมนี้ได้
ขอความประเสริฐจงมีแด่พระนามของพระองค์ นอกเหนือจากพระองค์แล้วมีสิ่งอื่นใดอีกหรือที่เป็นอิสระ สามารถบอกกล่าวถึงสถานะภาพของพระองค์ได้ มีใครอีกหรือที่มีสัณฐานลักษณะที่ข้าพเจ้ายอมรับนับถือได้ดังที่เช่นที่นับถือพระองค์ ชื่อเสียงของสิ่งที่เรารู้จักกันดีนั้นได้มาจากความสง่างามของพระองค์ พระผู้ทรงแสดงองค์ชัดแจ้ง ทุกสรรพสิ่งถูกปลุกให้ตื่นด้วยพลังชักจูงที่ไหวสะท้านด้วยพระประสงค์อันยืนยงต่อพระองค์ พระองค์ทรงสถิตอยู่ใกล้ชิดยิ่งกว่าสิ่งใด
ขอความสรรเสริญจงเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงสูงส่งเกินมือของผู้ที่มีความเข้าใจจะเอื้อมถึง ความล้ำลึกอันสุดหยั่งได้ของพระองค์นั้นเกินกว่าที่แม่น้ำแห่งความเข้าใจและมโนธรรมของมนุษย์จะไหลล้นออกมาจากห้วงน้ำลึกนั้นได้
(63) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีใครจะช่วยบำบัดความเจ็บปวดในจิตวิญญาณของข้าพเจ้าได้พระองค์ทรงเป็นพระผู้ดลบันดาลใจสูงสุด จิตใจของข้าพเจ้าผูกพันไว้กับพระองค์และกับสิ่งที่พระองค์ทรงโปรดเท่านั้น ข้าพเจ้าขอประกาศว่า ชีวิตและความตายของข้าพเจ้าทั้งสองประการนี้เป็นไปเพื่อพระองค์ แท้จริงแล้ว ไม่มีผู้ใดเทียบพระองค์ได้ พระองค์ทรงโดดเดี่ยวปราศจากคู่คิด
ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ข้าพเจ้าวิงวอนต่อพระองค์ ขอทรงโปรดยกโทษที่ข้าพเจ้าได้หลีกหนีพระองค์ ข้าพเจ้าละเลยมิได้เคารพบูชาพระองค์ แต่ด้วยพระมหากรุณาและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ทรงแสดงองค์ให้ข้าพเจ้ารู้จักและให้ข้าพเจ้าได้สำนึกถึงสถานะของพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าให้เหตุที่ข้าพเจ้าได้กระทำความผิดและล่วงละเมิดทำบาปส่งผลให้พระองค์กักกันข้าพเจ้าได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าพเจ้าจะต้องตกอยู่ในความทุกข์ ข้าพเจ้าไม่มีที่พักพิงอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ ไม่มีผู้ใดบังอาจขัดขวางในสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงอนุญาต ข้าพเจ้าขอความรักของพระองค์เป็นที่ยึดเหนี่ยว ขอวิงวอนในสิ่งที่ควรค่าแก่พระกรุณาของพระองค์ ขอทรงโปรดสดับคำอ้อนวอนตามสัญญาที่พระองค์ให้ไว้ แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงเป็นอิสระจากสิ่งทั้งมวล ทรงสถิตตามลำพัง ปราศจากความช่วยเหลือจากผู้ใด กุศลกรรมที่ศาสนิกชนได้บำเพ็ญมิได้ส่งผลบุญให้กับพระองค์ และบาปของผู้ที่ไม่มีศาสนาก็มิได้แผ้วพานให้พระองค์ได้รับภัยเช่นกัน แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าพระผู้ซึ่งไม่เคยผิดคำสัญญา
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อความรักใคร่เมตตาของพระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าได้เหิรสู่แทบที่ประทับอันสูงส่งของพระองค์ โปรดป้องกันข้าพเจ้ามิให้มีจิตใจโอนเอียงไปฝักใฝ่สิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าโปรดนำข้าพเจ้าในวิถีทางที่พระองค์ทรงโปรดปราน ขออนุภาพของพระองค์จงเป็นเกราะกำบังข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความกริ้วโกรธและโทษทัณฑ์ของพระองค์ โปรดยับยั้งข้าพเจ้ามิให้ก้าวล่วงไปสิงสู่อยู่กับสิ่งที่ไม่ต้องพระประสงค์ของพระองค์
(64) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถหยั่งรู้ความประเสริฐอันสมกับฐานันดรที่สูงส่งของพระองค์ มิได้มีความเกรงกลัวพระองค์มากเท่าที่ควร เมื่อสภาพของข้าพเจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะสดุดีพระองค์ได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะหันหน้าสู่พระองค์ได้อย่างไรในเมื่อข้าพเจ้าเองก็ยังมิได้สักการบูชาพระองค์
พระองค์มิได้สร้างข้าพเจ้าขึ้นมาเพื่อให้เป็นเครื่องแสดงพลานุภาพของพระองค์ซึ่งปรากฏเด่นชัดอยู่แล้ว แม้จะไม่มีสิ่งใดเลย พระองค์ก็ทรงสถิตอยู่ชั่วนิจนิรันดร พระองค์ทรงสร้างข้าพเจ้าขึ้นมาจากพลานุภาพอันเกรียงไกรของพระองค์ เราบังเกิดขึ้นมาจากพระวจนะที่พระองค์ทรงเมตตาเผยต่อหน้าความทรงจำที่แสดงออกอย่างรุ่งโรจน์ของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าไม่มีความเข้าใจในพระองค์ พระธรรมที่พระองค์ทรงสอนนั้นก็เพื่อให้ข้าพเจ้าได้รู้จักพระองค์ เป็นความรู้แจ้งที่ชี้ให้ข้าพเจ้าเห็นความผิดพลาดและบาปของตนเอง ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่นี้แล้ว พร้อมที่จะอุทิศตนเพื่อพระองค์ เต็มใจกระทำทุกสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ ข้าพเจ้าขอหมอบราบต่อความกรุณาปรานีของพระองค์ ขอสดุดีว่า พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ผู้ทรงหาที่เปรียบปานมิได้ พระองค์ทรงปราศจากสิ่งคู่เคียง ไม่มีสิ่งใดเหมือนกับพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพยานในความจริงข้อนี้
(65) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้ปลีกตัวออกจากแวดวงญาติมิตร แสวงหาความหลุดพ้นจากสิ่งทั้งปวงในวิถีของพระองค์ พร้อมที่จะปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงสรรเสริญ ขอทรงประทานคุณงามความดีที่จะนำให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระจากทุกสิ่งยกเว้นพระองค์ ขอทรงโปรดประทานความรักอันหาขอบเขตมิได้แก่ข้าพเจ้า แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงอุดมความกรุณา
(66) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอให้สัตย์ปฏิญาณต่ออนุภาพของพระองค์ โปรดอย่าให้ข้าพเจ้าได้รับอันตรายเมื่อถูกทดสอบ และยามใดก็ตามที่ข้าพเจ้าประมาทปราศจากความระมัดระวัง ขอทรงนำทางข้าพเจ้าด้วยแรงดลใจของพระองค์ในยามนั้นด้วย พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ทรงบันดาลทุกสิ่งที่ทรงปรารถนา ไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านหรือขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้
(67) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอประทานอภัยโทษจากพระองค์ วิงวอนขอโทษพระองค์ด้วยกิริยาอาการที่พระองค์ทรงประสงค์ให้คนรับใช้แสดงต่อพระองค์ ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระองค์ทรงชำระล้างบาปของเราตามแต่จะทรงเห็นสมควร ขอทรงอภัยแก่ข้าพเจ้า แก่บิดามารดาของข้าพเจ้า ขอทรงยกโทษให้แก่บุคคลที่พระองค์ทรงเห็นว่าได้ล่วงบรรลุสู่ที่พักในความรักของพระองค์ด้วยความศรัทธาที่มีค่าควรแก่อำนาจอันเรืองรองของพระองค์ มีคุณธรรมความดีเหมาะสมกับความรุ่งโรจน์แห่งพลานุภาพของพระองค์
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงดลให้วิญญาณของข้าพเจ้าน้อมรับใช้พระองค์ หากมิใช่เป็นการกระทำเพื่อพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องวิงวอนเช่นนี้ ขอความยกย่องสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ ข้าพเจ้าขอสดุดีพระองค์ที่ทรงแสดงองค์ให้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ขอทรงประทานอภัยแก่ความผิดที่ข้าพเจ้ามิได้รู้จักพระองค์ มิได้เดินในวิถีแห่งความรักของพระองค์
(68) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระนามของพระองค์ แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่เรามองไม่เห็น ขอทรงประทานสิ่งที่ดีงามแก่เราตามแต่จะทรงเห็นเหมาะสม พระองค์ทรงเป็นนายที่ยิ่งใหญ่ ทรงอานุภาพ ทรงเป็นที่รัก
ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ เราจะแสวงหาพระเมตตาของพระองค์ในยุคสมัยที่พระองค์ทรงกำหนดไว้แล้ว และจะมอบความไว้วางใจทุกประการให้พระองค์ผู้ทรงเป็นนายของเรา ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงประทานสิ่งที่ดีงามแก่เราเพื่อว่าเราจะได้สละกิเลสทุกอย่างเว้นแต่พระองค์ แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระเจ้าแห่งโลกทั้งปวง
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงประทานรางวัลแก่ผู้ที่มีความอดทนต่อความทุกข์ยากในยุคสมัยของพระองค์ และให้กำลังใจแก่ผู้ที่เดินในวิถีสัจธรรมของพระองค์อย่างแน่วแน่ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า รางวัลนี้จะช่วยให้เขาผ่านเข้าสู่วิมานอันสุขสราญของพระองค์ ข้าแต่พระผู้ทรงสูงส่ง ขอทรงโปรดประทานพรสวรรค์แก่บ้านเรือนของศาสนิกชนที่ศรัทธาในพระองค์ แท้จริงแล้ว พระพรที่พระองค์ทรงประสาทให้แก่เรานั้นมากมายไม่มีใครเกิน ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดส่งเทวทูตมาช่วยนำชัยชนะแก่คนรับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายตามแต่จะทรงโปรด พระองค์ทรงความยิ่งใหญ่ ทรงฉลาดล้ำ
พระผู้เป็นเจ้าคือพระผู้สร้างสิ่งทั้งปวง ทรงค้ำจุนบุคคลที่พระองค์ประสงค์จะเกื้อหนุน ทรงเป็นพระผู้สร้าง เป็นจุดกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวง เป็นพระผู้ดลบันดาล ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ทรงปรีชาญาณเหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ทรงครอบครองพระนามอันเกริกเกียรติคุณทั่วสวรรค์และพิภพและในระหว่างสองอาณาจักรนี้ สิ่งทั้งหลายปฏิบัติตามประกาศิตของพระองค์มนุษย์และเหล่าเทพธิดาเฉลิมฉลองความประเสริฐของพระองค์ ในเบื้องท้าย ทุกคนจะต้องหวนกลับไปสู่พระองค์อีก
(69) ในนามของพระผู้เป็นนาย พระผู้สร้าง พระผู้ทรงความยิ่งใหญ่
พระผู้ทรงประทานความเพียงพอแก่สรรพสิ่งทั้งปวง พระผู้ทรงประเสริฐสุด
พระผู้ซึ่งทุกคนวิงวอนขอความช่วยเหลือ
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างสวรรค์และพื้นแผ่นดิน ทรงเป็นเจ้าแห่งอาณาจักรทั้งหลาย พระองค์ทรงตรัสรู้ความลับในจิตใจของข้าพเจ้า ส่วนการเป็นอยู่ของพระองค์นั้น นอกจากพระองค์เองแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถหยั่งรู้ได้ พระองค์ทรงเล็งเห็นชะตากรรมของข้าพเจ้า ไม่มีผู้ใดสามารถรู้เห็นได้นอกจากพระองค์ ด้วยอำนาจแห่งพระบารมีของพระองค์ ขอทรงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าสละสิ้นทุกอย่างนอกจากพระองค์ ขอให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นเป็นอิสระจากคนทุกคนยกเว้นพระองค์ ขอให้ข้าพเจ้าได้เก็บดอกผลแห่งชีวิตในโลกนี้และโลกหน้า ขอทรงเปิดประตูแห่งพระมหากรุณาธิคุณแก่ข้าพเจ้า และโปรดประทานพระพรและพระเมตตาแก่ข้าพเจ้า
ข้าแต่พระผู้ซึ่งเป็นเจ้าแห่งความงามทั้งปวง ขอความช่วยเหลือจากสวรรค์จงรายล้อมผู้ที่รักพระองค์ ขอทรงประทานพระพรและความเมตตาแก่เรา ให้เรามีสิ่งต่างๆ อย่างเพียงพอ โปรดยกโทษแก่เรา พระองค์คือพระผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งสิ่งทั้งปวง นอกจากพระองค์แล้ว เรามิได้วิงวอนขอความรักความเมตตาจากผู้ใดอีก พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งความกรุณา พลานุภาพของพระองค์ไม่มีวันเสื่อมคลาย และการวางรูปแบบสรรพสิ่งทั้งหลายของพระองค์นั้นเยี่ยมยอดไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงครอบครองสรรพสิ่ง พระผู้ทรงสูงส่ง
ขอพระองค์ทรงประทานพระพรแด่มวลพระศาสดา ผู้ทรงศีล และผู้ที่ประกอบแต่คุณงามความดี พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงล้ำเลิศ พระผู้ทรงบังคับบัญชาสูงสุด
(70) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอความประเสริฐจงมีแด่พระองค์ แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระราชาแห่งราชันย์ทั้งปวง พระองค์ทรงประทานความยิ่งใหญ่ให้แก่บุคคลที่พระองค์ประสงค์ และริบกลับคืนเมื่อทรงปรารถนาได้ทุกเวลาพระองค์ทรงประทานความสูงส่งให้แก่บุคคลที่ทรงโปรดและบันดาลให้ความเสื่อมทรามตกอยู่กับใครก็ได้ พระองค์ทรงอวยชัยแก่บุคคลที่ทรงเลือกสรรแล้ว และนำความอับอายสู่ผู้ที่ทรงประสงค์ให้เสื่อมเกียรติ พระองค์ทรงชักนำให้ผู้ที่ต้องพระทัยมีความร่ำรวยและให้ผู้ที่พระองค์ประสงค์ได้รับความยากลำเค็ญ พระองค์ทรงยกสถานะของใครก็ได้ให้อยู่เหนือผู้ที่พระองค์เจาะจงไว้ อาณาจักรแห่งสรรพสิ่งอยู่แค่เอื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างผู้ใดขึ้นมาก็ได้แล้วแต่ความประสงค์อันทรงอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงพลานุภาพ ทรงเป็นเจ้าแห่งอำนาจทั้งปวง
(71) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอความสรรเสริญจงเป็นของพระองค์ ขอทรงโปรดเร่งวันเวลาแห่งการเข้าเฝ้าพระองค์ให้ใกล้เข้ามาไวๆ โปรดนำพาจิตใจของเราให้มีความสดชื่นเบิกบานด้วยอานุภาพแห่งความรักและความยินดีของพระองค์ โปรดดลบันดาลให้เรามีความศรัทธามั่นคง เพื่อเราจะได้ถวายตนปฏิบัติตามพระประสงค์และพระบัญชาของพระองค์ แท้จริงแล้ว ความรอบรู้ของพระองค์นั้นครอบคลุมทุกสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นมาแล้วและที่จะสร้างต่อไป และอานุภาพแห่งสรวงสวรรค์ของพระองค์คุ้มครองสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาทั้งหมด ไม่มีสิ่งที่น่าเคารพอื่นใดนอกจากพระองค์ ไม่มีสิ่งน่าปรารถนาอื่นใดนอกจากพระองค์ ไม่มีสิ่งน่าบูชาอื่นใดนอกจากพระองค์ ไม่มีสิ่งที่น่ารักอื่นใดเกินความรักในความปิติยินดีของพระองค์
แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ปกครองสูงสุด เป็นพระสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ พระผู้ช่วยให้รอดพ้นภัย พระผู้ดำรงอยู่ด้วยตนเอง
(72) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ยากลำเค็ญรอบด้าน นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีใครช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์นั้นแก่ข้าพเจ้า คุณธรรมแห่งความรักของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่า พระองค์มิได้ประสงค์ให้คนหนึ่งคนใดได้รับความทนทุกข์ทรมานนอกเสียจากว่าพระองค์ปรารถนาจะยกสถานะของเขาในแดนสุขาวดีให้สูงขึ้น ประสงค์จะค้ำจุนจิตใจเขาขณะเมื่อยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ด้วยปราการแห่งอำนาจบังคับสิ่งทั้งมวลของพระองค์ เพื่อว่าหัวใจของผู้ที่รับความทุกข์นั้นจะไม่ตกต่ำไปเกลือกกลั้วกับสิ่งที่ไร้แก่นสารของโลกนี้ แท้จริงแล้วพระองค์ทรงตระหนักดีว่า ไม่ว่าข้าพเจ้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด ข้าพเจ้าจะยึดถือและทะนุถนอมความทรงจำของพระองค์ไว้เหนือสมบัติอื่นใดในสรวงสวรรค์หรือบนพื้นพิภพ
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอให้จิตใจของข้าพเจ้าเข้มแข็งให้มีความเชื่อฟังและมีความรักพระองค์ โปรดอย่าให้สิ่งที่พระองค์ชิงชังมาแผ้วพานข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระองค์ว่า ข้าพเจ้ามิได้หวนหาสิ่งใดนอกจากพระองค์ มิปรารถนาสิ่งใดนอกเหนือจากพระเมตตาของพระองค์ไม่เกรงกลัวสิ่งใดมากกว่าความยุติธรรมของพระองค์ ขอทรงโปรดยกโทษแก่ข้าพเจ้าและแก่ผู้ที่พระองค์ทรงเมตตารักใคร่ แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงอานุภาพ พระผู้ทรงพระกรุณา
ข้าแต่พระผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งสวรรค์และพิภพ ความประเสริฐของพระองค์นั้นเหนือคำสรรเสริญของมนุษย์ทั้งปวง ขอความสันติจงมีแด่ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ ขอพระบารมีจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นนายของโลกทั้งปวง
(73) ข้าแต่พระผู้เป็นนาย พระผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้าขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ ขอให้ข้าพเจ้ามีความแน่วแน่ในวิถีธรรมของพระองค์และให้ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ที่ไม่ฝ่าฝืนพระปฏิญญาของพระองค์ ไม่นับถือเทพเจ้าตามจินตนาการอันเหลวไหลของตนเอง ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าได้นั่งเก้าอี้แห่งสัจธรรมเฝ้าพระองค์แทบที่ประทับ ขอทรงประทานสัญลักษณ์แห่งพระกรุณาแก่ข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้าได้สมาคมกับเหล่าศาสนิกชนที่ปราศจากความเกรงกลัว ปราศจากความเศร้าโศก ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดอย่าได้ละทิ้งข้าพเจ้าไว้ตามลำพัง อย่าให้ข้าพเจ้าปฏิเสธพระผู้ซึ่งพระองค์จะแสดงให้ปรากฏ ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นดังเช่นคนที่เมินหนีการอยู่ต่อหน้าที่ประทับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในจำนวนของผู้ที่ได้รับพระพรให้เข้าเฝ้าชมพระบารมีของพระองค์ และมีความปิติยินดีในความงดงามของพระองค์อย่างล้นเหลือจนถึงระดับที่เขาจะไม่นำเวลาที่ได้เฝ้าพระองค์แม้แต่เสี้ยววินาทีไปแลกกับอาณาจักรสวรรค์และพิภพหรือกับสรรพสิ่งทั้งหลายในอาณาจักรทั้งปวง ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าตลอดเวลาที่มนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้กำลังละเมิดกระทำผิดอย่างมหันต์ ขอทรงประทานสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่าดีงามและเหมาะสมแก่ข้าพเจ้า แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงพลานุภาพเหนือสิ่งทั้งปวง ทรงเมตตากรุณา ทรงประทานอภัยเสมอ
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดอย่าให้ข้าพเจ้าเป็นดังเช่นคนหูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ หรือเป็นคนที่ไม่ยอมเข้าใจ โปรดปลดปล่อยข้าพเจ้าให้เป็นอิสระจากเพลิงแห่งอวิชาและความเห็นแก่ตัว โปรดให้ข้าพเจ้าได้ล่วงบรรลุสู่พระราชฐานแห่งพระกรุณาของพระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับสิ่งดีงามดังเช่นที่ทรงประทานให้แก่คนที่พระองค์ได้เลือกสรรแล้วพระองค์ทรงดลบันดาลทุกสิ่งได้ตามแต่ปรารถนา แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ช่วย เหลือเราให้พ้นจากอันตราย ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง
(74) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ข้าพเจ้าขออ้อนวอนให้พระองค์ทรงอภัยแก่ความผิดที่ข้าพเจ้าเสาะหาความสุขจากที่อื่น มิได้ใยดีต่อความรักของพระองค์ ขออภัยที่ข้าพเจ้าได้แสวงหาความสำราญจากแหล่งอื่น มิได้ชื่นชมในความใกล้ชิดของพระองค์ ขอทรงยกโทษแก่ข้าพเจ้าที่ได้ยินดีกับสิ่งอื่น มิได้สนใจกับความปรีดาของพระองค์ และโปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าที่สาระวนอยู่กับสิ่งอื่น มิได้ติดต่อกับพระองค์
(75) นอกจากพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ยังมีผู้กำจัดความยุ่งยากอื่นใดอีกหรือ ขอความสรรเสริญจงเป็นของพระองค์ พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า เราทั้งหลายคือคนรับใช้ของพระองค์ ล้วนยึดถือพระบัญญัติของพระองค์