จงสวดบทกลอนของพระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าและค่ำ ผู้ที่ไม่สวดเท่ากับไม่ปฏิบัติตามสัญญาต่อพระปฏิญญาและพินัยกรรมของพระองค์ และใครที่เมินพระปฏิญญาในยุคนี้เท่ากับเมินพระผู้เป็นเจ้ามาแต่โบราณกาล ดูกร คนรับใช้ของเรา จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
พระบาฮาอุลลาห์
พระวจนะเร้นลับคือคลังแห่งความลึกลับสวรรค์ เมื่อเจ้าตรึกตรองเนื้อหาของวจนะเหล่านี้ ประตูแห่งความลึกลับจะเปิดออก
พระอับดุลบาฮา
เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะสวดพระวจนะเร้นลับทั้งภาษาเปอร์เซียและอาหรับ ทั้งในทิวาและราตรี อธิษฐานอย่างแรงกล้าและวิงวอนด้วยน้ำตา เพื่อช่วยให้เราสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำจากสวรรค์เหล่านี้ พระวจนะศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มิได้เปิดเผยไว้ให้ฟัง แต่ไว้ให้ปฏิบัติ
พระอับดุลบาฮา
เราควรท่องจำพระวจนะเร้นลับ ปฏิบัติตามคำตักเตือนของพระผู้เป็นนายที่ไม่มีเปรียบปาน และประพฤติตนให้เหมาะกับความเป็นทาสรับใช้ ณ ธรณีประตูของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว
พระอับดุลบาฮา
บทนำ
ณ ที่นี้ศาสนาทั้งหลายของโลกมาบรรจบและหลอมเข้าด้วยกันด้วยไฟแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ ?นี้คือวจนะจากอาณาจักรแห่งความรุ่งโรจน์ที่ตรัสด้วยพลังและอำนาจ และเคยเปิดเผยต่อพระศาสดาทั้งหลายในอดีต เราได้นำสาระของวจนะเหล่านั้นมากลั่นเป็นโวหารที่รวบรัด?
ไม่เคยมีปากกาด้ามไหนสามารถสรุปสาระของศาสนาทั้งหลายของโลกไว้ได้อย่างรวบรัดและสมบูรณ์ดังที่บรรจุอยู่ใน 153 พจนานี้ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยคติที่ตักเตือนมโนธรรม แม้ว่าความสวยงามลึกซึ้งจะถูกลดทอนจากการแปลมาเป็นภาษาไทย ถึงกระนั้นผู้อ่านก็สามารถสัมผัสพลังของสำนวนโวหารที่ประสานความเมตตารักใคร่ไว้กับอำนาจที่ยิ่งใหญ่
จากเมทนีแห่งความรักและสาระแห่งความรู้ มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาประเสริฐ และพระผู้เป็นเจ้าเตรียมทุกสรรพสิ่งไว้ให้สำหรับฝึกฝนมนุษย์ หายใจพระวิญญาณของพระองค์เข้ามาในมนุษย์ จำลองรูปของพระองค์ไว้ ถนอมไข่มุกแห่งความลับและมณีแห่งปัญญาของพระองค์ไว้ในมนุษย์ ทำให้มนุษย์เป็นอาณาจักรที่ไม่รู้สิ้นของพระองค์ แสงรุจีของพระองค์อยู่ในตัวมนุษย์และจะไม่มีวันดับ หัวใจของมนุษย์คือเคหสถานของพระองค์ และวิญญาณของมนุษย์คือที่สำหรับเปิดเผยพระองค์ หากมนุษย์พิศดูตนเองก็จะเห็นพระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่อย่างทรงอำนาจและทรงพลานุภาพ
อนิจจา มนุษย์กลับไม่รู้คุณค่าของตนซึ่งเป็นเสมือนดาบที่ซ่อนคมอยู่ในฝัก ลืมบุญคุณของพระผู้เป็นเจ้า เมินน้ำอัมฤตอันไม่รู้สิ้นของพระองค์และไปหาสิ่งที่ด้อยกว่า จมอยู่ในอัตตา ผูกเสน่หาไว้กับโลกที่ไม่จีรังนี้ และยังยกหัวใจให้กับคนแปลกหน้า จนพระผู้เป็นเจ้าตัดพ้อว่า แล้วความรักของพระองค์จะไปถึงมนุษย์ได้อย่างไร
มนุษย์หาได้คิดไม่ว่า ตนถูกสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่าและเป็นเพียงธุลีกายที่เคลื่อนไหวได้ เป็นเงาที่จะต้องหายวับไป และมีวันเวลาอยู่เพียงชั่วแล่น หนำซ้ำยังปล่อยให้กิเลสควบม้าไปอย่างคึกคะนอง ด้วยเกรงว่า ความราพณาสูรจะทอดเงามืดเข้ามาปกคลุมมนุษย์ พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาจะสนทนากับเขาด้วยเสียงเพลงของนกพิราบสวรรค์ แต่มนุษย์กลับไม่ไว้ใจและหนีไกลจากพระองค์ เพราะว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญา และยังหลงอยู่ในจินตนาการอันไร้สาระที่ตนคิดว่าเป็นสัจธรรม ไม่เงี่ยหูฟังธรรมะสุดคณนาที่เปล่งออกมาในพจนาเดียว แต่กลับไปแสวงหาวิชาจากผู้อื่นจนจมอยู่ในอวิชชา แล้วยังอ้างว่าศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงปรานีและให้อภัยไม่เอ่ยสิ่งเหล่านี้ต่อเทพยดาในนิวาสเบื้องบน หากมนุษย์ไม่ติดอยู่ในวิชาที่ตนเรียนรู้มา และเพาะเมล็ดแห่งเมธาสววรค์ในดินที่บริสุทธิ์ของหัวใจ เขาจะตระหนักว่า แม้ค้นหาทั่วจักวาลก็ไร้ประโยชน์หรือเดินทางไปสุดขอบฟ้าก็หาความสงบไม่ได้ เพราะพิมานของมนุษย์คือความรักและการกลับมาอยู่ร่วมกับพระองค์
การกลับมาอยู่ร่วมกับพระผู้เป็นเจ้านั้นต้องอาศัยความพยายามอันสูงส่ง เพราะมนุษย์จะถูกขัดขวางมิให้รักพระองค์ คลื่นพายุแห่งความทะนง ความริษยา ความประสงค์ร้าย ความโลภ ความผูกพันกับความร่ำรวย อุปนิสัยชอบนินทาว่าผู้อื่นในสิ่งที่ตนก็ไม่อยากถูกว่า เหล่านี้ล้วนแต่จะพัดมนุษย์ให้ไกลออกไปจากอาณาจักรนิรันดร์และความเสแสร้งที่ดูภายนอกสะอาดแต่ในใจนั้นสกปรกไม่สามารถผ่านคลื่นเหล่านี้ไปได้ เพราะกรรมชั่วที่แอบกระทำไว้และความลับในหัวใจถูกจารึกไว้เป็นอักขระชัดเจนสำหรับพระผู้เป็นเจ้า และผู้ตรวจสอบมนุษยชาติจะไม่ยอมรับสิ่งใดนอกจากคุณธรรมที่พิสุทธิ์และการกระทำที่วิมลบริสุทธิ์
เพื่อจุดประสงค์ของชีวิตอันสูงส่งนี้ มนุษย์ต้องตื่นขึ้นมาจากเตียงแห่งความประมาทที่ตนนอนอยู่เสมือนคนตาย ต้องปิดตาของตนและมองด้วยจักษุบถของพระผู้เป็นเจ้า ปิดหูของตนและฟังด้วยเสาวนาของพระองค์ ไม่ฝักใฝ่ในความยินดีของตน ไม่ตามใจตนเอง ไม่ปรารถนาสิ่งที่พระองค์ไม่ต้องการให้ พอใจในความยินดีและความปรารถนาของพระองค์ ปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์ด้วยความรัก เพื่อปลดวิญญาณของตนออกจากพันธนาการของโลกนี้และคุกแห่งอัตตา ก่อนที่พรานมัจจุราชจะมาปิดโอกาสโดยไม่บอกล่วงหน้า แล้วเขาจะได้พบว่าความตายคือผู้นำสารแห่งความปีติมาให้ แม้ว่าจำเป็น ต้องผ่านความทุกข์ทรมานและไฟแห่งการทดสอบ แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ได้เตรียมการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ในอุทยานแห่งความปีติอนันต์ไว้ให้ผู้ที่พระองค์สร้างขึ้นมาด้วยความรัก
พระวจนะเร้นลับ คือเพลงรักที่ขับขานให้วิญญาณของมนุษย์กลับมาอยู่ในความรักของพระผู้เป็นเจ้า เป็นความรักที่มนุษย์สามารถรู้สึกได้ว่าอยู่ในตัวของเขาเอง เมื่อเพลงบรรเลงจบแล้วพระองค์ก็มิได้จากไป แต่ยังรอคอยการตอบสนองของมนุษย์ ?ความกรุณาบริบูรณ์แล้ว การแสดงเหตุผลสำเร็จแล้ว ข้อพิสูจน์ประจักษ์แจ้งแล้ว และหลักฐานได้รับการยืนยันแล้ว บัดนี้ขอดูว่าความพยายามของเจ้าในหนทางแห่งความไม่ยึดมั่นจะบังเกิดผลอันใด?
นพ. ธวัชชัย วิสุทธิมรรค
พระวจนะเร้นลับของพระบาฮาอุลลาห์
ภาคที่ 1 ภาษาอาหรับ
พระองค์ทรงความรุ่งโรจน์เหนือความรุ่งโรจน์ทั้งปวง
นี้คือวจนะจากอาณาจักรแห่งความรุ่งโรจน์ที่ตรัสด้วยพลังและอำนาจ และเคยเปิดเผยต่อพระศาสดาทั้งหลายในอดีต เราได้นำสาระของวจนะเหล่านั้นมากลั่นเป็นโวหารที่รวบรัด เป็นสัญลักษณ์ของความกรุณาต่อผู้มีธรรม เพื่อว่าพวกเขาจะซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้า ดำเนินชีวิตตามที่พระองค์หวังไว้ และบรรลุถึงอมฤตธรรมในอาณาจักรของวิญญาณ
ดูกร บุตรแห่งธรรม
คำแนะนำประการแรกของเราคือ จงมีหัวใจที่บริสุทธิ์ เมตตา และผ่องใส เพื่อว่าเจ้าจะได้อยู่ในอาณาจักรที่ยั่งยืนชั่วนิรันดร์
(1)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
สิ่งอันเป็นที่รักยิ่งที่สุดในสายตาของเราคือความยุติธรรม จงอย่าเมินสิ่งนี้หากเจ้าปรารถนาเรา และจงอย่าเพิกเฉยเพื่อว่าเราจะมอบธรรมะให้กับเจ้า ความยุติธรรมจะช่วยให้เจ้าเห็นด้วยตาของเจ้าเอง มิใช่ด้วยตาของผู้อื่น ?และจะรู้ด้วยปัญญาของเจ้าเอง มิใช่ด้วยปัญญาของเพื่อนบ้าน จงไตร่ตรองในหัวใจว่าสิ่งนี้จำเป็นอย่างไรสำหรับเจ้า แท้จริงแล้วความยุติธรรมคือ ของขวัญและเครื่องหมายแห่งความเมตตารักใคร่ของเรา ดังนั้นจงตั้งมั่นในความยุติธรรม
(2)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ด้วยสาระที่เป็นอนันต์ของเราซ่อนเร้นอยู่ในภาวะที่หาอดีตมิได้ เรารู้ว่าเรารักเจ้าอย่างไร ดังนั้นเราจึงสร้างเจ้าขึ้นมา จำลองรูปของเราไว้ในตัวเจ้า และเปิดเผยความงามต่อเจ้า
(3)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
เรารักเจ้า เราจึงสร้างเจ้าขึ้นมา ดังนั้นจงรักเรา เพื่อว่าเราจะกล่าวถึงนามของเจ้า และจะประสาทชีวิตให้แก่วิญญาณของเจ้า (4)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
จงรักเราเพื่อว่าเราจะรักเจ้าได้ หากเจ้าไม่รักเราความรักของเราจะไปถึงเจ้าได้อย่างไร ดูกร คนรับใช้ จงรู้ไว้เถิด
(5)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
สวรรค์ของเจ้าคือความรักของเรา พิมานของเจ้าคือการกลับมาอยู่ร่วมกับเรา จงเข้ามาอย่าชักช้า นี่คือสิ่งที่กำหนดไว้สำหรับเจ้าในอาณาจักรเบื้องบนอันประเสริฐของเรา
(6)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
หากเจ้ารักเรา จงเมินเสียจากตัวเจ้าเอง หากเจ้าแสวงหาความยินดีของเรา อย่าฝักใฝ่ในความยินดีของเจ้า เพื่อว่าเจ้าจะตายอยู่ในเรา และเราจะอาศัยอยู่ในเจ้าชั่วนิรันดร์
(7)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
เจ้าจะหาความสงบสุขมิได้เว้นแต่จะสละจากตัวเจ้าเองและตั้งจิตมาสู่เรา จำเป็นที่เจ้าจะปลื้มใจในพระนามของเรา มิใช่ในนามของเจ้า และเชื่อใจเรา อย่าเชื่อใจเจ้าเอง เพราะเราต้องการเป็นที่รักเหนือทุกสรรพสิ่งเพียงผู้เดียว
(8)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
ความรักของเราคือที่มั่น ผู้ที่เข้ามาจะปลอดภัยไร้กังวล ผู้ที่ตีจากไปจะหลงทางและมลายสิ้นอย่างแน่นอน
(9)
ดูกร บุตรแห่งวาทะ
เจ้าคือที่มั่นของเรา จงเข้ามาเพื่อว่าเจ้าจะอยู่ในความปลอดภัย ความรักของเราอยู่ในตัวเจ้า จงรู้ไว้ เพื่อเจ้าจะรู้สึกได้ว่าเราอยู่ใกล้กับเจ้า
(10)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
เจ้าคือตะเกียงของเราและแสงของเราอยู่ในตัวเจ้า จงเรืองแสงด้วยรัศมีของเรา และอย่าแสวงหาใครอื่นนอกจากเรา เพราะเราสร้างเจ้าขึ้นมาอุดม และอาบลักษมีให้แก่เจ้าอย่างล้นหลาม
(11)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
เราสร้างเจ้าด้วยหัตถ์อันทรงอานุภาพและเนรมิตเจ้าด้วยองคุลีอันทรงพลัง และแสงรุจีของเราเรืองรองอยู่ในตัวเจ้า จงพอใจและอย่าแสวงหาสิ่งอื่นใด เพราะงานของเราสมบูรณ์และบัญชาของเราผูกมัด จงอย่าฉงนใจหรือสงสัย
(12)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
เราสร้างเจ้าขึ้นมาล้ำค่า เหตุไฉนเจ้าจึงลดค่าตัวเอง เรานฤมิตเจ้าขึ้นมาประเสริฐ เหตุไฉนเจ้าจึงทำให้ตัวเองต่ำลง เราให้ชีวิตของเจ้ากำเนิดมาจากสาระแห่งความรู้ เหตุไฉนเจ้าจึงแสวงหาวิชาจากผู้อื่นนอกไปจากเรา เราปั้นเจ้าขึ้นมาจากเมทนีแห่งความรัก เจ้าจักสาละวนอยู่กับผู้อื่นได้อย่างไร จงพิศดูตัวเจ้าเอง เพื่อว่าเจ้าจะเห็นเราดำรงอยู่ด้วยตนเองอย่างทรงอำนาจและทรงพลานุภาพ
(13)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
เจ้าคืออาณาจักรของเรา และอาณาจักรของเราไม่รู้สิ้น เหตุไฉนเจ้าจึงกลัวการสูญสิ้น เจ้าคือแสงของเรา และแสงของเราไม่มีวันดับ เหตุไฉนเจ้าจึงกลัวการดับสูญ เจ้าคือความรุ่งโรจน์ของเรา และความรุ่งโรจน์ของเราจะไม่เลือนหายไป เจ้าคืออาภรณ์ของเรา และอาภรณ์ของเราจะไม่สึกหรอ ดังนั้นจงมอบความรักของเจ้าให้กับเรา เพื่อว่าเจ้าจะได้พบเราในอาณาจักรแห่งความรุ่งโรจน์
(14)
ดูกร บุตรแห่งวาทะ
จงหันหน้ามาหาเราและสละจากทุกสิ่งนอกจากเรา เพราะอาณาจักรของเรายั่งยืนและไม่รู้สิ้น หากเจ้าแสวงหาสิ่งอื่นใดนอกจากเรา ถึงค้นหาทั่วจักรวาลไปตลอดกาลก็ไร้ประโยชน์
(15)
ดูกร บุตรแห่งอาภา
จงลืมทุกสิ่งนอกจากเราและสนทนากับวิญญาณของเรา นี่คือแก่นสารของบัญชาของเรา ดังนั้นจงใส่ใจ
(16)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงพอใจอยู่กับเราและอย่าแสวงหาความช่วยเหลือจากใคร เพราะไม่มีใครนอกจากเราที่ทำให้เจ้าพอใจได้ตลอดไป
(17)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
จงอย่าขอสิ่งที่เราไม่ปรารถนาให้เจ้า และจงพอใจกับสิ่งที่เรากำหนดไว้สำหรับเจ้า เพราะนี่แหละจะเป็นประโยชน์แก่เจ้าหากเจ้าพอใจตามนี้
(18)
ดูกร บุตรแห่งจินตภาพอัศจรรย์
เราได้หายใจพระวิญญาณของเราเข้าไปในตัวเจ้าเพื่อว่าเจ้าจะเป็นคนรักของเรา เหตุไฉนเจ้าจึงละทิ้งเราและไปแสวงหาคนรักอื่น
(19)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
สิทธิของเราในตัวเจ้านั้นยิ่งใหญ่อย่างไม่อาจลืมได้ ความกรุณาของเราต่อเจ้านั้นล้นหลามอย่างไม่อาจปิดบังได้ ความรักของเราสร้างเรือนอยู่ในตัวเจ้าอย่างไม่อาจปกปิดได้ แสงของเราสว่างชัดสำหรับเจ้าอย่างไม่อาจบดบังได้
(20)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
บนพฤกษาแห่งความรุ่งโรจน์อำไพ เราแขวนผลไม้ที่หอมหวานที่สุดไว้สำหรับเจ้า เหตุไฉนเจ้าจึงไม่สนใจแต่กลับพอใจกับสิ่งที่ด้อยกว่า ดังนั้นจงกลับมาหาสิ่งที่ดีกว่า สำหรับเจ้าในอาณาจักรเบื้องบน
(21)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
เราสร้างเจ้าขึ้นมาประเสริฐ แต่เจ้าทำให้ตัวเองต่ำลง จงลุกขึ้นมาให้สมกับที่เจ้าถูกสร้าง
(22)
ดูกร บุตรแห่งปรมัตถ์
เราเรียกเจ้ามาสู่ความเป็นอมตะ แต่เจ้ากลับแสวงหาสิ่งที่ไม่จีรัง อะไรทำให้เจ้าเมินความปรารถนาของเราและตามใจตัวเจ้าเอง
(23)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงอย่าทำอะไรเกินตัวหรืออ้างสิทธิ์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเจ้า จงหมอบลงเบื้องหน้าของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งอำนาจและพลานุภาพ
(24)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
จงอย่ายกตัวข่มผู้ยากไร้ เพราะเรานำทางให้แก่เขา และเห็นเจ้าอยู่ในเคราะห์ร้าย และเราจะทำให้เจ้าตะลึงงันตลอดไป (25)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
เจ้าลืมข้อบกพร่องของเจ้าเองและยุ่งอยู่กับข้อบกพร่องของผู้อื่นได้อย่างไร ใครทำเช่นนี้จะได้รับเคราะห์จากเรา
(26)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงอย่าเอ่ยถึงบาปของผู้อื่นในเมื่อเจ้าเองก็เป็นคนบาป หากเจ้าละเมิดบัญชานี้ เจ้าจะได้รับเคราะห์และเราจะเป็นพยานในเรื่องนี้
(27)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
จงทราบความจริงไว้ว่า ผู้ที่บอกให้คนอื่นมีใจเป็นธรรม แต่ตนเองกลับไม่ยุติธรรม เขามิได้เกี่ยวข้องกับเรา แม้ว่าจะแสดงพระนามของเรา
(28)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
จงอย่าว่าผู้อื่นในสิ่งที่เจ้าเองก็ไม่อยากถูกว่า และจงอย่าพูดสิ่งที่เจ้าไม่ได้ทำ นี้คือบัญชาของเรา จงปฏิบัติตามเถิด
(29)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงอย่าปฏิเสธคนรับใช้ของเราหากเขาขอสิ่งใดจากเจ้า เพราะใบหน้าของเขาคือใบหน้าของเรา ดังนั้นจงละอายเมื่ออยู่ต่อหน้าเรา
(30)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
จงสำรวจตัวเจ้าเองแต่ละวันก่อนที่เจ้าจะถูกเรียกไปคิดบัญชี เพราะความตายจะมาถึงเจ้าโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า และเจ้าจะถูกเรียกให้ไปชี้แจงการกระทำต่างๆ ของเจ้า
(31)
ดูกร บุตรแห่งปรมัตถ์
เราให้ความตายเป็นผู้นำสารแห่งความปีติมายังเจ้า เหตุไฉนเจ้าจึงเศร้าโศก เราให้แสงสว่างสาดรัศมีมายังเจ้า เหตุไฉนเจ้าจึงไม่ออกมารับแสง
(32)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
เราต้อนรับเจ้าด้วยข่าวอันน่าปีติรุจิรา จงปรีดาเถิด เราเรียกเจ้ามายังราชสำนักแห่งความวิสุทธิ์ จงอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อว่าเจ้าจะมีชีวิตอย่างสงบชั่วนิรันดร์ (33)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
วิญญาณแห่งความบริสุทธิ์นำข่าวอันน่ายินดีมาให้เจ้าแล้ว คือการกลับมาอยู่ร่วมกัน เจ้าจะเศร้าโศกไปไยวิญญาณแห่งอานุภาพค้ำชูเจ้าในศาสนาของพระองค์ เหตุไฉนเจ้าจึงหลบซ่อนอยู่ พักตรากฤติของพระองค์ส่องรัศมีนำทางให้เจ้า เจ้าหลงทางไปได้อย่างไร
(34)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงอย่าทุกข์โศกนอกจากว่าเจ้าทุรัสไกลจากเรา จงอย่าสำราญใจนอกจากว่าเจ้ากำลังใกล้เข้ามาและกลับมาหาเรา
(35)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงยินดีในอภิรดีของหัวใจ เพื่อว่าเจ้าจะคู่ควรต่อการพบเราและสะท้อนความงามของเรา
(36)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
อาภรณ์งดงามที่เราสวมให้เจ้า อย่าได้เปลื้องออก ส่วนแบ่งที่เจ้าควรได้รับจากสายธารอัศจรรย์ของเรา อย่าให้ถูกริบไป เพื่อว่าเจ้าจะไม่ต้องกระหายตลอดไป
(37)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
จงปฏิบัติตามบัญญัติของเราด้วยความรัก และปฏิเสธสิ่งที่เจ้าปรารถนาหากเจ้าใฝ่หาความยินดีของเรา
(38)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
อย่าได้ละเลยบัญญัติทั้งหลายหากว่าเจ้ารักความงามของเรา และอย่าลืมคำแนะนำของเราหากว่าต้องการให้เราพอใจเจ้า
(39)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ต่อให้เจ้าเหินไปทั่วอวกาศที่ไพศาลอย่างรวดเร็ว และเดินทางไปสุดขอบฟ้า เจ้าก็หาความสงบไม่ได้ นอกเสียจากจะยอมจำนนต่อบัญชาของเราและถ่อมตัวต่อหน้าเรา
(40)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงสดุดีศาสนาของเรา เพื่อว่าเราจะเปิดเผยความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ของเรา และส่องรัศมีอนันต์มายังเจ้า
(41)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงถ่อมตัวต่อหน้าเรา เพื่อว่าเราจะได้มาเยี่ยมเจ้า จงลุกขึ้นเพื่อชัยชนะของศาสนาของเรา เพื่อว่าเจ้าจะมีชัยชนะที่ยังอยู่บนโลกนี้
(42)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
จงกล่าวถึงเราบนโลก เพื่อว่าบนสวรรค์เราจะจดจำเจ้า ดังนี้แล้วเราและเจ้าจะได้พักหัวใจ ??????????????
(43)
ดูกร บุตรแห่งบัลลังก์
การได้ยินของเจ้าคือเสวนาของเรา จงฟังด้วยเสาวนานี้ สายตาของเจ้าคือจักษุบถของเรา จงมองด้วยจักษุบถนี้ เพื่อว่าวิญญาณส่วนลึกที่สุดของเจ้าจะเป็นพยานต่อความวิสุทธิ์อันประเสริฐของเรา และเราจะเป็นพยานต่อฐานะอันประเสริฐสำหรับเจ้า
(44)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
จงสละชีวิตในหนทางของเรา พอใจตามที่เรายินดีและขอบคุณสิ่งที่เรากำหนดให้ เพื่อว่าเจ้าจะได้พักอยู่กับเรา ภายใต้ฟากฟ้าแห่งราชศักดาหลังเทพมณเฑียรแห่งความรุ่งโรจน์
(45)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงตรึกตรองและคิดคำนึง เจ้าปรารถนาจะตายบนเตียงของเจ้า หรือจะหลั่งเลือดบนพื้นดิน สละชีวิตในหนทางของเรา เพื่อแสดงอำนาจบังคับบัญชาของเราให้ประจักษ์และฉายรัศมีของเราในสวรรค์ชั้นสูงสุด ดูกร คนรับใช้ จงชั่งใจให้ดี
(46)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ความงามของเราเป็นพยาน ในสายตาของเรานั้นการละเลงเส้นผมของเจ้าด้วยเลือด ยิ่งใหญ่กว่าการสร้างจักรวาลและตะวันของทั้งสองภพ ดูกร คนรับใช้ จงพยายามบรรลุตามนี้
(47)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ทุกสรรพสิ่งมีเครื่องหมาย เครื่องหมายของความรัก คือการอดทนประกาศิตและการทดสอบจากเรา
(48)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
คนรักที่แท้จริงปรารถนาความทุกข์ทรมาน ดังเช่นกบฎต้องการอภัยโทษ และคนบาปต้องการความปรานี
(49)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
หากความทุกข์ยากไม่บังเกิดกับเจ้าในหนทางของเรา เจ้าจะเจริญรอยตามผู้ที่พอใจในอภิรดีของเราได้อย่างไร หากในความปรารถนาของเจ้าที่จะพบเรา เจ้ามิได้รับการทดสอบที่ทรมาน ความรักของเจ้าที่มีต่อความงามของเราจะเรืองรองได้อย่างไร
(50)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ความหายนะจากเราคือการบริบาล ภายนอกมันเป็นไฟและความพยาบาท แต่ภายในมันคือแสงสว่างและความปรานี จงรีบเข้าไปหาเถิด เพื่อว่าเจ้าจะได้เป็นตะวันอันไม่รู้สิ้นและวิญญาณไม่รู้จักตาย นี่คือบัญชาของเรา เจ้าจงปฏิบัติตาม
(51)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
หากความรุ่งเรืองบังเกิดกับเจ้า จงอย่าได้สำราญใจ และหากความตกต่ำมาถึงเจ้า จงอย่าได้เศร้าโศก เพราะว่าทั้งสองนี้จะผ่านไปและไม่มีเหลือ
(52)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
หากความยากจนมาถึงเจ้า จงอย่าเศร้าโศก เพราะว่าไม่ช้าก็เร็วพระผู้เป็นนายแห่งความมั่งคั่งจะมาเยือนเจ้า จงอย่ากลัวความตกต่ำ เพราะว่าวันหนึ่งความรุ่งโรจน์จะมาอยู่กับเจ้า
(53)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
หากหัวใจของเจ้าปรารถนาอาณาจักรอนันต์อันไม่รู้สิ้นและชีวิตอมตะนิรันดร จงละทิ้งอาณาจักรที่ไม่จีรังนี้
(54)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
จงอย่าสาละวนอยู่กับโลกนี้ เพราะว่าเราทดสอบทองด้วยไฟ และทดสอบคนรับใช้ของเราด้วยทอง
(55)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
เจ้าต้องการทองแต่เราไม่ต้องการให้เจ้าผูกพันกับมัน เจ้าคิดว่าตัวเองร่ำรวยเมื่อมีทอง แต่เรารู้ว่าเจ้ามั่งคั่งเมื่อหลุดพ้นจากมัน ชีวิตของเราเป็นพยาน นี่คือความรู้ของเราและนั่นคือความเพ้อฝันของเจ้า ทางของเราจะไปกับเจ้าได้อย่างไร
(56)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงเพื่อแผ่ความมั่งคั่งของเราให้แก่คนยากไร้ เพื่อว่าในสวรรค์เจ้าจะได้รับขุมทรัพย์แห่งความรุ่งโรจน์อมรแต่ชีวิตของเราเป็นพยาน ที่รุ่งโรจน์กว่าคือการสละวิญญาณของเจ้าหากเจ้าเพียงแต่เห็นด้วยตาของเรา
(57)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
วิหารแห่งชีวิตคือบัลลังก์ของเรา จงประทินให้หมดจดเพื่อว่าเราสถิตอยู่ที่นั่น
(58)
ดูกร บุตรแห่งชีวิต
หัวใจของเจ้าคือเคหสถานของเรา จงชำระให้บริสุทธิ์ เพื่อว่าเราจะลงไปอยู่ วิญญาณของเจ้าคือที่สำหรับเปิดเผยตัวเรา ?จงประทินให้หมดจดเพื่อเราจะได้มาปรากฏ
(59)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงวางมือของเจ้าไว้ในอ้อมอกของเรา เพื่อว่ารัศมีอำไพของเราจะสาดแสงมาให้เจ้า
(60)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงขึ้นมาบนสวรรค์ของเรา เพื่อว่าเจ้าจะปรีดาที่ได้กลับมาอยู่ร่วมกัน และดื่มน้ำอมฤตจากถ้วยแห่งความรุ่งโรจน์อมร
(61)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
หลายวันผ่านไป เจ้าก็ยังสาละวนอยู่กับความเพ้อฝันและจินตนาการอันไร้สาระของเจ้า เจ้าจะหลับไหลอยู่บนเตียงไปอีกนานเท่าไหร่ จงตื่นขึ้น เพราะดวงตะวันขึ้นมาถึงมัธยันห์แล้ว และอาจจะสาดรัศมีอำไพมาให้เจ้า
(62)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ขอบฟ้าเหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้สาดรัศมีมายังเจ้า และวิญญาณแห่งวิชาได้หายใจในไซนายของหัวใจของเจ้า ดังนั้นจงสลัดความเพ้อฝันอันไร้สาระออกไปและเข้ามาสู่ราชสำนักของเรา เพื่อว่าเจ้าจะคู่ควรกับ
ชีวิตนิรันดร์และการพบเรา ดังนี้แล้วความตายจะไม่เล่นงานเจ้า ฤาความเหนื่อยอ่อนและยุ่งยากจะราวีเจ้า
(63)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ความไม่รู้สิ้นของเราอยู่ในการสร้างสรรค์ของเรา เราสร้างไว้สำหรับเจ้า จงประดับวิหารของเจ้าด้วยความไม่รู้สิ้น เอกภาพของเราอยู่ในงานฝีมือของเรา เราประดิษฐ์ไว้สำหรับเจ้า จงสวมอาภรณ์แห่งเอกภาพ เพื่อว่าเจ้าจะได้เปิดเผยความเป็นอมตะของเราไปชั่วนิรันดร์
(64)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
ราชศักดาของเราคือของขวัญสำหรับเจ้า และความโอฬารของเราคือสัญลักษณ์แห่งความปรานีที่เรามีต่อเจ้า สิ่งที่คู่ควรกับเรานั้นไม่มีใครเข้าใจหรือสาธยายได้ แท้จริงแล้วเราอภิรักษ์มันไว้ ในคลังเร้นลับแห่งบัญชาของเรา เป็นเครื่องหมายแห่งความเมตตารักใคร่ของเราต่อคนรับใช้และความปรานีของเราต่อประชาชน
(65)
ดูกร บุตรแห่งสาระอนันต์ที่ซ่อนเร้นจากสายตา
เจ้าถูกขัดขวางมิให้รักเรา และวิญญาณจะวุ่นวายใจเมื่อกล่าวถึงเรา เพราะปัญญาไม่สามารถเข้าใจเรา และหัวใจบรรจุเราไม่ได้
(66)
ดูกร บุตรแห่งความงาม
วิญญาณและความโปรดปรานของเราเป็นพยาน ความปรานีและความงามของเราเป็นพยาน ทุกสิ่งที่เราเปิดเผยด้วยชิวหาแห่งพลานุภาพและจารึกด้วยปากกาแห่งอำนาจปรับไว้ตามที่ภูมิปัญญาของเจ้าจะรับได้ มิใช่ตามภาวะหรือทำนองของเรา
(67)
ดูกร อนุชนทั้งหลาย
เจ้าไม่รู้หรือว่าทำไมเราสร้างพวกเจ้าทั้งหมดขึ้นมาจากธุลีเดียวกัน ก็เพื่อว่าจะไม่มีใครยกตนข่มผู้อื่น จงไตร่ตรองในหัวใจเสมอเถิดว่าเจ้าถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร เนื่องด้วยเราสร้างพวกเจ้าทั้งหมดขึ้นมาจากสสารเดียวกัน เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะเป็นประดุจวิญญาณดวงเดียวกัน จรบาทด้วยเท้าเดียวกัน รับประทานด้วยปากเดียวกัน และอาศัยอยู่ในดินแดนเดียวกัน เพื่อว่าโดยการกระทำที่มาจากมโนทัยของเจ้า เครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสาระแห่งความไม่ยึดมั่นจะเป็นที่ประจักษ์ ดูกร หมู่ชนแห่งอาภา นี้คือคำแนะนำของเรา จงเอาใจใส่คำแนะนำนี้ เพื่อว่าเจ้าจะได้รับผลไม้แห่งความบริสุทธิ์จากพฤกษาแห่งความรุ่งโรจน์อัศจรรย์
(68)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
เจ้าคือคลังของเรา เพราะในตัวเจ้าเราถนอมไข่มุกแห่งความลึกลับและมณีแห่งปัญญาของเราไว้ จงปกป้องสิ่งล้ำค่านี้ให้พ้นจากคนแปลกหน้าในหมู่คนรับใช้ของเรา และผู้ไม่มีศีลธรรมในหมู่ประชาชนของเรา
(69)
ดูกร บุตรของผู้ที่ซื่อสัตย์ต่ออัตตาของตนเอง
จงรู้ไว้เถิดว่า เราได้พัดสุคนธรสแห่งความบริสุทธิ์มายังเจ้า ได้เปิดเผยวจนะต่อเจ้าอย่างพร้อมมูล ให้ความอารีของเราล้ำเลิศที่เจ้า และปรารถนาสำหรับเจ้าในสิ่งที่เราปรารถนาให้เราเอง ดังนั้นจงรู้คุณและพอใจในอภิรดีของเรา
(70)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
จงจารึกทุกสิ่งที่เราเปิดเผยไว้ในวิญญาณของเจ้าด้วยน้ำหมึกแห่งอาภา หากเจ้าทำไม่ได้ จงกลั่นหัวใจของเจ้าให้เป็นน้ำหมึก หากเจ้ายังทำไม่ได้อีก จงจารึกด้วยหมึกแดงที่หลั่งในหนทางของเรา ที่จริงแล้ว มธุรานี้หวานกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดสำหรับเรา และอาภานี้จะสว่างไสวไปชั่วนิรันดร์
(71)
พระวจนะเร้นลับ
ภาคที่ 2 ภาษาเปอร์เซีย
ในนามของพระผู้เป็นนายแห่งวาทะ พระผู้ทรงอำนาจ
ดูกร ประชาชนผู้มีปัญญาที่จะรู้และหูที่จะฟัง
สมโพธน์แรกของพระผู้เป็นที่รักยิ่งคือ ดูกร นกไนติงเกลลึกลับ อย่าได้พักอยู่ที่ใดนอกจากในสวนกุหลาบแห่งธรรม ดูกร ผู้นำข่าวของโซโลมอนแห่งความรัก อย่าได้แสวงหาที่หลบภัยนอกจากในชีบาของพระผู้เป็นที่รักยิ่ง และ ดูกร นกฟีนิกซ์ที่ไม่รู้จักตาย อย่าได้อาศัยอยู่ที่ใดนอกจากบนภูเขาแห่งความซื่อสัตย์ นี้คือที่อาศัยของเจ้า ขอเจ้าเพียงแต่เหินด้วยปีกแห่งวิญญาณขึ้นไปสู่อาณาจักรอันไร้ขอบเขตและพยายามบรรลุเป้าหมายของเจ้า
(1)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
วิหคแสวงหารัง นกไนติงเกลแสวงหาเสน่ห์ของกุหลาบ ขณะที่วิหคเหล่านั้นคือหัวใจของมนุษย์ซึ่งพอใจกับธุลีที่ไม่ยั่งยืน ได้หลงทางไกลออกไปจากรังนิรันดร์ และด้วยจมปลักอยู่ในความประมาท จึงถูกพรากจากความรุ่งโรจน์ของแสงธรรม อนิจจา ช่างประหลาดและน่าสงสารเพียงไร เพียงเพื่อน้ำถ้วยเดียว พวกเขาได้เมินไปจากทะเลวิจิของพระผู้ทรงความสูงส่ง และยังคงอยู่ห่างไกลจากขอบฟ้าแสนอำไพ
(2)
ดูกร สหาย
ในอุทยานของหัวใจ อย่าได้เพาะปลูกสิ่งใดนอกจากกุหลาบแห่งความรัก และอย่าเผลอให้นกไนติงเกล แห่งเสน่หาและความปรารถนาบินจากเจ้าไป จงถนอมมิตรภาพกับผู้มีธรรม และหลีกหนีการคบค้ากับผู้ไร้ศีลธรรม
(3)
ดูกร บุตรแห่งความยุติธรรม
คนรักจะไปที่ไหนได้นอกจากดินแดนของผู้ที่เขารัก และผู้แสวงหาคนใดจะมีใจสงบเมื่อห่างจากยอดปรารถนาของหัวใจ สำหรับคนรักที่แท้ การกลับมาอยู่ร่วมกันคือชีวิตและพรากจากกันคือความตาย อุราของเขาสิ้นความอดทนและหัวใจของเขาไร้ความสงบ สักกี่ชีวิตเขาก็ทิ้งได้เพื่อรีบไปยังสันนิวาสของผู้ที่เขารัก
(4)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
แท้จริงแล้วเรากล่าวว่า ในบรรดามนุษย์ทั้งหมด ผู้ที่ลืมสติที่สุดคือ ผู้ที่โต้แย้งอย่างไร้สาระและพยายามเกินหน้าภราดรของเขา ดูกร ภราดรทั้งหลาย จงกล่าวว่า ขอให้การกระทำเป็นอาภรณ์ของเจ้า มิใช้คำพูด
(5)
ดูกร บุตรแห่งปฐพี
แท้จริงแล้วจงรู้เถิดว่า หัวใจที่ยังมีความริษยาเหลืออยู่แม้เพียงน้อยที่สุด จะไปไม่ถึงอาณาจักรนิรันดร์ของเรา และจะไม่ได้สูดสุคนธรสแห่งความบริสุทธิ์ที่โชยมาจากอาณาจักรอันวิสุทธิ์ของเรา
(6)
ดูกร บุตรแห่งความรัก
เจ้าอยู่แค่เพียงหนึ่งก้าวจากกุฎาธารอันรุ่งโรจน์และพฤกษาสวรรค์แห่งความรัก จงขยับไปหนึ่งก้าว และอีกก้าวหนึ่งไปให้ถึงอาณาจักรอมรแล้วเข้าไปสู่ปะรำนิรันดร ดังนั้นจงสดับฟังสิ่งเปิดเผยไว้โดยปากกาแห่งความรุ่งโรจน์
(7)
ดูกร บุตรแห่งความรุ่งโรจน์
จงว่องไวในวิถีธรรมอันวิสุทธิ์ และเข้ามาสู่ไกวัลของการสนทนากับเรา จงขัดหัวใจให้ผุดผ่องด้วยธรรมะ และรีบไปยังราชสำนักของพระผู้ทรงความสูงส่ง
(8)
ดูกร เงาที่หายวับไป
จงสลัดความสงสัยและบรรลุสู่ระดับอันสูงสุดของความมั่นใจ จงเปิดดวงตาแห่งธรรม เพื่อว่าเจ้าจะได้
ยลความงามอันผุดผาดและร้องว่า ความวิสุทธิ์เป็นของพระผู้เป็นนาย พระผู้สร้างที่ล้ำเลิศที่สุด
(9)
ดูกร บุตรแห่งกิเลส
จงสดับฟังสิ่งนี้ โลกียจักษุจะไม่มีวันเห็นความงามนิรันดร์ และหัวใจที่ไร้ชีวิตจะไม่ยินดีต่อสิ่งใดนอกจากบุหงาที่ร่วงโรย เพราะสิ่งเหมือนกันแสวงหาสิ่งที่เหมือนกัน และยินดีต่อการอยู่กับประเภทเดียวกัน
(10)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
จงปิดตาของเจ้า เพื่อว่าเจ้าจะได้เห็นความงามของเรา จงปิดหูของเจ้า เพื่อว่าเจ้าจะได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะของเรา อย่าติดอยู่ในวิชาที่เจ้าเรียนมา ?เพื่อว่าเจ้าจะได้เข้าถึงความรู้ของเรา และอย่าติดอยู่กับความร่ำรวย เพื่อว่าเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งจากมหาสมุทรแห่งความมั่งคั่งอันไม่รู้สิ้นของเราไปชั่วกาลนาน จงอย่าพิศสิ่งใดนอกจากความงามของเรา จงอย่าสดับฟังสิ่งใดนอกจากวจนะของเรา จงชะล้างวิชาทั้งหมดออกไปให้เหลือแต่ความรู้ของเรา เพื่อว่าด้วยทรรศนะอันแจ่มชัด ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์และสดับตรับฟัง เจ้าจะได้เข้ามาในราชสำนักแห่งความวิสุทธิ์ของเรา
(11)
ดูกร มนุษย์ผู้มีสองตา
จงปิดตาหนึ่งและเปิดอีกตาหนึ่ง จงปิดตาที่มองโลกและทุกสรรพสิ่งในโลก และเปิดอีกตาหนึ่งเพื่อมองความงามอันวิสุทธิ์ของพระผู้เป็นที่รักยิ่ง
(12)
ดูกร บุตรหลานของเรา
เราเกรงว่าหากเจ้าถูกพรากจากเสียงเพลงของนกพิราบสวรรค์ ความราพณาสูรของเจ้าจะทอดเงามืดเข้ามาปกคลุม และยังไม่ทันได้พิศดูความงามของดอกกุหลาบ เจ้าสลายกลายเป็นน้ำและดินเสียแล้ว
(13)
ดูกร สหาย
จงอย่าละทิ้งความงามนิรันดร์เพื่อความงามที่จะต้องมลายไป และจงตัดเสน่หากับโลกแห่งธุลีนี้
(14)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
เวลามาถึงแล้ว คือเวลาที่นกไนติงเกลแห่งความวิสุทธิ์จะไม่ได้เปิดเผยความลึกลับอีกต่อไป และพวกเจ้าทุกคนจะถูกพรากจากเพลงสวรรค์และสุรเสียงจากเบื้องบน
(15)
ดูกร ผู้ประมาทเป็นนิสัย
ธรรมะสุดคณนาเปล่งออกมาในพจนาเดียว และความลึกลับมากมายเปิดเผยไว้ในเพลงเดียว แต่อนิจจาไม่มีใครเงี่ยหูฟังหรือพยายามเข้าใจ
(16)
ดูกร สหาย
ประตูไปสู่นครที่ไร้อาณาบริเวณนั้นเปิดกว้างอยู่ และนิวาสของผู้เป็นที่รักชรรินด้วยโลหิตของคนรัก แต่ถึงกระนั้นเกือบทุกคนก็ยังพลัดไปจากนครนี้ เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนและแม้แต่ในจำนวนไม่กี่คนนี้ มีเพียงแค่หยิบมือที่หัวใจบริสุทธิ์และจิตใจผุดผ่อง
(17)
ดูกร ผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด
จงประกาศต่ออนุชนทั้งหลายที่มั่นใจว่า ???ภายในอานาจักรแห่งความวิสุทธิ์ ใกล้กับสรวงสวรรค์ ?????มีอุทยานใหม่งอกงามขึ้น ซึ่งห้อมล้อมด้วยเหล่าเทวัญจากพิมานอันประเสริฐ ในอาณาจักรเบื้องบน ??ดังนั้น จงพยายามเพื่อว่าเจ้าจะได้มาถึงอุทยานนี้ และไขความลึกลับของดอกไม้แห่งความรักในเทวารัณย์ เรียนรู้ความลับของเมธาสวรรค์อันล้ำเลิศจากผลไม้อนันต์ ผู้ที่เข้ามาอาศัยในอุทยานนี้จะได้พักหัวใจ
(18)
ดูกร ??สหายของเรา
เจ้าลืมรุ่งเช้าที่สดชื่นแจ่มใสนั้นแล้วหรือ ??ที่เจ้ามาชุมนุมกันกับเราท่ามกลางบรรยากาศแสนวิสุทธิ์ ??ภายใต้ร่มเงาของพฤกษาแห่งชีวิตในสวรรค์อันรุ่งโรจน์ เจ้าสดับฟังอย่างพรั่นใจเมื่อเราเอ่ยวจนะศักดิ์สิทธิ์ที่สุดทั้งสามนี้ ?ดูกรสหาย อย่าถือใจเจ้าสำคัญกว่าใจเรา อย่าได้ปรารถนาสิ่งที่เราไม่ต้องการให้กับเจ้า และอย่าเข้ามาหาเราด้วยหัวใจที่ไร้ชีวิตและแปดเปื้อนด้วยกิเลสตัณหา ?หากเจ้าเพียงแต่ชำระวิญญาณของตนเองให้บริสุทธิ์ ณ ชั่วโมงนี้เจ้าย่อมระลึกถึงสถานที่และบรรยากาศเหล่านั้นได้ และธรรมะจากวาทะของเราจะเป็นที่ประจักษ์ต่อเจ้าทุกคน
(19)
บรรทัดศักดิ์สิทธิ์ที่แปดในธรรมจารึกที่ห้าจากสวรรค์พระองค์ทรงกล่าวว่า:
ดูกร ??ผู้ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงแห่งความประมาทเสมือนคนตาย
อายุล่วงเลยไปและชีวิตอันมีค่าของเจ้าใกล้จะสิ้นสุด ?ถึงกระนั้น แม้แต่ลมหายใจบริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวของเจ้าก็ไม่มีมาถึงราชสำนักแห่งความวิสุทธิ์ของเรา ?เจ้าจมอยู่ในมหาสมุทรแห่งอวิชา แต่ริมฝีปากของเจ้ากลับอ้างว่าศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า เจ้ารักผู้ที่เราชิงชัง ?ศัตรูของเราเจ้าก็เอาไปเป็นเพื่อน ถึงกระนั้นเถอะ เจ้าเดินบนธรณีของเรา พอใจอยู่ในกิเลส หารู้ไม่ว่าธรณีนั้นเอือมระอาเจ้าและทุกสิ่งในพื้นดินรังเกียจเจ้า ?หากเจ้าเพียงแต่เปิดตา เจ้าจะถือว่าเศร้าโศกดีกว่าหรรษาและตายเสียดีกว่ามีชีวิตนี้
(20)
ดูกร ?ธุลีกายที่เคลื่อนไหวได้
เราปารถนาจะสนทนากับเจ้า ?แต่เจ้าไม่ไว้ใจเรา ดาบที่เจ้าใช้ต่อต้านได้โค่นต้นไม้แห่งความหวังของเจ้าเอง ตลอดเวลาเราอยู่ใกล้เจ้า ?แต่เจ้ากลับอยู่ไกลจากเรา เราได้เลือกความรุ่งโรจน์อมรให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกความอดสูอย่างไม่มีสิ้นสุดให้กับตัวเอง ?ขณะที่ยังมีเวลาอยู่ จงกลับมาและอย่าทิ้งโอกาสของเจ้าไป
(21)
ดูกร ??บุตรแห่งกิเลส
ผู้รู้และมีปัญญาได้พยายามอยู่นานหลายปีแต่ก็ยังไม่พบพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ ?พวกเขาทุ่มเทชีวิตเพื่อค้นหาพระองค์ แต่ก็ไม่ได้เห็นความงามของพักตรากฤติของพระองค์ ?เจ้าบรรลุเป้าหมายโดยมิต้องออกแรงแม้แต่น้อยและพบสิ่งที่ปรารถนาโดยไม่ต้องค้นหา แต่ถึงกระนั้น ?เจ้าก็ยังจมอยู่ในอัตตา จนดวงตามองไม่เห็นความงามของพระผู้เป็นที่รักยิ่ง และมือไม่ได้สัมผัสชายผ้าของพระองค์ เจ้าผู้มีดวงตา จงเมินดูแล้วเจ้าจะฉงน (22)
ดูกร ผู้ที่อาศัยอยู่ในนครแห่งความรัก
พายุมรณะพัดกระโชกเทียนที่ไม่รู้ดับ และความงามของพระศาสดาหนุ่มถูกปกคลุมด้วยธุลี บรมกษัตริย์แห่งความรักถูกประทุษร้ายโดยผู้กดขี่ และนกพิราบแห่งความวิสุทธิ์ติดอยู่ในอุ้งเล็บของนกเค้าแมว ผู้ที่อาศัยอยู่ในปะรำแห่งความรุ่งโรจน์และหมู่เทวัญต่างพิลาปร่ำไห้ ส่วนเจ้าหลับใหลอย่างลืมสติแต่กลับคิดว่าตนเองเป็นมิตรแท้ ความคิดของเจ้าช่างเหลวใหลเพียงใด!
(23)
ดูกร ผู้โง่เขลาแต่ยังได้ชื่อว่าฉลาด
เหตุไฉนเจ้าจึงทำตัวเป็นผู้เลี้ยงแกะ ในเมื่อจิตใจของเจ้าเป็นสุนัขป่าที่จดจ้องฝูงแกะของเรา เจ้าเป็นประหนึ่งดวงดาวที่ขึ้นมาก่อนอรุโณทัย ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าเรืองรองสุกใส ก็ทำให้ผู้แสวงหานครของเราหลงทางไปสู่ความหายนะ
(24)
ดูกร ผู้ที่ดูเหมือนสะอาดแต่ในใจนั้นสกปรก
เจ้าเป็นเสมือนน้ำที่ใสแต่มีพิษ ซึ่งภายนอกดูเหมือนบริสุทธิ์ แต่เมื่อถูกทดสอบโดยผู้ตรวจจากสวรรค์ ไม่มีแม้แต่หยดเดียวที่ยอมรับได้ ใช่แล้ว ลำแสงของดวงอาทิตย์ส่องมายังธุลีและกระจกเหมือนกัน แต่แสงสะท้อนนั้นต่างกันดังเช่นดวงดาวต่างกับโลก ต่างกันอย่างวัดไม่ได้เชียวล่ะ
(25)
ดูกร สหายในภารดี
จงตรึกตรองสักครู่หนึ่ง เจ้าเคยได้ยินหรือว่า มิตรและศัตรูควรอาศัยอยู่ในหัวใจเดียวกัน ดังนั้นจงไล่คนแปลกหน้าออกไป และให้ผู้เป็นมิตรเข้ามาในบ้านของพระองค์
(26)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
เรากำหนดทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และโลกไว้ให้กับเจ้า เว้นแต่หัวใจของมนุษย์ ซึ่งเราใช้เป็นที่อาศัยสำหรับความงามและความรุ่งโรจน์ของเรา แต่เจ้ากลับยกที่อาศัยของเราให้กับคนอื่น และเมื่อใดที่ตัวแทนความวิสุทธิ์ของเรามาหาที่อยู่ของเขา คนแปลกหน้าพบเขาอยู่ที่นั่น ไร้ที่อาศัย เขาจึงรีบไปยังวิหารของพระผู้เป็นที่รักยิ่ง ถึงกระนั้นเถิด เราปกปิดความลับของเจ้าและไม่อยากให้เจ้าอับอาย
(27)
ดูกร ผู้มีกิเลสในสันดาน
หลายต่อหลายอรุณ เราจากอาณาจักรสวรรค์มายังที่อาศัยของเจ้า และพบเจ้าอยู่บนเตียงอย่างสบาย สาละวนอยู่กับผู้อื่น เราจึงรีบกลับมายังพิมานอันรุ่งโรจน์ในชั่วพริบตา และมิได้เอ่ยถึงมันต่อเหล่าเทพยดาในนิวาสเบื้องบนของเรา
(28)
ดูกร บุตรแห่งความอารี
เราเนรมิตเจ้าขึ้นมาจากศูนยภาพอันว่างเปล่าด้วยมัตติกาแห่งบัญชาของเรา ทุกอะตอมและสาระของทุกสรรพสิ่ง เราเตรียมไว้ให้สำหรับการฝึกสอนเจ้า ดังนี้ก่อนที่เจ้าจะคลอดจากครรภ์มารดา เราได้เตรียมต่อมน้ำนมไว้สำหรับเจ้า ดวงตาที่จะดูแลเจ้า และหัวใจที่จะรักเจ้า ?เราเลี้ยงดูเจ้าอย่างเมตตารักใคร่ภายใต้ร่มเงาแห่งความปรานีของเรา และปกป้องเจ้าด้วยความกรุณา เจตนาของเราในทั้งหมดนี้คือ เพื่อให้เจ้าไปถึงอาณาจักรนิรันดร์ของเราและคู่ควรกับพระพรจากเรา แต่ถึงกระนั้นเจ้ายังไม่เอาใจใส่ และเมื่อเติบโตขึ้น เจ้าเฉยเมยต่อบุญคุณของเรา และหมกหมุ่นอยู่กับจินตนาการอันไร้สาระของเจ้าเองจนลืมสติ เมินหนีจากอานนของพระผู้เป็นมิตร และไปอาศัยอยู่ในสำนักของศัตรูของเรา
(29)
ดูกร ทาสแห่งพิภพ
หลายต่อหลายอรุณ สายลมแห่งความเมตตารักใคร่ของเราพัดมายังเจ้า และพบเจ้าหลับสนิทอยู่บนเตียงแห่งความประมาท ด้วยโศกาต่อสภาพของเจ้า สายลมของเราจึงพัดกลับไปที่เดิม
(30)
ดูกร บุตรแห่งปฐพี
หากเจ้าปรารถนาเรา จงอย่าแสวงหาใครอื่น หากเจ้าอยากยลความงามของเรา จงปิดตาที่มองโลกและทุกสรรพสิ่งในโลก เพราะความประสงค์ของเรากับของผู้อื่นเป็นเสมือนไฟกับน้ำ ไม่อาจอยู่ในหัวใจเดียวกันได้
(31)
ดูกร คนแปลกหน้าที่ได้มาเป็นเพื่อน
เทียนในหัวใจของเจ้าถูกจุดขึ้นด้วยหัตถ์อันทรงอานุภาพของเรา จงอย่าดับเทียนนั้นด้วยวายุแห่งอัตตาและกิเลส ยารักษาโรคภัยทั้งหมดของเจ้าคือการระลึกถึงเรา จงอย่าลืมสิ่งนี้ จงให้ความรักของเราเป็นสมบัติล้ำค่าของเจ้าและถนอมเอาไว้เป็นประหนึ่งสายตาและชีวิตของเจ้าเอง
(32)
ดูกร ภราดรของเรา
จงสดับฟังวจนะที่น่าอภิรมย์จากมธุรสวาจาของเรา และจงดื่มสายธารแห่งความวิสุทธิ์จากปรียาวาทของเรา ?จงเพาะเมล็ดของเมธาสวรรค์ในดินที่บริสุทธิ์ของหัวใจ และรดด้วยน้ำแห่งความมั่นใจ เพื่อว่าความรู้และปัญญาของเราจะงอกขึ้นมาอย่างเขียวขจีในนครพิสุทธิ์ของหัวใจของเจ้า
(33)
ดูกร ผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ของเรา
เราปลูกความรักและมิตรภาพของเจ้าไว้ในอุทยานสวรรค์ด้วยความเมตตารักใคร่ ?และรดน้ำด้วยธาราคุณของเรา บัดนี้ชั่วโมงแห่งการออกผลมาถึงแล้ว จงพยายามปกปักรักษาความรักและมิตรภาพนั้นให้รอดพ้นจากไฟแห่งกิเลสตัณหา
(34)
ดูกร สหายของเรา
จงดับตะเกียงแห่งความผิดพลาด และในหัวใจของเจ้านั้นจงจุดแสงสว่างแห่งการนำทางสวรรค์ เพราะในไม่ช้า ณ เบื้องหน้าของพระผู้เป็นที่บูชา ผู้ตรวจสอบมนุษยชาติจะไม่ยอมรับสิ่งใดนอกจากคุณธรรมที่พิสุทธิ์และการกระทำที่วิมลบริสุทธิ์
(35)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
คนฉลาดจะไม่พูดนอกจากจะมีผู้ฟัง ดังเช่นผู้ที่ถือถ้วยน้ำจะยื่นน้ำให้ก็ต่อเมื่อเขาพบผู้ที่แสวงหา และคนรักจะไม่รำพันจากส่วนลึกของหัวใจจนกว่าจะได้พิศดูความงามของผู้ที่เขารัก ดังนั้นจงเพาะเมล็ดแห่งปัญญาและความรู้ในดินที่บริสุทธิ์ของหัวใจ และซ่อนเร้นไว้จนกว่าไม้ดอกแห่งเมธาสวรรค์จะงอกขึ้นมา โดยอย่าให้เปื้อนโคลนตม
(36)
ในบรรทัดแรกของธรรมจารึกได้รับการบันทึกและลิขิต และภายในวิหารแห่งเทพมณเฑียรของพระผู้เป็นเจ้า มีวจนะเหล่านี้ซ่อนเร้นอยู่:
ดูกร คนรับใช้ของเรา
อย่าได้ละทิ้งอาณาจักรอมตะเพื่อไปหาสิ่งที่ไม่จีรัง และอย่าละทิ้งอาณาจักรสวรรค์เพราะติดพันอยู่ในกิเลส นี้คือสายธารแห่งชีวิตนิรันดร์ที่มีต้นน้ำมาจากปากกาของผู้ทรงปรานี ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ได้ดื่ม
(37)
ดูกร บุตรแห่งธรรม
จงระเบิดกรงของเจ้าออก และเหินขึ้นสู่เวหาแห่งความวิสุทธิ์ประดุจนกฟีนิกซ์แห่งความรัก จงปล่อยวางจากตนเอง และอาศัยอยู่ในอาณาจักรอันพิสุทธิ์ด้วยดวงจิตที่เปี่ยมไปด้วยความปรานี
(38)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
จงอย่าพอใจกับความสบายไปวันๆ และอย่าพรากตัวเจ้าเองจากการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ จงอย่าเอาอุทยานแห่งความปีติอนันต์ไปแลกกับกองธุลีของโลกที่ไม่จีรังนี้ จงทะยานจากคุกของเจ้าขึ้นไปสู่ทุ่งหญ้าไพโรจน์เบื้องบน และบินจากกรงของโลกนี้ขึ้นไปสู่สวรรรค์ที่ไร้อาณาบริเวณ (39)
ดูกร คนรับใช้ของเรา
จงปลดตัวเจ้าเองออกจากพันธนาการของโลกนี้ และปล่อยวิญญาณของเจ้าออกจากคุกแห่งอัตตา จงฉวยโอกาสนี้เพราะเจ้าจะไม่มีอีกแล้ว ????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????(40)
ดูกร บุตรของบริจาริกาของเรา
หากเจ้าได้เห็นอาณาจักรอมตะ เจ้าจะพยายามไปจากโลกอนิจจังนี้ แต่การปกปิดสิ่งหนึ่งและเปิดเผยอีกสิ่งหนึ่งต่อเจ้า เป็นความลึกลับที่ไม่มีใครเข้าใจได้นอกจากผู้ที่หัวใจบริสุทธิ์ (41)
ดูกร ?คนรับใช้ของเรา
จงชะล้างความประสงค์ร้ายออกไปจากหัวใจ และเมื่อไร้ซึ่งความริษยา จงเข้ามาสู่ราชสำนักสวรรค์แห่งความวิสุทธิ์ (42)
ดูกร สหายของเรา
จงเดินบนหนทางที่พระผู้เป็นมิตรทรงยินดี และรู้ไว้เถิดว่าความยินดีของพระองค์อยู่ที่ความยินดีของประชาชนของพระองค์ นั่นคือ : คนเราไม่ควรเข้าไปในบ้านของเพื่อนนอกเสียจากเพื่อนจะยินดี ไม่ยึดครองสมบัติของเพื่อน ไม่ถือว่าความประสงค์ของตนเองเหนือกว่าของเพื่อน และไม่เอาเปรียบเพื่อน เจ้าผู้มีปัญญา จงตรึกตรองสิ่งนี้ (43)
ดูกร สหายแห่งบัลลังก์ของเรา
อย่าได้ฟังหรือมองสิ่งชั่วร้าย อย่าทำตัวเองให้ตกต่ำ อย่าถอนหายใจหรือร่ำไห้ จงอย่าพูดสิ่งชั่วร้าย เพื่อว่าผู้อื่นจะไม่พูดสิ่งชั่วร้ายกับเจ้า และอย่าขยายข้อบกพร่องของผู้อื่น เพื่อว่าข้อบกพร่องของเจ้าเองจะไม่ใหญ่ขึ้น อย่าปรารถนาความตกต่ำให้แก่ผู้อื่น เพื่อว่าความตกต่ำของเจ้าเองจะไม่ถูกเผย วันเวลาของเจ้าคงอยู่เพียงชั่วแล่น ดังนั้นจงดำเนินชีวิตด้วยจิตใจที่ไม่ด่างพร้อย ด้วยหัวใจที่ไร้มลทิน ด้วยความคิดและอุปนิสัยที่วิสุทธิ์ เพื่อว่าเจ้าจะเป็นอิสระ และพอใจที่จะละทิ้งร่างกายนี้ไปสู่สวรรค์อันเร้นลับ และอาศัยอยู่ในอาณาจักรอนันต์ไปชั่วนิรันดร์ (44)
อนิจจา อนิจจา ดูกร ผู้ที่ติดอยู่ในกิเลส
เจ้าผ่านพระผู้เป็นที่รักยิ่งไปอย่างรวดเร็วประดุจฟ้าแลบ และหมกหมุ่นอยู่กับความเพ้อฝันอันชั่วร้าย เจ้าคุกเข่าให้กับจินตนาการอันไร้สาระของเจ้า และเรียกมันว่าสัจธรรม ดวงตาของเจ้าหันไปมองหนาม แต่เจ้ากลับให้ชื่อมันว่าดอกไม้ ลมหายใจที่บริสุทธิ์จากเจ้าก็ไม่มีแม้สักครั้งเดียว คำแนะนำของพระผู้เป็นที่รักยิ่งเจ้าก็ทิ้งไปกับสายลม ?และลบออกไปจากจารึกของหัวใจของเจ้า และเสมือนเป็นสัตว์ป่าในทุ่ง เจ้าเคลื่อนไหวและใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งกิเลสตัณหา ??????????????????????????????????????????????????????????????(45)
ดูกร ภราดรผู้ร่วมทาง
เหตุไฉนเจ้าจึงละเลยการกล่าวถึงพระผู้เป็นที่รักและยังทำตัวห่างไกลจากพระองค์ สาระของความงามอยู่บนบัลลังก์แห่งความรุ่งโรจน์ภายในปะรำอันหาที่เปรียบมิได้ แต่เจ้ากลับสาละวนอยู่กับการต่อสู้กันอย่างไร้สาระ สุคนธรสแห่งความวิสุทธิ์กำลังโชยมา และลมหายใจแห่งความอารีพัดมาแล้ว แต่พวกเจ้าทั้งหมดก็ยังไม่รับเอาไว้และตกอยู่ในความทุกข์ระทมแสนสาหัส อนิจจาสำหรับเจ้าและพวกที่เดินตามรอยเท้าในหนทางของเจ้า (46)
ดูกร บุตรแห่งกิเลส
จงเปลื้องภูษาแห่งความทะนงและถอดเสื้อผ้าแห่งความจองหองออกเสียเถิด (47)
ในบรรทัดศักดิ์สิทธิ์ที่สามในธรรมจารึกทับทิม ปากกาสวรรค์ลิขิตและบันทึกวจนะเหล่านี้ไว้:
ดูกร ภราดร
จงอดกลั้นซึ่งกันและกัน และอย่าผูกเสน่หาไว้กับสรรพสิ่งเบื้องล่าง อย่าได้ทะนงในยามรุ่งโรจน์หรืออดสูในยามตกต่ำ ความงามของเราเป็นพยาน เราสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาจากธุลี และทุกสรรพสิ่งจะกลับคืนไปสู่ธุลี
(48)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
ผู้ยากไร้ถอนหายใจในยามค่ำคืน จงบอกคนร่ำรวยให้รู้ไว้ เพื่อมิให้พวกเขาประมาทจนหลงทางไปสู่ความหายนะและถูกพรากจากพฤกษาสวรรค์แห่งความมั่งคั่ง การให้และความเอื้อเฟื้อคือคุณลักษณะของเรา ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ประดับตนเองด้วยคุณธรรมของเรา (49)
ดูกร ผู้มีกิเลสในสันดาน
จงสละความโลภให้หมดสิ้นและแสวงหาความมักน้อย เพราะคนโลภถูกพรากเสมอมา และผู้มักน้อยเป็นที่รักและสรรเสริญเสมอมา
?? ?????????????????????????(50)
ดูกร บุตรของบริจาริกาของเรา
อย่าได้วิตกในยามยากจนหรือมั่นใจในความร่ำรวยเพราะความยากจนจะตามมาด้วยความร่ำรวย และความร่ำรวยจะตามมาด้วยความยากจน แต่ความยากจนในทุกสิ่งนอกจากพระผู้เป็นเจ้าคือของขวัญอันวิเศษ จงอย่าดูแคลน เพราะในที่สุดความยากจนนี้จะทำให้เจ้าร่ำรวยในพระผู้เป็นเจ้า และเจ้าจะรู้ความหมายของวาทะที่ว่า ? ในความเป็นจริงแล้วเจ้าคือผู้ยากจน? และวจนะศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า ?พระผู้เป็นเจ้าคือผู้ครอบครองทุกสรรพสิ่ง? และเจ้าจะเป็นเสมือนอรุโณทัยที่สาดรัศมีอำไพบนขอบฟ้าแห่งหัวใจของคนรัก และอาศัยอยู่บนบัลลังก์แห่งความมั่งคั่งอย่างไร้กังวล (51)
ดูกร บุตรแห่งกิเลสผู้ประมาท
เจ้ายอมให้ศัตรูเข้ามาในบ้านของเราและขับมิตรของเราออกไป เพราะหัวใจของเจ้าเทิดทูนความรักของผู้อื่นนอกเหนือไปจากเรา จงสดับฟังพจนาของพระผู้เป็นมิตรและหันมาสู่สวรรค์ของพระองค์ โลกียมิตรแสวงหาประโยชน์ของตนเองจึงทำเป็นว่ารักกันและกัน ส่วนพระผู้เป็นมิตรแท้รักเจ้าเพื่อประโยชน์ของเจ้า แท้จริงแล้วพระองค์ทนทุกข์ทรมานนานัปการเพื่อนำทางให้เจ้า จงอย่าทรยศพระผู้เป็นมิตร ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าจงรีบไปหาพระองค์ วจนะเหล่านี้คือดวงตะวันแห่งสัจธรรมและความซื่อสัตย์ที่รุ่งอรุณขึ้นมาเหนือขอบฟ้าแห่งปากกาของพระผู้เป็นนายแห่งนามทั้งปวง จงสดับฟัง เพื่อว่าเจ้าจะได้ยินวจนะของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง
(52)
ดูกร เจ้าผู้ภูมิใจในความร่ำรวยที่ไม่จีรัง
จงรู้ไว้เถิดว่าที่จริงแล้ว ความมั่งคั่งคืออุปสรรคอันใหญ่หลวงระหว่างผู้แสวงหากับสิ่งที่เขาปรารถนา ระหว่างคนรักกับผู้ที่เขารัก คนร่ำรวยน้อยคนนักที่จะไปถึงราชสำนักอันเป็นที่สถิตของพระองค์ และได้เข้าไปในนครแห่งความพอใจและยอมจำนน ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ร่ำรวยแต่ไม่ถูกความร่ำรวยปิดกั้นและพรากจากอาณาจักรนิรันดร์ ?พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นพยาน ความชัชวาลของผู้มั่งคั่งดังกล่าวจะสาดรัศมีให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ประดุจดวงอาทิตย์สาดรัศมีให้แก่ประชาชนบนโลก
(53)
ดูกร ผู้ร่ำรวยบนปฐพี
คนยากไร้คือผู้ที่เราฝากฝังไว้กับเจ้า จงพิทักษ์สิ่งที่เราฝากไว้ และอย่าเอาแต่สนใจความสบายของเจ้าเอง
(54)
ดูกร บุตรแห่งกิเลส
จงชำระตนเองให้บริสุทธิ์ปราศจากมลทินของความร่ำรวย และเข้าไปอยู่ในอาณาจักรแห่งความยากจนด้วยใจสงบนิ่ง เพื่อว่าเจ้าจะได้ดื่มน้ำอมฤตแห่งชีวิตนิรันดร์จากสายธาราแห่งความไม่ยึดมั่น (55)
ดูกร บุตรของเรา
การอยู่ร่วมกับผู้ไร้ศีลธรรมจะทวีความทุกข์โศก ส่วนมิตรภาพกับผู้มีธรรมจะชะล้างสนิมออกไปจากหัวใจ ผู้ที่พยายามสนทนากับพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เขาเป็นมิตรกับบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ และผู้ที่ต้องการได้ยินวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เขาสดับฟังวจีของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร (56)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
จงระวัง อย่าเดินกับผู้ไร้ศีลธรรม และอย่าแสวงหามิตรภาพกับเขา เพราะมิตรภาพดังกล่าวจะเปลี่ยนความสว่างไสวของหัวใจเป็นไฟนรก (57)
ดูกร บุตรของบริจาริกาของเรา
หากเจ้าปรารถนาพรของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงเป็นมิตรกับผู้มีธรรม เพราะเขาได้ดื่มถ้วยน้ำแห่งชีวิตนิรันดร์จากมือของพระผู้เป็นอมตะ และเป็นประหนึ่งแสงอรุณที่ปลุกหัวใจของคนตาย (58)
ดูกร ผู้ประมาท
อย่าคิดว่าความลับในหัวใจของเจ้าจะไม่มีใครรู้ ไม่เพียงเท่านั้น จงแน่ใจได้เลยว่า ความลับเหล่านั้นถูกจารึกไว้เป็นอักขระที่ชัดเจน และประจักษ์แจ้งสำหรับพระผู้เป็นเจ้า (59)
ดูกร สหาย
แท้จริงแล้วเรากล่าวว่า อะไรก็ตามที่เจ้าปกปิดไว้ในหัวใจ เป็นที่เปิดเผยและชัดแจ้งประดุจทิวากาลสำหรับเรา แต่ที่มันซ่อนเร้นอยู่ได้นั้นเป็นเพราะความกรุณาของเรา มิใช่ความคู่ควรของเจ้า ????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????(60)
ดูกร บุตรแห่งมนุษย์
มหาสมุทรแห่งความปรานีที่หยั่งไม่ถึงของเราได้หยดน้ำค้างมาให้ประชาชนบนโลก แต่เราไม่เห็นมีใครหันมา เพราะว่าทุกคนเมินน้ำอมฤตแห่งเอกภาพ แล้วไปหาตะกอนสกปรกที่ไม่บริสุทธิ์ พวกเขาทิ้งถ้วยน้ำแห่งความงามอมตะและพอใจอยู่กับถ้วยน้ำโลกีย์ สิ่งที่เขาพอใจนั้นช่างต่ำช้า (61)
ดูกร บุตรแห่งธุลี
อย่าเมินน้ำอมฤตของพระผู้เป็นที่รักอมตะ และอย่าพิศดูตะกอนสกปรกแห่งโลกีย์ จงรับถ้วยน้ำจากมือของผู้ที่มาจากสวรรค์ เพื่อว่าปัญญาทั้งปวงจะเป็นของเจ้า และเจ้าจะได้ยินสุรเสียงเร้นลับขานมาจากอาณาจักรที่ซ่อนเร้นจากสายตา เจ้าผู้ใฝ่ต่ำ จงแผดเสียง เหตุไฉนเจ้าเมินน้ำอมฤตที่ไม่รู้สิ้นของเรา แล้วไปหาน้ำที่ต้องเหือดแห้งไป (62)
ดูกร ประชาชนทั้งหลายของโลก
จงรู้ไว้ด้วยว่า ความหายนะที่คาดไม่ถึงกำลังติดตามเจ้า และโทษทัณฑ์อันสาหัสรอคอยเจ้าอยู่ อย่าคิดว่าการกระทำของเจ้าถูกลบไปจากสายตาของเรา ความงามของเราเป็นพยาน! การกระทำทั้งหมดของเจ้านั้น ปากกาของเราได้จารึกไว้เป็นอักขระที่ชัดเจนบนแผ่นมรกต (63)
ดูกร ผู้กดขี่บนพิภพ
จงวางมือจากการกดขี่ เพราะเราได้ปฏิญาณไว้ว่า จะไม่ให้อภัยผู้ที่ไม่ยุติธรรม ปฏิญญานี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะเราได้ประกาศิตไว้ในธรรมจารึก และประทับด้วยสัญจกรอันรุ่งโรจน์ของเรา (64)
ดูกร ผู้พยศ
ความอดกลั้นของเรากลับทำให้เจ้าได้ใจ และความทรมานอันยาวนานของเรายิ่งทำให้เจ้าไม่เอาใจใส่ จนกิเลสของเจ้าควบม้าอย่างคึกคะนองบนเส้นทางอันตรายไปสู่ความหายนะ เจ้าคิดหรือว่าเราไม่สนใจหรือไม่รู้ (65)
ดูกร ผู้อพยพ
ลิ้นที่เราออกแบบไว้ให้กล่าวถึงเรานั้น อย่าทำให้ด่างพร้อยด้วยการนินทา หากไฟแห่งอัตตาครอบงำเจ้า จงนึกถึงข้อบกพร่องของเจ้าเองมิใช่ข้อบกพร่องของสิ่งสร้างสรรค์ของเรา เพราะว่าพวกเจ้าแต่ละคนรู้จักตัวเองดีกว่ารู้จักผู้อื่น (66)
ดูกร บุตรแห่งความเพ้อฝัน
จงรู้ไว้ด้วยว่า เมื่ออรุโณทัยทอดรัศมีมายังขอบฟ้าแห่งความบริสุทธิ์อนันต์ ความลับและกรรมชั่วที่กระทำไว้ในรัตติกาลจะถูกเผยให้ประจักษ์ต่อประชาชนบนโลก (67)
ดูกร วัชพืชที่งอกขึ้นมาจากดิน
เหตุไฉนมือสกปรกของเจ้าไม่สัมผัสเสื้อผ้าของเจ้าเองเสียก่อน และทำไมหัวใจที่เปื้อนด้วยกิเลสตัณหาของเจ้าจึงพยายามเข้ามาสู่อาณาจักรอันวิสุทธิ์และสนทนากับเรา สิ่งที่เจ้าปรารถนายังอยู่ไกลจากเจ้านัก (68)
ดูกร บุตรของอดัม
วาจาและการกระทำที่ดีงามบริสุทธิ์นั้นไปสู่สวรรค์อันรุ่งโรจน์ จงพยายามให้การกระทำของเจ้าบริสุทธิ์ปราศจากธุลีแห่งอัตตาและความเสแสร้ง และให้เป็นที่โปรดปราน ณ ราชสำนักแห่งความรุ่งโรจน์ เพราะในไม่ช้า ณ เบื้องหน้าของพระผู้เป็นที่บูชา ผู้ตรวจสอบมนุษยชาติจะไม่ยอมรับสิ่งใดนอกจากคุณธรรมที่พิสุทธิ์และการกระทำที่วิมลบริสุทธิ์ นี้คือดวงตะวันแห่งปัญญาและความลึกลับสวรรค์ที่สาดรัศมีอยู่เหนือขอบฟ้าแห่งพระประสงค์เบื้องบน ขอพระพรจงมีแด่ผู้ที่หันมารับแสง (69)
ดูกร บุตรแห่งโลกีย์
ภาวะแห่งชีวิตนั้นน่าอภิรมย์หากเจ้าบรรลุถึง อาณาจักรนิรันดร์นั้นรุ่งโรจน์หากเจ้าหลุดพ้นไปจากโลกสังขาร ความปีติที่บริสุทธิ์นั้นหวานหากเจ้าได้ดื่มถ้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์จากมือของพระศาสดาหนุ่ม ?หากเจ้าบรรลุถึงสภาวะนี้เจ้าจะเป็นอิสระจากวินิบาตและความตาย อิสระจากความตรากตรำและบาป (70)
ดูกร สหายของเรา
จงระลึกถึงปฏิญญาที่เจ้าสัญญากับเราบนภูเขาปารานในอาณาบริเวณอันวิสุทธิ์แห่งซามาน เราได้ให้หมู่เทวัญและผู้ที่อาศัยอยู่ในนครอนันต์มาเป็นพยาน จนถึงบัดนี้เราไม่เห็นมีใครซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญา แน่นอนเลยว่า ความทะนงและความพยศได้ลบปฏิญญานั้นออกไปจากหัวใจจนไม่เหลือร่องรอย แม้ว่าเราทราบดี เราก็ยังคอยและมิได้เปิดเผยสิ่งนี้ (71)
ดูกร คนรับใช้ของเรา
เจ้าเป็นเสมือนดาบที่หลอมไว้อย่างดีและซ่อนคมอยู่ในฝักซึ่งคุณค่าของมันยังไม่เป็นที่ทราบของช่าง ดังนั้นจงออกมาจากฝักแห่งอัตตาและกิเลส เพื่อว่าคุณค่าของเจ้าจะประจักษ์ชัดและเรืองรองไปทั่วพิภพ
(72)
ดูกร สหายของเรา
เจ้าคือดวงตะวันบนนภาแห่งความวิสุทธิ์ของเรา อย่าให้มลทินทางโลกบดบังรัศมีของเจ้า จงฉีกม่านแห่งความประมาททิ้งไป และออกมาจากหลังก้อนเมฆอย่างสว่างไสวเพื่ออาบแสงแห่งชีวิตให้แก่ทุกสรรพสิ่ง
(73)
ดูกร บุตรแห่งความทะนง
เจ้าละทิ้งอาณาจักรอันไม่รู้สิ้นของเราไป เพราะเห็นแก่อาณาจักรที่ไม่จีรัง และเอาเสื้อผ้าสีฉูดฉาดมาใส่โอ้อวด ความงามของเราเป็นพยาน เราจะลบสีหลากหลายเหล่านี้ให้หมด และรวบรวมทุกคนไว้ในดินเพียงสีเดียว ยกเว้นผู้ที่เลือกสีของเราและไม่เปื้อนสีอื่น (74)
ดูกร บุตรแห่งความประมาท
อย่าผูกเสน่หาไว้กับอาณาจักรที่ไม่จีรังหรือปลื้มปีติในอาณาจักรนั้น เจ้าเป็นเสมือนวิหคที่ขับร้องอยู่บนคบไม้อย่างมั่นใจโดยไม่ระวัง จนกระทั่งพรานมัจจุราชยิงเจ้าร่วงลงมาบนดินอย่างทันใด เสียงเพลง รูปโฉมและสีสันก็สิ้นไปไม่เหลือร่องรอย ดูกร ทาสของกิเลส จงมีสติ (75)
ดูกร บุตรแห่งบริจาริกาของเรา
การแนะนำให้ด้วยคำพูดเสมอมา ถึงเวลาแล้วที่จะให้ด้วยการกระทำ ทุกคนต้องแสดงออกถึงการกระทำที่วิสุทธิ์ เพราะคำพูดนั้นทุกคนมีได้เหมือนกัน แต่การกระทำมีแต่ในผู้ที่เรารักเท่านั้น ดังนั้นจงพยายามด้วยหัวใจและวิญญาณให้ตัวเจ้าต่างจากคนอื่นที่การกระทำ นี้คือคำแนะนำที่เราให้ไว้แก่เจ้าในธรรมจารึกที่ศักดิ์สิทธิ์และวิโรจน์ (76)
ดูกร บุตรแห่งความยุติธรรม
ในยามราตรี ความงามของพระผู้เป็นอมตะลงจากยอดมรกตแห่งความซื่อสัตย์มายังซาดราตูร มันทาฮา* และร่ำไห้จนหมู่เทวดาและผู้ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรเบื้องบนคร่ำครวญต่อความโศกเศร้าของพระองค์ ครั้นแล้วมีคำถามเอ่ยขึ้นมาว่า เหตุไฉนจึงพิลาปร่ำไห้ พระองค์ทรงตอบว่า : ข้าพเจ้าได้รับบัญชาให้รอคอยอยู่บนเนินเขาแห่งความซื่อสัตย์เพื่อสูดสุคนธรสแห่งความภักดี แต่ก็ไม่เห็นมีมาจากชาวโลก เมื่อถูกเรียกให้กลับไป ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นนกพิราบแห่งความบริสุทธิ์ถูกทรมานอย่างเจ็บปวดในอุ้งเล็บของสุนัขบนพิภพ ครั้นแล้วอามาสวรรค์รีบออกมาจากคฤหาสน์เร้นลับด้วยใบหน้าที่ผุดผ่อง และถามชื่อพวกเขา จึงได้ทราบหมดยกเว้นหนึ่งชื่อ และเมื่อรบเร้า พยัญชนะแรกของชื่อนั้นจึงเปล่งออกมา ครั้นแล้วบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในพิมานรีบออกมาจากเทวาวาสอันรุ่งโรจน์ และเมื่อพยัญชนะที่สองเปล่งออกมา พวกเขาทุกคนล้มลงบนพื้นดิน ในชั่วขณะนั้น มีเสียงมาจากสถูปข้างในว่า ?เท่านั้นเถิดพอแล้ว? แท้จริงแล้วเราเป็นพยานต่อสิ่งที่พวกเขาเคยทำและกำลังทำอยู่ขณะนี้ (77)
* คือสัญลักษณ์ที่หมายถึงพระศาสดา
ดูกร บริจาริกาของเรา
จงดื่มสายธารแห่งความลึกลับสวรรค์จากวาจาของพระผู้ทรงปรานี จงยลความอำไพของดวงตะวันแห่งปัญญาจากอรุโณทัยแห่งพจนาสวรรค์ จงเพาะเมล็ดแห่งปัญญาของเราในดินที่บริสุทธิ์ของหัวใจ และรดด้วยน้ำแห่งความมั่นใจ เพื่อว่าไม้ดอกแห่งความรู้และปัญญาจะงอกขึ้นมาอย่างเขียวขจีจากนครพิสุทธิ์ของหัวใจ (78)
ดูกร บุตรแห่งกิเลส
อีกนานเท่าไหร่เจ้าจะเหินอยู่ในอาณาจักรของกิเลส เราให้ปีกแก่เจ้าไว้เพื่อโบยบินไปสู่อาณาจักรแห่งความวิสุทธ์อันเร้นลับ มิใช่ให้บินไปในความเพ้อฝันอันชั่วร้าย เช่นกัน เราให้หวีแก่เจ้าเพื่อให้เจ้าหวีเกศาที่เงางามของเรา มิใช่ให้ไว้เฉือนกรรฐ์ของเรา (79)
ดูกร คนรับใช้ของเรา
เจ้าคือต้นไม้ในสวนของเรา เจ้าต้องออกผลที่ล้ำเลิศ เพื่อว่าเจ้าเองและผู้อื่นจะได้รับประโยชน์จากผลนั้น ดูกร มนุษย์ผู้มีปัญญา เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะประกอบอาชีพและวิชาชีพ เพราะในนั้นมีความลับแห่งความมั่งคั่งอยู่ เพราะผลขึ้นอยู่กับวิธีการ และความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้าเพียงพอสำหรับเจ้าทุกประการ ต้นไม้ที่ไม่ออกผลนั้นเหมาะสำหรับกองไฟ ???????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????(80)
ดูกร คนรับใช้ของเรา
มนุษย์ที่ต่ำที่สุดคือผู้ที่ไม่มีผลผลิตบนโลก แท้จริงแล้วมนุษย์ดังกล่าวนับว่าเป็นเสมือนคนตาย ไม่เพียงเท่านั้น ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า คนตายยังดีกว่าผู้ที่เกียจคร้านและไร้ค่า (81)
ดูกร คนรับใช้ของเรา
มนุษย์ที่ดีที่สุดคือผู้ที่เลี้ยงชีพด้วยการประกอบอาชีพ และใช้จ่ายสำหรับตนเองและญาติพี่น้องด้วยความรักในพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งโลกทั้งปวง (82)
ด้วยความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าสาวที่เร้นลับน่าพิศวงซึ่งก่อนนี้ซ่อนอยู่ในวาทะ มาบัดนี้ได้ถูกแสดงให้ปรากฏชัดประดุจรัศมีอำไพของความงามของพระผู้เป็นที่รักยิ่ง ดูกร สหาย เราขอเป็นพยานว่า ความกรุณาบริบูรณ์แล้ว การแสดงเหตุผลสำเร็จแล้ว ข้อพิสูจน์ประจักษ์แจ้งแล้ว และหลักฐานได้รับการยืนยันแล้ว บัดนี้ขอดูว่าความพยายามของเจ้าในหนทางแห่งความไม่ยึดมั่นจะบังเกิดผลอันใด นี้คือวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดเจ้าและบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์และบนโลก ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งภพทั้งปวง